ผู้จัดรับได้ก็เอา “กิ๊ก สุวัจนี” เล่าตั้งกฎก่อนรับละคร ขอส่งลูกไปโรงเรียนทุกเช้า เลิกกองเร็ว ลั่นมีละครติดต่อ 5 เรื่องทุกปี ขอบคุณผู้จัดที่ไม่เคยลืมกัน ลั่นสามีไม่ห้าม ขอแค่อย่าละเลยเรื่องลูก เพราะคือหัวใจสำคัญของครอบครัว ปลื้มถูกยกเป็นนางร้ายในตำนาน ทั้งที่ละครไทรโศกผ่านมา 10 ปีแล้ว
เริ่มเห็นนางร้ายในตำนานอย่าง “กิ๊ก สุวัจนี ไชยมุสิก” กลับมารับงานในวงการมากขึ้นแล้ว ซึ่งเจ้าตัวก็เผยว่า มีผู้จัดหลายคนติดต่อมาตลอด แต่ตนติดที่ต้องไปส่งลูกที่โรงเรียนเองทุกเช้า และขอเลิกกองเร็ว ยืนยันสามีไม่เคยห้ามรับงาน เพียงแต่อย่าบกพร่องเรื่องลูกก็พอ
“จริงๆ จะเรียกว่ากลับมารับเต็มๆ ก็ไม่ได้นะ เพราะว่าหน้าที่หลักก็คือเป็นแม่บ้านทหารบกอยู่ (หัวเราะ) แต่ก็มีละครที่มีผู้จัดติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ เหมือนกัน ฉะนั้นตอนนี้ก็เลยต้องดูเรื่องของบทที่ได้รับ รวมถึงเรื่องคอนเนกชั่นต่างๆ หมายถึงถ้าเราไปเล่นเราอาจจะมีเรื่องขึ้นมาเยอะนิดนึง จากเมื่อก่อนนี้เขานัดเราไป 7 โมงได้ แต่ตอนนี้ถ้าเรารับละครเราอาจจะต้องขอไปส่งลูกที่โรงเรียนก่อน เรื่องรับคนอื่นอาจจะรับได้ แล้วก็ขอไม่ดึกมาก ซึ่งเราจะต้องดูว่ามันตรงกันหรือเปล่า และเขารับได้หรือเปล่าตั้งแต่ต้น ถ้ารับไม่ได้ก็คือเราเล่นไม่ได้ เราก็ต้องพิจารณาตัวเองว่าเรามีเวลาได้แค่นั้น
ซึ่งถ้าเกิดว่าค่ายไหนรับตรงนี้ของเราได้ ก็คิดว่าโอเคค่ะ ซึ่งตอนนี้ก็มีติดต่อมาอยู่เรื่อยๆ มีประมาณ 5 เรื่อง ทุกปีด้วยนะ นี่คือยังไม่ได้รับ แต่มีติดต่อมา อยู่ในช่วงการพูดคุย ต้องขอบพระคุณผู้จัดทุกท่าน (ยกมือไหว้) ด้วยนะคะที่ไม่เคยลืมสุวัจนีค่ะ แต่ถามว่าอยากจะเลือกรับบทแบบไหน มันเลือกไม่ได้นะเอาจริงๆ มันเป็นความรู้สึกนะ ตั้งแต่เราสมัยวัยรุ่นแล้ว เราก็จะพยายามดูแลเรื่องคิวทุกอย่างเอง บทบาทที่เราได้รับในแต่ละเรื่องเราก็พิจารณาเองว่าเราอยากจะเล่นเรื่องนี้ แต่ถ้าบทมันคลิกกับเราและรู้สึกว่าทุกอย่างมันมีความเหมาะสมที่ดีถูกต้อง เราก็จะเล่น มันบอกไม่ได้ว่าจะเล่นร้ายหรือเปล่า แต่ ณ ตอนที่อ่านแล้วรู้สึกว่าเราชอบ ก็คิดว่ามันง่ายที่เราจะรับ”
ยันสามีไม่เคยห้ามให้รับงาน
“สามีไม่เคยห้ามเลย หลายคนคิดว่าสามีห้ามไม่ให้เล่น แต่จริงๆ ไม่ใช่เลย เขาสนับสนุนด้วยซ้ำ แต่แค่อย่าละเลยเรื่องลูก เพราะลูกคือหัวใจสำคัญของพวกเรา ลูกคือศูนย์กลาง ฉะนั้นถ้าเกิดเราจะรับงานก็ต้องไม่บกพร่องเรื่องลูก แบบนี้คือโอเค ไม่มีลิมิตว่าปีนึงต้องกี่เรื่อง ถ้าเกิดว่าเราสามารถตกลงได้ตามข้อเสนอของเรา ทุกอย่างที่จะสามารถเล่นได้ไม่จำกัดอยู่แล้ว แต่บางทีก็เข้าใจว่าทีมงานจะต้องเหนื่อยในการที่จะรีบเร่งเพื่อให้เสร็จงานเพื่อปล่อยตัวเราเร็วขึ้น ซึ่งเราก็เกรงใจนักแสดงอื่นๆ ด้วย เพราะนักแสดงก็เหมือนพี่น้องกัน เวลาเราไปทำงานร่วมกันบางทีก็มีติดลมบ้าง ก็อาจจะมีดึกบ้างอะไรบ้าง ดึกบ้างเล็กน้อยโอเค แต่ไม่ใช่เที่ยงคืนตีหนึ่ง มันก็เป็นไปไม่ได้
ที่สำคัญคือเราต้องไปส่งลูกเองทุกวันค่ะ ดึกแค่ไหนก็ไปส่งเอง เราจะมีหน้าที่ส่งลูกตอนเช้าเอง ตอนนี้คนเล็กของกิ๊กเขาจะเข้าอีกโรงเรียนนึง อีกสองคนที่เป็นผู้หญิงเขาก็จะเข้าอีกโรงเรียนนึง เพราะฉะนั้นตอนเช้าต้องแยกออกเป็นสองคัน กิ๊กจะมีหน้าที่ไปส่งคนเล็ก คนขับรถกับพี่เลี้ยงก็จะไปส่งคนโตกับคนกลาง มันก็เป็นหน้าที่หลักของเรา ถ้าเราละเลยเรื่องนี้ก็อาจจะโดนเด้งออกจากครอบครัวได้ (หัวเราะ)”
ยอมรับเป็นแม่ที่ต้องดูแลลูกเองทุกอย่าง
“จะบอกเลยว่าเขาไม่เคยมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องลูกกับเราเลย สามีกิ๊กจะให้อิสระในการที่เราเลี้ยงลูกเต็มที่ เพราะฉะนั้นดุลยพินิจทุกอย่างขึ้นอยู่กับเรา เราจะดูว่าลูกคนไหนเขาดูแลตัวเองได้ แต่ว่าตอนนี้ถ้าเกิดเราจะให้เขานั่งไปกลับโดยไม่มีคนขับรถคงเป็นไปไม่ได้ เพราะในเมื่อที่บ้านเรามีคนที่จะขับรถให้เขาอยู่แล้ว เขาก็ควรจะไปกับคนขับรถ แต่เราก็ต้องมีพี่เลี้ยงไปอีกหนึ่งคน แต่อย่างตัวเล็กเราก็ยังต้องประกบอยู่ มันก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเราจริงๆ ว่าคนนี้โตเพียงพอไหม บางทีขอไปห้าง เมื่อก่อนต้องไปนั่งเฝ้านะ เดี๋ยวนี้ไม่ต้องแล้ว ไปบ่ายโมงกลับกี่โมงพูดมาเลย โอเค 6 โมงเดี๋ยวแม่ไปรอ ก็ให้เขาได้ใช้ชีวิตของเขา
เราไม่ได้เลี้ยงแบบประคบประหงม แต่กิ๊กยอมรับว่าอาจจะเป็นโรคจิตนิดนึงที่แรกๆ ต้องเลี้ยงลูกแบบ คือตอนที่เขายังตัวเล็กๆ เราก็จะเป็นเยอะ แต่พอเขาโตขึ้นต้องการอิสระเราก็ไม่ได้ไปกีดกันเขา แต่เรื่องโควิดเราก็ค่อนข้างกังวลมาก เพราะน้องคนเล็กเขายังไม่มีวัคซีน คือกรุงเทพฯ เขาให้ฉีดกันแล้วล่ะ แต่บ้านกิ๊กคุยกันแล้วว่าจะไม่ให้คนเล็กฉีด เราก็เลยกังวลว่าถ้าเรามาเจอ แล้วเกิดเราได้รับเชื้อไปแล้วเราเอาไปให้ลูก ถ้าน้องเป็นขึ้นมาก็อาจจะเรื่องใหญ่นิดนึง แต่ในอนาคตเราไม่รู้นะคะว่าจะให้เขาฉีดหรือไม่ฉีด แต่เขาไม่ได้ไปไหนไง เราก็อยู่บ้าน เลยไม่จำเป็นต้องฉีดอะไร แต่พอผ่านไป ณ สถานการณ์นึงถ้าจำเป็นต้องฉีดมันก็ต้องฉีด เพราะเชื่อว่าวัคซีนจะช่วยให้ทุกคนพ้นจากโอมิครอนได้
ถามว่ามีผลที่ทำให้เราไม่รับละครหรืองานอื่นๆ ด้วยไหม มีผลเรื่องโควิดนิดเดียว แต่องค์ประกอบรวมคือเรื่องลูกเป็นหลัก หมายถึงจะต้องมีเวลาให้ลูกในการรับส่งลูก และดูแลลูก เรื่องอื่นเป็นเรื่องรอง โควิดก็เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เพราะกิ๊กว่าทุกๆ คนมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอโควิด หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะบอกว่าโควิดก็เหมือนไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมันไม่เหมือน แต่เวลาเจ็บมันก็เจ็บหนัก เพราะฉะนั้นเราไม่เป็นดีที่สุด”
ดีใจและภูมิใจที่ถูกยกให้เป็นนางร้ายในตำนาน
“(ยกมือไหว้) ขอบพระคุณนะคะ ขอบพระคุณพ่อแม่พี่น้องทุกคนเลยที่ไม่เคยลืม จริงๆ เรื่องไทรโศกมันผ่านไป 10 ปีแล้วนะ แต่ว่าทุกคนยังจำได้ ขอบคุณจริงๆ (หัวเราะ) เราเองก็เห็นตลอด 10 ปีที่แล้วเราก็ยังจำได้ และขอบคุณจริงๆ ว่ายังมีแฟนละครที่ยังอยากเห็นผลงานของเรา ตอนที่เราเลี้ยงลูกเราก็ยังนึกนะ แต่ตอนนั้นไม่ไหว เพราะว่าอ้วนมาก บอกเลยว่าทุกคนมีเป้าหมายในชีวิตไม่เหมือนกัน เราซึ่งเป็นแม่ในตอนนี้ในการดูแลลูกกิ๊กก็ต้องดูแลลูกให้ดีที่สุด และเรื่องงานเป็นอันดับต่อไป
ลูกๆ ก็ได้เห็นซีนเบะปากนั้นเหมือนกัน แล้วทำตามด้วย เขาก็ไม่เข้าใจ เพราะไม่ได้ดู เขาก็ไม่เข้าใจว่าคืออะไร แต่พอตอนหลังที่จะมีเบื้องหลัง เขาถึงเข้าใจ ก็ทำให้เขารู้ว่ามัมก็เคยเป็นนางร้ายนะ เคยแสดงละครนะ จริงๆ ชอบและภูมิใจนะ มันเหมือนว่าถึงแม้คนจะชอบเราในฐานะอะไรก็ตาม อาจจะเล่นร้ายหรือว่าเกลียดเรา เราก็ชอบ ไม่เคยคิดว่าอย่ามาว่าเราอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่เป็นไร แค่เขาชอบผลงานเรา เรารู้สึกแฮปปี้แล้ว
ทุกงานกิ๊กทำด้วยความจริงใจจริงๆ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไงกิ๊กยินดีรับได้ แต่พอวันนี้ทุกคนยังจำได้อยู่ ก็ต้องขอบพระคุณ (ยกมือไหว้) จริงๆ ไม่ใช่ไม่มีใครโค่นได้หรอก อย่างมากก็มีคนจำได้ อาจจะเป็นยุค 90 ที่คนอาจจะยังมีชีวิตอยู่เยอะ (หัวเราะ) และดูแลตัวเองได้ดี เราอยู่ในยุคนั้นเราก็อาจจะคาบเกี่ยวมาถึงรุ่นใหม่ด้วย”
