“แม่ชีจู๊ด” อดีตผจก. ร่ำไห้ฟ้องกลับ “เฟี้ยว์ฟ้าว” ข้อหาหมิ่นประมาท รับไม่ได้ฟ้องแม่อายุ 80 ปีข้อหาฉ้อโกง ทั้งที่สนิทกันนานถึง 7 ปี ก่อนยันเป็นผู้จัดการไม่เคยได้เงินสักบาท ไม่เคยได้โบนัสเป็นแสนอย่างที่อีกฝ่ายกล่าวอ้าง วอนเรื่องไม่จริงขอให้พอ ให้สมกับที่บอกทุกคนว่าไหว้พระ ปฏิบัติธรรม ลั่นรู้อยู่แก่ใจ
จากกรณีที่ “เฟี้ยว์ฟ้าว สุดสวิงริงโก้” แจ้งความ “แม่ชีจู๊ด ฐานิตา ปิ่นแก้ว” และมารดา วัย 80 ปี ที่สน.บางเขน 2 ข้อหา ทั้งหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และข้อหายักยอกทรัพย์ หลังทำธุรกิจบริษัททัวร์ร่วมกัน ล่าสุดวันนี้ (19 เม.ย.) แม่ชีจู๊ด หอบหลักฐานมาพร้อม “ทนายแป๊ะ นายพิพัฒน์ รำจวน” แจ้งความกลับ “เฟี้ยว์ฟ้าว” ที่ สน.ประเวศ ก่อนร่ำไห้รับไม่ได้ที่อีกฝ่ายฟ้องแม่วัย 80 ปี ใส่ร้ายตนคนเดียวไม่พอ แต่ยังใส่ร้ายแม่ พร้อมเผย ตั้งแต่เป็นผู้จัดการ ไม่เคยได้เงินสักบาท ฝากคำพูดสั้นๆ แต่เด็ดถึงเฟี้ยว์ฟ้าว
“วันนี้มาลงบันทึกประจำวันกับทางตำรวจ ถึงในสิ่งที่เขาออกมาแถลงข่าวที่เขาพูดออกเมื่อวันที่ 26 ม.ค. ที่ผ่านมา มันไม่ใช่ความจริง ก็เอาเอกสาร หลักฐานทุกอย่างมาให้กับคุณตำรวจมาแจ้งความ ในวันนั้น หนึ่งเขาบอกว่าเราโกงเงินเขาเป็นหลักล้าน อันนี้ไม่จริง สองเขาบอกว่ามีลูกทัวร์โอนเงินเข้าบัญชีเรา 7 หลัก แล้วลูกค้าเพิ่งมาถามเขาเมื่อเดือน ก.ย. ทำไมเขาไม่ไปทำงานให้ลูกค้า ตรงนี้เราก็มีหลักฐานยืนยันว่าเขาไปทำงานให้ลูกค้าเรียบร้อยแล้ว สามเขาว่าเรารวมหัวกับบริษัทเอเจนซี่ตั๋วเครื่องบิน เป็นทางเพื่อนเรา ร่วมกันฉ้อโกง ซึ่งก็ไม่เป็นความจริง แล้วก็ยังมีอีกหลายข้อความ แม่ชีขอปฎิเสธทั้งหมด แล้วแม่ชีก็มีหลักฐานยืนยันชัดเจนด้วย”
ร่ำไห้รับไม่ได้ ฟ้องยันแม่อายุ 80 ปี อัดทำได้ยังไง ทั้งที่สนิทกันนานถึง 7 ปี
“เขาบอกว่าแม่ชีไปใส่ร้ายเขา ทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงต่างๆ นานา แม่ชีก็อยากจะบอกว่าตัวแม่ชีเองก็มีสังคม ไม่ใช่ว่าเขาจะมีคนเดียว แม่ชีมีธุรกิจส่วนตัว ทำบริษัทออแกไนเซอร์มาเป็น 10 ปีแล้ว ไม่ใช่ไม่มีงานทำ ครอบครัวของแม่ชี คุณพ่อแม่ชีก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการสื่อ สิ่งที่เขาออกมาพูดแบบนี้ทำให้ทางเราก็เสื่อมเสียชื่อเสียงเหมือนกัน
สิ่งที่แม่ชีเสียใจที่สุดคือ แม่ชีเพิ่งมารู้ว่าเขามาแจ้งความคุณแม่ของแม่ชี เราเห็นเอกสารที่ตำรวจส่งมามีชื่อของคุณแม่เป็นผู้ต้องหา แล้วปีนี้เขาอายุ 80 ปีแล้ว จิตใจเขาทำด้วยอะไร แม่ชีก็เลยต้องออกมาเรียกร้องสิทธิ์ตรงนี้เพื่อปกป้องคุณแม่ เขาแจ้งความคุณแม่ในข้อหาฉ้อโกง ต้องใช้คำว่ามันเป็นธุรกิจที่ทำด้วยกันมา แล้วทุกอย่างได้เคลียร์ไปหมดแล้ว แม่ชีมีหลักฐานทุกอย่าง แต่ไม่ชีไม่เข้าใจว่า..(ร้องไห้) มันอยู่ด้วยกันมา สนิทกันมากๆ มา 7 ปี มาใส่ร้ายเราคนเดียวยังไม่พอ เขาทำได้ยังไง
มันไม่มีเรื่องการเข้าใจผิดกันเกิดขึ้นหรอก แม่ชีไม่เข้าใจเลยว่าเขาทำเพื่ออะไร ทุกอย่างมันคือความจริงแล้วเขาก็รู้อยู่แก่ใจตัวเอง แม่ชีก็รู้อยู่แก่ใจตัวเอง ไม่มีใครรู้ความจริงดีเท่าเราสองคน แต่เขาออกมาทำเพื่ออะไร วันนี้เรามีปัญหากัน เราเดินแยกกันดีๆ ไม่ได้เหรอ”
ไม่เคยได้เงินจากเฟี้ยว์ฟ้าว ในฐานะผู้จัดการส่วนตัวสักบาท
“มีปัญหาส่วนตัวกันค่ะ แต่ขอไม่พูดเนอะ แม่ชีรู้จักเขามาเกือบ 20 ปี แต่สนิทมากๆ ที่อยู่ด้วยกัน 24 ชม.เลยก็คือ 7 ปี แล้ววันนึงมีปัญหากัน ออกจากกัน บ๊ายบายกันมาดีๆ ได้ไหม ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่แม่ชีดูแลเขา ในความเป็นผู้จัดการส่วนตัวแม่ชีไม่เคยได้เงินแม้แต่บาทเดียว แม่ชีกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำในฐานะผู้จัดการส่วนตัว ไม่เคยได้เงินเดือน ไม่เคยได้โบนัส ไม่เคยได้ส่วนแบ่งอะไรเลย ในส่วนของฐานะผู้จัดการส่วนตัวนะ ไม่เคยได้แม้แต่บาทเดียว
ด้วยความที่เราเป็นห่วงเขา ก็อยากจะช่วยดูแลเขา เขาไปถ่ายงานต่างจังหวัด ถ่ายละคร แม่ชีขับรถให้เขา ไปเป็นเพื่อนเขาทุกอย่าง เราเป็นห่วงเขามากทุกคนจะรู้ แต่หลังจากที่เรามีปัญหากันเขาก็ไปบอกให้คนอื่นฟังว่าเขาให้เงินเดือนเราเดือนละ 5 หมื่น ให้โบนัสปีละแสน แม่ชีไม่เคยได้ค่ะ แล้วแม่ชีก็ไม่เคยคิดที่จะเรียกร้องด้วย เพราะเราดูแลเขาจากใจ
แล้วถามว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาแม่ชีมีรายได้จากไหน แม่ชีมีธุรกิจส่วนตัวคือทำบริษัทออแกไนเซอร์ ทำมา 10 ปีแล้ว ตอนที่มาสนิทกับเขา 7 ปี เราก็ทำออแกไนเซอร์ ทำทัวร์ ทำธุรกิจอื่นๆ ด้วยกัน ตรงนี้มีการแบ่งเงินกันจริง แม่ชีมีรายได้จากตรงนี้จริงในพาร์ตของธุรกิจ แต่ในพาร์ตของผู้จัดการส่วนตัวแม่ชีไม่เคยได้แม้แต่บาทเดียว
ส่วนปัญหาที่ว่าเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน ขออนุญาตบอกแค่ว่าเป็นเรื่องส่วนตัวค่ะ เราแยกกันมาตั้งแต่ต.ค. เมื่อปีที่แล้ว แยกกันมาด้วยไม่ดี เคลียร์กันมาแบบไม่ดี (แตกหักกัน?) ประมาณนั้น”
ฟ้องพี่ชายเฟี้ยว์ฟ้าวด้วย
“ล่าสุดทางฝั่งเขามาแจ้งความแม่ชี 2 คดี หมิ่นประมาทว่าแม่ชีไปปลุกปั่นลูกทัวร์ ตลอดเวลาที่ทำทัวร์ด้วยกันแม่ชีเป็นคนทำงาน ลูกทัวร์ล่าสุดของกลุ่มพม่าเมื่อปี 2563 แต่ไม่ได้เดินทางเพราะมีโควิด ลูกทัวร์กลุ่มนี้แม่ชีเป็นคนคุยแต่เพียงผู้เดียว บริษัทไม่ได้มีพนักงาน มีเขา พี่ชาย และแม่ชี พอถึงเวลาไม่ได้เดินทางลูกทัวร์มาเรียกร้องขอเงินคืน แม่ชีก็แจ้งว่าเลื่อนซึ่งก็ดำเนินการเลื่อนจริงๆ ลูกทัวร์บางคนโอเค บางคนก็ไม่โอเค คนไม่โอเคแม่ชีก็โอนเงินคืน เพราะเงินอยู่ที่แม่ชีจริง เสร็จแล้วช่วงต.ค.หรือพ.ย.ที่มีปัญหากัน เขาโพสต์รูปแม่ชีว่าบุคคลนี้ไม่ได้เป็นผจก.ส่วนตัวของเขาแล้ว ไม่มีการเกี่ยวข้องกันแล้ว ลูกทัวร์ทุกคนก็ติดต่อมาที่แม่ชีเพราะไลน์ลูกทัวร์ทุกคนอยู่ในมือถือแม่ชี แม่ชีเลยบอกว่างั้นโทร.ไปติดต่อทางเขาเลย
จริงๆ ตอนแรกเงินอยู่ที่แม่ชี เสร็จแล้วพอแตกหักกันแม่ชีก็ไปเคลียร์เอกสารไปลงบันทึกประจำวันเรียบร้อย แล้วที่นี้ลูกทัวร์มาทวงแม่ชีจึงได้บอกว่าติดต่อไปทางเขาเลยเพราะแม่ชีไม่เกี่ยวแล้ว แต่ด้วยความที่แม่ชีคุยกับลูกทัวร์มาตลอด ทางลูกทัวร์ก็โทร.ไปทางนั้นซึ่งทางนั้นแจ้งกับลูกทัวร์ว่าแม่ชีฉ้อโกงและได้ไปแจ้งความแม่ชีแล้ว เงินอยู่กับแม่ชี เงินอยู่กับพม่า เงินอยู่ที่บริษัทตั๋ว ถ้าลูกทัวร์จะเอาเงินคืนเดี๋ยวเขาจะควักเงินในกระเป๋าคืนให้ 30% ตรงนี้แม่ชีก็มีหลักฐาน แต่ลูกทัวร์พอได้ยินแบบนั้นก็ต้องเข้าใจว่าแม่ชีเป็นคนไม่ดีแล้ว แล้วเขาก็ไม่ยอมคืนลูกทัวร์เต็มจำนวน ลูกทัวร์เหล่านั้นเลยต้องมาขอความช่วยเหลือจากแม่ชี แม่ชีก็ต้องเล่าเรื่องจริงให้ฟัง พร้อมแนะนำให้ลูกทัวร์ไปเรียกร้องเงินคืนจากทางเขา แล้วถ้าไม่ได้คืนยังไงก็ไปร้องเรียนกรมการท่องเที่ยวแล้วกันเดี๋ยวแม่ชีจะประสานให้ จนวินาทีสุดท้ายที่เขารู้ว่าจะไปร้องเรียน เขาถึงคืนเงินลูกทัวร์แต่ไม่คืน 100%”
เคยโทรศัพท์ไปขอว่าให้พอ แต่กลายเป็นกล่าวหาตนข่มขู่
“มีโทร.ไปหาเขาอยู่ว่าพอเถอะ ถ้าไม่พอแม่ชีขอออกมาพูดความจริงบ้างนะ เขาตอบกลับมาว่าไม่ต้องมาขู่ กลายเป็นว่าแม่ชีไปขู่เขา หลังจากนั้นก็ไม่คุยกันอีก เรื่องว่าจะมีการยอมความกันไหมคงให้คุยกับทางทนาย แต่อย่างที่บอกว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่โดน เคยมีเหตุการณ์นี้กับคนอื่นมาแล้ว นักข่าวก็น่าจะรู้ แค่เสิร์ชกูเกิล จริงๆ ครอบครัวแม่ชีรักเขามาก ไม่อยากให้แจ้งความด้วยซ้ำ แต่อันนี้มันรับไม่ได้กับการที่มาแจ้งความคุณแม่แม่ชีว่าฉ้อโกง ตอนนี้ครอบครัวก็อยากให้ดำเนินการถึงที่สุด แม่ของแม่ชีก็มีสังคม มีหน้าตาเหมือนกัน หรือเอาง่ายๆเป็นคนธรรมดา ถ้าเราโดนกระทำแบบนี้ก็ควจะต้องออกมาปกป้องสิทธิ์ ศักดิ์ศรีของตัวเอง”
ฝากบอกพอได้แล้วกับอะไรที่มันไม่จริง
“สั้นๆ เลย แม่ชีอยากให้เขาพอได้แล้วกับอะไรที่มันไม่จริง พอได้แล้ว”
หากมีหลักฐานสู้กลับก็ให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม
“ก็ให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมเพราะตรวจสอบได้อันไหนจริงอันไหนเท็จ แม่ชีเชื่อในความจริง ความยุติธรรม พูดตรงๆ เลยแม่ชียังมีความรู้สึกดีๆ กับเขาอยู่ กล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำเลย แต่คนรอบข้างเขาบอกว่ามันถึงเวลาที่แม่ชีต้องออกมาพูดบ้างแล้ว ทั้งที่ความจริงแม่ชีไม่ได้อยากออกมาออกมาสื่อ ไม่อยากทำอะไรแบบนี้เลย แต่มันรับไม่ได้ที่เรื่องมาถึงแม่ มันเลยต้องมีวันนี้ จริงๆ เขาเป็นนักแสดงที่น่ารักมาก แต่เรื่องไหนไม่จริงก็พอได้แล้ว ให้สมกับที่เขาบอกทุกคนว่าเขาไหว้พระ เขาปฏิบัติธรรม เขาทำอะไรก็รู้แก่ใจตัวเอง อยากให้เขาหยุดค่ะ”
ด้าน “ทนายแป๊ะ พิพัฒน์ รำจวน” เผยว่า ฟ้องเฟี้ยวฟ้าว์ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ทำให้คนเข้าใจแม่ชีในทางที่ผิด
“สำหรับ สน. ประเวศ มาด้วยข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ทำให้คนอื่นเข้าใจแม่ชีในทางที่ผิด หลังจากแม่ชีทราบเกี่ยวกับการแถลงข่าวของคู่กรณีเลยจำเป็นต้องมาร้องทุกข์ที่สน.นี้ เนื่องจากในข้อความที่แถลงข่าวมีการใส่ร้ายทำให้บุคคลอื่นเข้าใจแม่ชีในทางที่ผิด นอกจากที่เขาออกมาแถลงข่าวแล้วก็ยังมีที่โพสต์ตามเฟซบุ๊กและไอจีอีก ซึ่งจะอยู่คนละท้องที่ก็จะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษไปตามแต่ละท้องที่ไป”