“แพทริเซีย” เล่าช่วงชีวิตถูกสังคมแอนตี้ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา รับคนคาดหวังให้ตนเป็นเหมือนภาพในจอ พอเจอข่าวฉาวจากนางเอกสายแบ๊วเลยกลายเป็นนางเอกที่ถูกแอนตี้ ทำงานละครโดนงดฉาย รับเข้าใจจุดที่ตนอยู่ที่มาถึงจุดนึงจะโดนกันทุกคน ทำไม่อยากเล่นโซเชียล แม้จะเป็นช่องทางทำเงินของดาราในยุคนี้
เริ่มหันมารับงานสายแซบมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมาเป็นนางเอกสาวแบ๊วมาตลอดจนแฟนๆ ติดภาพและถูกแอนตี้ไปพักนึงกับข่าวเรื่องความรักที่กลายเป็นข่าวฉาว ซึ่ง “แพทริเซีย กู๊ด” ยอมรับว่าคนยังติดภาพและคาดหวังว่าตนเป็นนางเอกใสๆแบ๊วๆ ทั้งๆ ที่ตอนนี้ตนอายุจะ 25 ปีแล้ว
“แพทเป็นคนที่มีหลายคาแรกเตอร์ ขึ้นอยู่กับว่าเราอยู่กับใคร แล้วแพทก็รู้สึกว่าการที่แพทได้เติบโตมาในวงการบันเทิงทำงานมาตั้งแต่เด็กมันทำให้เราโตกว่าเพื่อนในวัยเราด้วย เราก็จะมีความเป็นผู้ใหญ่กว่าในมุมทำงานเร็ว แต่ในเวลาเดียวกันบางทีเราก็ยังมีมุมง้องแง้ง แบ๊วๆ แต่แค่รู้สึกว่าการที่เราเล่นบทเดิมๆ บทที่ดูเด็กๆ ดูอินโนเซนต์อาจจะทำให้คนคาดหวังว่าเราต้องเป็นเหมือนภาพที่เขาเห็นเราในจอ เขาไม่ได้สัมผัสตัวตนเรา ซึ่งตอนนี้แพทก็จะอายุ 25 ปีแล้ว”
นางเอกหลายคนพอถึงจุดหนึ่งก็อยากสลัดความแบ๊ว โตขึ้นไปอีกสเต็ป แต่สำหรับ “แพทริเซีย” นั้น….
“ที่ผ่านมาแพทแค่รู้สึกว่าเหมือนแพทยังอยู่ในกรอบ แล้วได้ทำอะไรเดิมๆ ไม่ได้พุชตัวเอง แพทรู้สึกว่าถ้าแพทจะทำอาชีพนี้ไปอีกไม่รู้กี่ 10 ปี ถ้าเราจริงจังกับมันและรักมัน ทำไมเราไม่โชว์ศักยภาพของเราออกมา ทำไมไม่ผลักดันให้ไปไกลกว่านี้เลยรู้สึกว่าถ้ามีโอกาสดีๆ เราต้องคว้าเอาไว้
เรียกว่าอยากท้าทายตัวเอง แพทไม่ได้ซีเรียสนะถ้าให้แพทกลับไปเล่นบทแบ๊วแพทก็ชอบ แต่หมายถึงการที่เราได้มาเล่นบทแซบ ฟาดๆ ลึกลับเราไม่เคยทำ ถ้าเราต้องเล่นบทคนบ้า คนอะไรก็ตาม ถ้าเราไม่เคยทำก็จะอยากลอง”
ประสบการณ์ทำเข้าใจโลกมากขึ้นหลังเจอมรสุมโดนแอนตี้
“เอาจริงๆ 2-3 ปีที่ผ่านมา หลังจากมีเรื่องมีราวเยอะแยะไปหมด แล้วก็ละครก็ไม่ได้ฉาย คนก็จะบอกว่าไม่ชอบแพทเลย ทำไมเมื่อก่อนดูเป็นเด็กน่ารัก ดีกว่านี้ เหมือนเกลียดไปแล้วเปลี่ยนไป แล้วเอาจริงๆ แพทเห็นนักแสดงเกือบทุกคนโดนแบบนี้หมดเลย บางจุดในชีวิต มันก็คงเป็นแค่ภาพติดตาหรือว่าความคาดหวังจากคนดูที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็กแล้วพอมาถึงจุดหนึ่ง เราอาจจะเป็นตัวของตัวเอง เราอาจจะโตเต็มที่ อยากทำโน่นทำนี่ มันไม่เหมือนเมื่อก่อน คนดูอาจจะมีความคิดที่มันลบไปแล้ว
เข้าใจโลกมากขึ้นว่าคนมีหลายรูปแบบมาก เมื่อก่อนแพทเป็นคนค่อนข้างมองโลกในแง่ดีจะไม่ค่อยคิดเยอะ ทำอะไรตรงๆพอโตขึ้นเรารู้สึกว่าทุกอย่างมันต้องคิดเยอะกว่านี้ การทำงานในวงการหรือไม่ว่าอาชีพอะไรก็ว่าการแข่งขันมันเยอะ เราจะทำยังไงให้เราอยู่ได้เป็นที่จดจำ ทุกอย่างมันสอนหมด แพทโชคดีมากที่มีโอกาสยังทำงานตรงนี้อยู่และได้รับบทดีๆ อยู่”
รู้ดีว่าโซเชียลเป็นอีกช่องทางนึงของอาชีพ แต่สำหรับตนรู้สึกยาก
“เรื่องความรักหรือว่าทั่วไป จริงๆ ในโซเชียลแพทถ้าพูดถึงเรื่องความรักเลยก็ไม่ได้ลงมาตั้งแต่แรก เราคุยกันตั้งแต่แรกกับพี่โน้ต (วิเศษ รังษีสิงห์พิพัฒน์) อยู่แล้วว่าเมมโมรี่หรือรูปอะไรต่างๆ ที่เรามีก็ไม่จำเป็นต้องแชร์ก็ได้ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วกัน แต่ถ้าพูดถึงโซเชียลโดยรวมมันไม่เล่นไม่ได้อยู่แล้ว ในฐานะที่เป็นนักแสดงมันเป็นส่วนหนึ่งของอาชีพ บางทีบอกเลยว่าก็เบื่อการต้องมาลงรูป ทำโน่นทำนี่แต่สุดท้ายมันคือแพลตฟอร์มที่คนติดตามเรา และเป็นแพลตฟอร์มที่เราจะหางานได้ ไม่เล่นก็ไม่ได้แล้วจริงๆ สังเกตจากนักแสดงหลายคนที่เมื่อก่อนไม่เล่น เฟซบุ๊ก ไอจีตอนนี้ต้องมีหมดเลยเพราะเป็นวิธีหาเงิน
สำหรับแพทมันยากมากแพทบอกเลย พี่ๆ ทุกคนที่ขยันลงรูปขยันทำคอนเทนต์ ใจต้องรักและต้องเป็นคนขยัน แพทยอมรับเลยว่าตอนนี้เรื่องทำคอนเทนต์ยังแผ่วอยู่ แต่หวังว่าพอละครเริ่มถ่ายน้อยแล้ว น่าจะมีเวลาลุยตรงนี้”
