xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป)“พลัสเตอร์” รับเป็น LGBT เหนื่อยกว่าเพศปกติ กว่าสังคมจะยอมรับต้องฝ่าอีกหลายด่าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“พลัสเตอร์” ยอมหันหลังให้วงการ เพราะพิษโควิด ไปเป็นพนักงานออฟฟิศ แต่โชคชะตาดึงกลับมาอีกครั้ง ประกาศ “พลัสเตอร์กลับมาแล้ว” ยอมรับเป็น LGBT เหนื่อยกว่าเพศปกติ เพราะกว่าสังคมจะยอมรับต้องฝ่าฟันอีกหลายด่าน

“พลัสเตอร์ พรพิพัฒน์ พัฒนเศรษฐานนท์” นักแสดงหนุ่มหน้าหล่อที่โลดแล่นในวงการบันเทิงมานานกว่า 10 ปี แต่แล้วเหมือนโชคชะตานำพาให้ต้องเบรคงานในวงการบันเทิงเพราะด้วยสัญญาที่หมดและพิษโควิด แล้วเบนเข็มไปเป็นพนักงานออฟฟิศ แต่เหมือนเกิดมาจากตรงไหน ยังไงก็หนีไม่พ้น เพราะล่าสุดก็กลับมารับงานในวงการอีกครั้ง ด้วยคำนิยามใหม่ “พลัสเตอร์กลับมาแล้ว” พร้อมต้องเผชิญคำวิจารณ์การเป็น LGBT ที่ต้องใช้ชีวิตในวงการบันเทิง ท่ามกลางกระแสสังคมบางคนที่ยังไม่ยอมรับ กับบทพิสูจน์ในหลายๆ ด่าน



“ครั้งนี้ก็ตั้งใจจะกลับมารับงานในวงการมากขึ้น ก็อาจจะมีอะไรที่ดีครับรวมถึงเปลี่ยนผู้จัดการแล้วด้วย ติดตาม ติดต่องานได้นะครับ เพราะก่อนหน้านี้เราก็เบนเข็มไปทำงานอีกด้านนึงเลย นั่งอยู่ออฟฟิศ ตอนนั้นมันเป็นที่เลือกยากมาก ระหว่างที่ต้องพักงานบันเทิงและไปทำงานอีกแบบนึง วันนั้นคือร้องไห้เลยนะ เพราะว่าการไม่ต่อสัญญาก็เป็นอะไรที่เรารู้สึกว่าตรงนั้นมันเป็นคอมฟอร์ดโซน แล้วมันเป็นเซฟโซนที่เรารู้สึกว่าไม่รู้ว่าจะทำยังไง แล้วออกไปต้องใช้ชีวิตยังไง"

"พลัสว่าหลายคนเจอปัญหานะ น้องๆ หรือว่าพี่ๆ ในวงการบันเทิงที่มูฟออนไม่ได้กับการไม่มีงานหรือจากโควิด พลัสคิดว่ามันเป็นอะไรที่ยาก วันนั้นพลัสร้องไห้เลย เพราะว่าจะต้องทิ้งตรงนี้จริงๆหรอ แล้วก็ถ้าจะโฟกัสก็จะต้องเลือก แต่ว่าก็แอบน้อยใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมตัวเองไม่สามารถทำได้ทั้งสองอย่าง แต่ถ้าทำได้ทั้งสองอย่าง มันก็จะเหมือนว่าไม่ได้โฟกัสและจะทำออกมาได้ไม่ดี ก็เลยรู้สึกว่าต้องเลือกทำอย่างใดอย่างนึง ก็เลยขอเลือกงานออฟฟิศก่อน และช่วงนั้นโควิดด้วย ก็เลยรู้สึกว่าอยากหาอะไรที่มันมั่นคง กับเรื่องการเงินเอย ภาระที่ตัวเองแบกรับด้วย เราเลยรู้สึกว่าต้องหาอะไรที่ทำได้ต่อเนื่อง”

“พลัสยอมรับว่าตอนนั้นเคว้งมาก วินาทีนั้นคือเคว้งมาก การไม่ต่อสัญญาก็เป็นอะไรที่รู้สึกว่าทำใจลำบาก และอีกอย่างนึงคือมันก็เป็นอะไรที่แบบเลือกตัดสินใจยาก พลัสรู้สีกว่าเราจะเดินทางยังไงดีกว่า เพราะว่าอายุเท่านี้และ เราก็แบบไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ยังไง ความรักก็เช่นกัน แต่ว่าโชคดีที่ได้โอกาสมากกว่า และเป็นคนโชคดีที่แบบมีแผนสำรอง แต่เชื่อไหมว่า ตลอดชีวิต ต้องไหว้พระ ต้องมูเตลูนะ มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากเลยนะจริงๆ การมูเตลูเนี่ย เรารู้สึกว่ามันเป็นการไหว้ เพื่อทำให้จิตใจเราดีขึ้น และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเราด้วย พอเราเติมเต็มตัวเอง และมีความสุขแฮปปี้และเราลงมือทำ มันก็จะรู้สึกว่ามันเต็มที่และเหมือนมีพลังในการทำอะไรหลายๆอย่าง”

จำทุกความรู้สึกได้ จากเด็กบ้านนอกเข้าวงการบันเทิง
“และแพสชันที่อยากกลับมาทำวงการบันเทิงอีกครั้ง พลัสอยากเป็นพลัสเตอร์ครับ และก็อยากดูแลเขาให้ดี เราเกิดมาในชีวิต เราคิดว่ายังสามารถช่วยใครหรือพาใครคนใดคนนึงที่อยู่ข้างๆ เราไปต่อได้ในทุกๆ เรื่อง เราเลยรู้สึกว่า ครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งที่เราไปแคสงานเมื่อก่อน จำได้ทุกสเต็ป และจำได้ทุกความรู้สึกเลยว่ าเด็กบ้านนอกคนนึงได้เดินเข้ามาในกรุงเทพฯ วันนั้นมันลำบากมาก แล้วเราไม่เคยลืมว่าใครที่ทำให้เรามาถึงจุดนี้ได้ ต้องบอกว่าเราขอบคุณกับทุกบันไดเลย คือการที่เรากลับมาในวงการบันเทิง เรารู้สึกว่า เราต้องได้ไปต่อ แล้วเราบอกกับตัวเองหน้ากระจกว่า เธอคือพลัสเตอร์ และพลัสเตอร์ต้องได้ไปต่อในวงการบันเทิง”

เมื่อก่อนเพศที่ 3 ต้องโดนปิดกลั้น แต่ตอนนี้จะทำให้ทุกคนรู้ว่า เพศที่ 3 ก็สามารถทำได้หลายอย่าง
“และที่เราบอกว่าเราอยากโชว์ความเป็นตัวเรา เพราะเราเคยโดนปิดกั้นเรื่องทางเพศ เราเลยรู้สึกว่าครั้งนี้เราจะมาในมุมที่เป็นเรานี่แหละ แต่ก็นอบน้อมนะครับ (และสิ่งที่เราโดนมาวันนั้น เขาให้เหตุผลว่าอะไร?) ก็สังคมยังไม่ได้เปิดรับ และอีกอย่างนึง เราก็มองว่าสังคมก็เลือกที่สลับกัน เราไม่โทษใครเลย เรารู้สึกว่าผ่านมาถึงจุดนี้ เราขอบคุณมันมากกว่า มันทำให้สเต็ปตรงนั้น ทำให้เรามีความอดทนในการทำงาน มันทำให้เราแยกแยะออกว่าอะไรคืออะไร และก็อยากมาเป็นตัวเองมากกว่า และก็อยากจะทำให้ทุกคนรู้ว่าเพศอย่างเราก็ทำได้หลายอย่างเหมือนกัน”

“แต่มันก็ไม่ได้สู้ชีวิตขนาดนั้นหรอก มันก็เหมือนคู่ชายหญิงนี่แหละ มันไม่มีใครแตกต่างไปกว่าใครหรอก แต่เพียงแค่ว่าคิดจะพักก็เลยคิดถึงหนี้สิน คือจริงๆ แล้วการเป็นเพศที่สามหรือ LGBT ครับ ต้องบอกว่ามันไม่ได้เป็นง่ายนะ การเข้ามาขนาดนี้ มันไมได้เป็นง่ายนะ แล้วที่สำคัญคือมีภาระมากกว่าคนอื่น แต่มันก็เหมือนจะมีด่านบางด่าน เหมือนทำไม ต้องพิสูจน์ด้วย ทำไมต้องบอกคนโน้นคนนี้ว่าเราเป็นอะไร เราคิดว่าก็น่าจะเป็นด่านที่ยากอยู่เหมือนกัน สำหรับคู่ชายหญิง เราคิดว่าคงมีด่านของเค้าเหมือนกัน ซึ่งพลัสว่าเราก็เคยพิสูจน์ตัวตนมาแล้วนะ เราเล่นสองเรื่องพร้อมกันตอนนั้นถ่ายเฟรนด์โซนกับแฮปปี้เบิร์ดเดย์ เราก็เล่นได้ วันนั้นเราก็เลยรู้สึกว่าคลิกว่า เป็นนักแสดงเราต้องเล่นได้ทุกบทบาท ไม่จำเป็นหรอกกว่าต้องหน้าตาแบบนี้ สภาพแบบนี้หรือเพศแบบนี้ เราต้องเล่นบทนี้บทเดียว เราสามารถเล่นเป็นผู้ชายได้ ผู้หญิงได้หรือเพศไหนๆ ก็ได้ เราว่ามันดีกว่า”











กำลังโหลดความคิดเห็น