อายุ 37 “เวียร์” เกษียนแล้ว มีครบทุกอย่างแล้ว ไม่ร้อนเงิน ถามตัวเองว่ามีความสุขไหม เป้าหมายตอนนี้คือความสุข อยากมีรักที่ให้และรับแบบพอดี ใจเย็นขึ้น ไม่ว่าจะเจอกับปัญหาอะไรก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
วันที่ 18 เมษายนนี้ พระเอกหนุ่ม “เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ” ก็จะเข้าสู่วัย 37 ปีอย่างเป็นทางการแล้ว บางคนอายุเท่านี้พึ่งเริ่มต้นมั่นคง แต่สำหรับเวียร์เวลานี้คืออยู่ในวัยเกษียณ ทำงานน้อยลงเพราะเลือกทำในสิ่งที่ชอบ เป้าหมายคือมีความสุขและเป็นตัวของตัวเอง อยากจะเป็นนักแสดงไปเรื่อยๆ
“เดือนนี้ครบ 27 (หัวเราะ) มีตั้งใจทำอะไรเป็นพิเศษไหม ก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ทำบุญครับ วันเกิดทุกปีก็ทำบุญ ผมกับแม่เกิดพร้อมกัน หลังวันเกิดแม่อาจจะบินกลับมาเยี่ยม เพราะช่วงนี้โควิดเริ่มเบาบางลง ปีนี้อายุเยอะขึ้นอีกแล้ว ก็โตไปด้วยกันนี่แหละ”
ของขวัญให้ตัวเองมีเยอะ เพราะซื้อตลอดไม่ต้องรอวันเกิด
“มีเยอะครับ ทั้งรถ ทั้งบ้าน ซื้อให้ตัวเองไม่ต้องรอวันเกิด ทำตลอดเวลา ให้รางวัลตัวเองตลอด ด้วยความที่เราทำงานเเยอะ เก็บเงินมาก็ใช้ไปตลอด ทำอะไรที่เราชอบ มีความสุข ไลฟ์สไตล์ท่องเที่ยว ทำสวนทำไร่ ซื้อรถบ้าน ทำอะไรที่ตัวเองชอบไม่เดือดร้อนคนอื่นก็ทำไป”
วัย 37 ปีใกล้เป็นหนุ่มเต็มตัว โชคดีประสบความสำเร็จในชีวิต ตั้งแต่ 20 ปลายๆ
“จริงๆ แล้วมันเป็นวัยที่ไม่รู้สิมันก็ต้องเริ่มไหม ผมเคยบอกไว้ตอนอายุ 30 ว่ามันกำลังเริ่มโตเนาะเป็นหนุ่ม พอ 40 มันก็เป็นหนุ่มเต็มตัว เรากำลังจะเข้าใกล้ 40 แล้ว ผมว่าเป็นช่วงเวลาที่ต้องชัดเจน ในเรื่องของไลฟ์สไตล์ต่างๆ ผมโชคดีอย่างหนึ่ง คือเราค่อนข้างประสบความสำเร็จในช่วงชีวิตแรกๆ ของเรา ในวัยที่เรายังเด็กอยู่ 20 ปลายๆ อะไรอย่างงี้"
"เราโชคดีพอเรามาถึงจุดที่ก็มีประมาณหนึ่งไม่ได้ลำบาก เรามีหน้าที่การงานที่มั่นคง เราก็รู้สึกว่าเราได้ใช้ชีวิตของเราเร็ว เราเที่ยวเร็ว เราซื้อที่เร็ว สร้างบ้านเร็ว เราเริ่มมีความมั่นคงของเราประมาณหนึ่ง พอมันมาถึงจุดหนึ่ง มันก็ทำให้เรามองว่า เอ๊ะ…พอเรามีทุกอย่างแล้ว เรามีความสุขไหม เนี่ยเป็นวัยที่ผมรู้สึกว่าผมกำลังหาคำตอบให้ตัวเองอยู่ว่า พอผมมีทุกอย่างแล้วผมจะไปยังไงต่อ ซึ่งผมก็ไปต่อได้ ผมก็มีความสุขของผมไปต่อ ก็มีอะไรให้ทำอีกเยอะเลย”
ความสุขในตอนนี้คือการพักผ่อน เลือกและงานที่ทำจริงๆ
“มันก็แบบพักผ่อน หางานที่เราอยากทำจริงๆ ถามว่าเลือกไหมก็ประมาณหนึ่งเพราะเราโตแล้ว เราเล่นมาหมดแล้วเพราะฉะนั้นเราก็เลือกในสิ่งที่เราอยากทำจริงๆ หรือ บางทีบทหรือละครบางเรื่องเขาก็เลือกเราเอง อยู่ๆ ก็ต้องไปเล่นเรื่องนั้นมันมีหลายๆ อย่างที่เป็นเรื่องท้าทายและสนุกในชีวิตอยู่ ผมเพิ่งได้คำตอบว่า อายุ 37 มันเพิ่งเริ่มมากๆ เมื่อก่อนผมคิดว่า 30 เพิ่งเริ่ม จริงๆ 37 ก็เพิ่งเริ่ม เมื่อก่อนบางคนกลัวว่า 37 ต้องเล่นเป็นพ่อแล้วนะ แต่ไม่ใช่แล้วนะตอนนี้ เหมือนทุกอย่างมันเปลี่ยนไป"
"แพลทฟอร์มหรือช่องทางต่างๆ มันมีให้นักแสดงในวัยผมโลดแล่นมากกว่าเดิม มันไม่ใช่เมื่อก่อนที่แบบ พี่เวียร์พออายุ 35 เดี๋ยวต้องเล่นเป็นพ่อพระเอก โถ่ ชีวิต (หัวเราะ) คิดอยู่เลยว่าจริงเหรอเนี่ย มันไม่จริงอีกต่อไปแล้ว ยังมีอะไรให้เราทำอีกเยอะ แล้วก็ถ้าเรายังเป็นคนที่มีความสนุกในการทำงาน มีความสามารถ พัฒนาตัวเองแล้วก็เข้าใจตัวเองว่าทำอะไรอยู่ อยู่ในจุดไหน มันยังมีทางให้ไปอีกเยอะเลย มีทางให้สนุกอีกเยอะเลย”
เมื่อก่อนคนชอบพูด 35 ต้องเล่นเป็นพ่อ แต่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ไม่อยากใช้คำว่าพระเอก ให้เรียกนักแสดงนำ ตัวละครอื่นก็สำคัญพอกับเรา
“ไม่ได้แอบคิด ได้ยินเขาพูดกัน เราก็แบบจริงเหรอ ซึ่งเมื่อก่อนอาจจะจริงก็ได้ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว มันเปลี่ยนแล้ว ผมไม่อยากใช้คำว่าพระเอกแล้วนะ ผมอยากจะเปลี่ยนให้นักแสดง ที่อยู่ในละครแต่ละอย่าง ให้เป็นนักแสดงนำ เป็นคำนี้ไป อย่างตัวละครอื่นๆ ก็มีความสำคัญพอๆ กับเรา”
พอเจอทางที่ใช่ ก็ไปได้อีกเป็นร้อยปี
“เป็นร้อย เป็นร้อยปี (หัวเราะ) ก็คิดว่าทุกคนไปได้หมด แต่เราก็ต้องมีวิธีการของแต่ละคนที่ต้องไป จะมาถามว่าให้ดูแบบพี่เวียร์ บางทีก็ทำเหมือนกันไม่ได้ แต่ละคนก็มีวิธีของตัวเอง”
เกษียณตัวเองไปนานแล้วในความคิด ไม่ได้ทำงานแบบร้อนเงิน อยากเล่นก็เล่น อยากพักก็พัก
“จริงๆ ผมพูดกับตัวเองว่า ผมเกษียณไปตั้งนานแล้วนะ ผมทำงานสบายๆ ทำที่เราอยากทำ เงินก็อยากได้ (หัวเราะ) ถ้าพูดแบบเข้าใจง่ายก็คือไม่ได้ร้อนเงิน ไม่ได้มีภาระอะไรแต่ว่ายังเป็นอาชีพที่เราสนุก ละครก็อยากเล่น พักก็อยากพัก (หัวเราะ) พอพักนานๆ ก็คิดถึง พอเล่นเยอะๆ ก็เหนื่อยอยากพักไง เป็นปกติ แต่พอเจอละครที่สนุก ทีมงาน นักแสดง เราก็ไม่อยากปิดกล้องนะ อยากทำยาวๆ เป็นซีรีส์ไปเลย ขอมีสัก 100 ตอนได้ไหม (หัวเราะ) เอาแบบซีรีส์ต่างประเทศมีแบบ 8 ซีซั่นอะไรอย่างงี้ ไม่ต้องเล่นอะไรอีกแล้ว มีไหม"
"เอาจริงๆ เมื่อก่อนคิดไว้สองแบบคือ คิดว่าระยะเวลาในการทำงานของนักแสดงสั้น คิดว่า 5 ปี 7 ปี ด้วยความที่เมื่อก่อนเราเห็นไง ว่าบางคนก็รีไทร์เร็ว เออรี่เร็ว แต่เราก็มีความคิดอีกครึ่งหนึ่งว่า ถ้าเรามองว่ามันคืออาชีพๆ หนึ่งมันต้องยาวสิ มันจะสั้นได้ยังไง ในเมื่อเราเลือกทำอาชีพนี้แล้ว เราจบวิศวะเนอะ ถ้าเราเป็นวิศวะเราก็ทำถึง 60 ใช่ไหม เพราะฉะนั้นถ้าเราเป็นนักแสดงทำไมไม่ถึง 60 จะเป็นทำไมวะเนี่ย แล้วชีวิตเรามาอยู่ตรงนี้ เราทิ้งหน้าที่การงานตัวเองมา มาอยู่ตรงนี้แล้ว 7 ปีเหรอ แล้วเราไปทำอะไรต่ออะ มันกลับไปทำอาชีพเดิมไม่ได้แล้วไง เราเลยมองว่ามันก็ต้องอยู่ให้ได้ยาวที่สุด แล้วประจวบเหมาะกับทุกอย่างเหมือนพัฒนาไง มันเปลี่ยน ถ้ายังเป็นเหมือนเดิมก็คงแย่เหมือนกันนะ ตอนนี้ก็อาจจะไม่ได้ทำแล้วก็ได้”
ความสำเร็จในชีวิต ก็ต่อเนื่องมาจากชื่อเสียง แต่ในวัยนี้แล้ว ก็แค่อยากมีความสุข ที่ได้เป็นตัวของตัวเอง
“ชื่อเสียงก็ดีนะ ก็เป็นอะไรที่ต่อเนื่องนั่นแหละ อย่างผมเองเนี่ย เรื่องเป้าหมายมันคงพูดลำบาก ถามว่าเราชอบจะทำอะไรมากกว่า ในวัยที่เราโตแล้ว ผมก็แค่อยากจะมีความสุข อยากจะให้คนอยู่รอบข้างผมอยู่กับผมแล้วมีความสุข ผมแค่อยากจะทำในสิ่งที่ตัวเองทำแล้วมีความสุข คนอื่นก็มีความสุข มันเหมือนกับว่าเราอยู่ในวงจรของความสุขความสนุกให้ได้ตลอดเวลาอย่างมีความสุข ที่ได้เป็นตัวของตัวเอง"
"เหมือนกับพอเราโตขึ้นมันคัดทุกอย่างเลยเนอะ เหลือแค่ไม่กี่อย่างที่เราจะทำ เหลือเพื่อนแค่ไม่กี่คนที่เราคบ หรืออะไรแค่ไม่กี่อย่าง แต่มันก็มีความสุขตลอดเลยไม่รู้เพราะอะไร อาจจะเป็นเพราะว่าเราเป็นคนแบบว่า แง่บวกด้วยมั้งสบายๆ ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ถามว่าชื่อเสียงอะ มันก็คงได้มาเป็นรางวัลจากการที่เราตั้งใจทำงานนั่นแหละ พัฒนาตัวเอง คืออยากให้งานมีคุณภาพแหละ มันเลยมีชื่อเสียง เงินทองมันก็ตามมา แต่ถามว่าเป้าหมายหลักๆ ไม่ใช่ ก็คืออยากมีความสุข”
อยากมีชีวิตครอบครัวที่เรียบง่าย ปล่อยไปตามธรรมชาติ
“อยากจะมีชีวิตครอบครัวที่เรียบง่าย มีความสุขเหมือนกัน พูดง่ายแต่ว่ามันก็ยากอยู่นะ หลายๆ ครอบครัวชีวิตคู่มันก็เป็นเรื่องปกติ มันก็ชีวิต เราก็เลยไม่ค่อยได้มองตรงนั้น แบบตั้งใจจริงจังกับมัน ให้มันไปตามธรรมชาติ แต่เราก็ต้องปรับนะ เพราะบางทีด้วยความที่ตัวเราเอง ก็เป็นวันแมนโชว์มาตั้งแต่เด็ก อยู่คนเดียว โตมาคนเดียว เราก็ต้องเรียนรู้ การที่จะอยู่แบบครอบครัว”
นิยามความรักในวัย 37 คือต้องให้และได้รับแบบพอดีๆ
“ผมว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เราต้องให้ มันต้องให้ เราก็ได้รับพอดีๆ มันเหมือนเราโตขึ้น แสดงว่าเราต้องใจเย็นขึ้น เราจะมองภาพที่มันใหญ่ได้มากกว่าเดิม เพราะเราโตขึ้น เราจะรู้สึกว่า เรายอมรับผิด ให้อภัยได้มากกว่าเมื่อก่อน เพราะว่าเรา 37 แล้ว(หัวเราะ)”
กว่าจะถึงจุดนี้ผ่านอะไรมาหลายอย่าง ทุกเรื่องจัดการได้แค่ใจเย็นๆ
“จริงๆ แล้วระยะเวลาที่เราผ่านเรื่องราว สิ่งต่างๆ ที่มันผ่านเข้ามา จริงๆ ไม่ใช่ทุกคนนะ ที่จะตกตะกอนกับเรื่องราวพวกนี้ได้ บางคนก็แก่ขึ้นมา โดยที่ไม่มีอะไรด้วยซ้ำ แต่บางคนก็โตขึ้นมา ด้วยความที่เหมือนเขาเคารพสิ่งต่างๆ ที่มันเกิดขึ้นมาในชีวิต ว่ามันคือบทเรียน บางคนเขาไม่ได้สนใจไง แต่ผมก็สนใจบ้าง ไม่สนใจบ้าง ก็เอาสิ่งพวกนี้แหละ ถ้าเป็นแบบนี้อ๋อ..มันจะเป็นแบบนี้ เวลาเราเจอเหตุการณ์อะไรขึ้นมา เราก็จะมองว่ามันเล็กลง เมื่อก่อนดูเป็นเรื่องใหญ่ แต่ทุกวันนี้เราก็รู้ว่าจัดการได้ แค่ใจเย็นๆ”
เจอความสุขของตัวเองมาตลอด เพราะไม่เคยปิดกั้น
“ใช่ๆ แต่มันก็ไม่ได้ทำได้ทุกคน ผมโชคดี อย่างที่ผมบอกว่า จะมาพูดให้สวยหรู ว่าผมมีชีวิตต้องการความสุขง่ายๆ คนก็บอกมีหมดแล้วไง ก็พูดได้ แต่จริงๆ ไม่จำเป็นนะ บางทีเราไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้าหรอก หาให้เจอว่าความสุขเราอยู่ตรงไหน แต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ความสุขของเราอยู่ตรงไหนนั่นแหละ บางคนก็บอกว่ายังต้องทำงานหาเงิน แล้วบอกตัวเองว่าไม่มีความสุขเพราะเหนื่อย ก็ลองหาว่าตรงไหนคือความสุข มันต้องมีบ้างแหละ เราจะปิดกั้นตัวเองไม่ให้ไปเจอความสุขเลยเหรอ (วันนี้ “เวียร์” เจอความสุขของตัวเองแล้ว?) ผมเจอมาตลอดเลย (ยิ้ม) ความทุกข์มันก็มีแทรกมาบ้างแหละ แต่มันก็ไม่มีอะไรเป็นเรื่องใหญ่อีกต่อไปแล้ว ทุกอย่างมันเป็นเรื่องที่เข้ามาแล้วก็ผ่านไปอะไรอย่างนั้น”
สมัยก่อนข่าวน่ากลัวกว่าสมัยนี้
“ผมจะเล่าให้ฟังนะ ว่าสมัยก่อนน่ากลัวกว่าตอนนี้อีก ความรู้สึกผมนะ เดี๋ยวนี้ผมว่า..ไม่รู้สิ ผมแทบจะไม่ได้สนใจอะไรเลย สมัยก่อนข่าวน่ากลัวกว่าสมัยนี้อีก ความรู้สึกผมนะ ในยุคที่ไม่ใช่ยุคโซเชียล ผมว่ามันดูตื่นเต้นมากเลยนะยุคนั้น แต่ยุคนี้ถามว่าผมจะรับมือยังไง กับคำวิพากษ์วิจารณ์ คือแต่ละคนก็มีสิทธิ์ที่จะมีความคิดเห็นของตัวเองอยู่แล้ว เพียงแต่เรามองว่าให้มันพอดี มันก็พูดยากเนอะ"
"สมัยก่อนกว่าจะออกมาได้แต่ละข่าวๆ มันยากมาก แต่ปัจจุบันพูดไปประโยคเดียว แป๊ปเดียวก็ออกไปทั่วแล้ว เราเข้าใจ แต่มันไม่ใช่แค่เราที่เข้าใจ จะมีกลุ่มคนอื่นที่เขาเสพเขาไม่เข้าใจว่ามันจริงหรือไม่จริง ทุกวันนี้เพื่อนยังมาถามเลยว่าจริงไหม ก็บอกมีจริงบ้าง ไม่จริงบ้างแหละ ก็ผสมผสานกันไป ก็เลือกๆ เสพเอา เราก็มองอย่างเข้าใจ ไม่ตัดสินใคร ไม่โกรธเขา ไม่อะไรเขา”
ต่อสัญญาช่อง 7 ไปเรียบร้อย อยู่มานานสบายใจ เหมือนเป็นลูกคนโต
“ต่อสัญญาช่อง 7 ไปแล้วครับ ผมว่าด้วยความที่เราสบายใจ เหมือนเราอยู่มานาน เรารู้สึกว่าก็ยังไม่มีอะไรที่เรารู้สึกว่าเราอยากจะไปอยู่ที่ไหน เพราะว่าช่องเองก็ค่อนข้างเลี้ยงเราเหมือนลูก ที่อยากทำอะไรก็ได้ แต่ว่าก็คุยกัน ผมอยากไปเรียนต่างประเทศ ผมอยากจะไปเทคคอร์สอันนี้หน่อย แต่สุดท้ายแล้วเราก็อยู่บ้านนี้แหละ เหมือนเราอยู่แล้วสบายใจ มีความสุข เหมือนเราก็อาจจะเป็นเหมือนลูกคนโตแล้วตอนนี้ ก็มีหน้าที่มีอะไรก็แนะนำน้องๆ เหมือนอยู่จนสบายใจ เป็นบ้านที่เรารัก ไม่ได้รู้สึกว่าเราควรจะไปอยู่ที่อื่น มีความสุข มันเป็นสัญญาแหละ แต่เราไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นสัญญา จริงๆไม่ต้องมาเซ็นต์กันก็ได้ ผมก็อยู่นี่แหละ”
ไม่มีแพลนไปทำเบื้องหลังแบบจริงจัง
“โนๆ ไม่แล้ว ช่วงนี้ก็อยากอยู่ แต่ว่าไม่อยากจริงจัง อยากทำแบบสมมติว่าไปเจอเรื่องอะไรมาสนุก แล้วเราอยากทำจริงๆ ก็ขอช่อง เขาก็คงให้ทำแหละ แต่ว่าคงไม่ได้ตั้งมาเป็นบริษัท ทำผลิตจริงจังปีละเรื่องสองเรื่อง คงไม่ขนาดนั้น เหมือนถ้าอยากจะทำจริงๆ ก็คงจะ 2-3 ปีเรื่องหนึ่ง ก็คงมีโอกาสได้เห็นผมในฐานะนั้นบ้างแหละ แต่อาจจะยังไม่ใช่ใกล้ๆ นี้”
