“เติ้ล ตะวัน” เผย “คุณย่าดวงดาว” สายตรงไม่ให้ “มียา” เล่นละคร หวั่งหลานสตรอว์เบอรี่ และห่วงจะไม่สูงเพราะต้องนอนดึก รับแม้ลูกสาวดูจะชอบวงการบันเทิงแต่ก็อยากให้ไปเรียนด้านบริหารการเงินมากกว่า
แม้จะมีสายเลือดเป็นคนในวงการบันเทิงอย่างเข้มข้น แต่ “เติ้ล ตะวัน จารุจินดา” กลับไม่อยากให้ลูกสาว “น้องมียา” เข้ามาคลุกคลีใช้ชีวิตและทำงานในวงการบันเทิง แถมยังมีสายตรงจาก “คุณย่าดวงดาว จารุจินดา” เสียงเข้มชัดเจนเลยว่าไม่ให้หลานสาวเล่นละครเด็ดขาด เมื่อถามถึงเหตุผลกับพ่อเติ้ล เจ้าตัวก็เล่าว่า…
“ใช่ เขาบอกว่าไม่อยากให้มียาเล่นละคร เราเข้าใจการเติบโตของเด็กที่อยู่ในกองถ่าย เขาเจอผู้ใหญ่เยอะ เขาก็กลัวเรื่องของการที่จะสตรอว์เบอรี่ อีกอย่างเรื่องของการนอน พอรับงานแล้วมันก็ต้องรับผิดชอบ จะถ่ายเลิกกี่ทุ่มก็ต้องทำให้เสร็จ เขาว่าหลานจะไม่สูง แต่ตอนที่มียามารับเชิญแค่ตอนเดียวคุณย่าดูแล้วดูอีก น่ารัก มันตลก ลงคลิปเห่อ
แต่พอถามเขาก็ไม่อยากให้เล่นเลย ไม่อยากให้ทำงานในวงการ อยากให้ทำอย่างอื่น ผมว่าก็เหมือนกับคนเป็นหมอก็ไม่อยากให้ลูกเป็นหมอ ก็ไม่อยากให้ลูกเราเหนื่อย”
ชี้อยากให้ลูกสนใจด้านบริหารการเงินมากกว่า ลั่นหากคิดจะเข้าวงการบันเทิง จะต้องทำได้ดีกว่าพ่อ
“ถ้าเขาจะทำ เขาต้องทำให้ดีกว่าพ่อ ต้องมีความรับผิดชอบ เขาต้องไม่มองเพียงว่าหมดหนทางแล้วเลยอยากที่จะทำอย่างนี้ ถ้าทำต้องตั้งใจว่าจะทำให้ได้จริงๆ ต้องทำให้ดีกว่าเรา แต่ถ้าส่วนตัวผมอยากให้ลูกเรียนเรื่องการบริหารการเงินมากกว่า เพราะผมว่าการบริหารการเงินมันสำคัญ โดยเฉพาะของพวกเราที่ทำงานตรงนี้ เขามีโอกาสมากกว่าคนอื่นที่จะเข้ามาอยู่ในวงการ เพราะเขาใกล้ชิดกับวงการ
แต่หลายคนที่อยู่ในวงการ แม้กระทั่งผม กว่าจะเรียนรู้เรื่องการบริหารเรื่องการเงิน บางทีมันเสียโอกาสไปหลายอย่าง เรื่องการออม เรื่องการลงทุน อยากให้ลูกฉลาดด้านนี้ด้วย”
เล่าจากประสบการณ์ตนเองไม่ได้กดดันที่พ่อแม่มีหน้าที่การงานในวงการบันเทิง แต่เมื่อเข้ามาทำตรงนี้ก็ไม่อยากให้เสียชื่อ ซึ่งหาก “มียา” สนใจงานในวงการบันเทิงจริงลูกก็ต้องพิสูจน์ตัวเอง
“ตอนแรกคิดว่าไม่กดดันนะ แต่ก็ไม่อยากให้เสียชื่อ เพราะฉะนั้นเวลาเราทำงานออกไป เราก็จะไม่ทำอะไรลวกๆ งานเราอย่างน้อยตั้งใจทำออกไปให้ดีที่สุด ถึงแม้จะไม่ได้ดังตามที่เราหวังไว้ คนดูไม่ได้เป็นอย่างที่เราหวัง แต่อย่างน้อยเราก็ไม่ผิดหวังที่เราทำงานอย่างเต็ม ซึ่งคนดูรู้สึกได้
แต่สำหรับมียาผมก็ไม่กลัวว่าเขาจะกดดันที่พ่อ และคุณปู่ คุณย่าอยู่ในวงการนี้ด้วย ผมว่าไม่ เขาก็มีชีวิตของเขา ดูแล้วคิดว่าเขาอยากที่จะมาทางนี้ด้วยซ้ำ แต่จุดนึงเขาอาจจะคิด เพราะว่าเขาเข้าง่ายกว่าคนอื่น แล้วคนอื่นจะคิดว่าใช้เส้นหรือเปล่า ก็เหมือนที่เราเจอตอนเด็กๆ สุดท้ายก็ต้องพิสูจน์ตัวเอง ได้หรือไม่ได้นั้นอีกเรื่องหนึ่ง”