“กระติก” ยอมรับสารภาพหมดเปลือก ให้การเท็จคดี “แตงโม” แต่ยืนยันไม่ได้พูดว่าเพื่อนไปฉี่ท้ายเรือ แต่เป็นคำบอกเล่าของ “แซน” โต้ข่าว “แอนนา” ไม่กล้าออกจากบ้าน ลาออกจากงาน ยังรักแตงโมหรือไม่เป็นเรื่องของเรา คนอื่นแค่คนนอกไม่ได้รู้ความจริง ด้านสิระเตือนที่เหลืออีก 4 คนแก๊งสปีดโบ๊ต รักครอบครัวให้พูดความจริง
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 4 เมษายน 2565 ที่ สภ.เมืองนนทบุรี “นายสิระ เจนจาคะ”อดีต ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางมาด้วยรถเบนซ์สีดำ ทะเบียน สน 1000 กรุงเทพมหานคร ขับเข้ามาจอดหน้าห้องสืบสวน โดยมาพร้อม “กระติก อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์” ผู้จัดการและเพื่อนสนิท “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์”ซึ่งตกเรือสปีดโบ๊ตเสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาให้การเท็จ ซึ่งในตอนแรกทั้งคู่ลงจากรถเพื่อเข้าโรงพัก แต่ไม่สามารถเข้าได้ จึงต้องขึ้นรถขับไปจอดด้านหน้าโรงพักก่อนลงรถอีกครั้ง ด้านทนายความพากระติกเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้าหน้าที่พนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ป.อาญา มาตรา 172
ซึ่งในเบื้องต้น มีการรายงานว่า กระติกให้การยอมรับสารภาพว่าได้ให้การอันเป็นเท็จกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง ทำให้หลังเซ็นรับทราบข้อกล่าวหาแล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมนำตัวส่งฟ้องยังศาลแขวงจังหวัดนนทบุรีต่อไป ต่อมา กระติก, สิระ, ทนายความ, พ่อของกระติกได้เปิดใจให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน
สิระ: “วันนี้มาพร้อมกระติก คุณพ่อน้องกระติก และทนาย พาน้องกระติกมาเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งนักข่าวรู้ว่าผมมาด้วยสาเหตุอะไร ผมดูจากคดีลุงนิต (ลุงหาปลา) เขาก็ดูคดีนี้และเกิดความเชื่อมั่นในตัวผม ให้เป็นที่ปรึกษากฎหมาย วันนี้กระติกพบพนักงานสอบสวน ให้ปากคำ รับสารภาพอย่างหมดเปลือก ทุกซอกทุกมุม เป็นประโยชน์กับรูปคดี และการทำงาน เป็นประโยชน์กับสังคม คนที่แสวงหาประโยชน์ด้านนี้จะได้ยุติสักที ส่วนผู้อื่นขอฝากไว้ด้วย อะไรที่ยังไม่พูดความจริง ก็ให้พูดความจริงเพราะหนีไม่พ้น น้องกระติกพูดไปหมดแล้ว หมดเปลือก สุดท้ายผู้ต้องหาจะรับผิดเอง ต้องรับกรรมติดคุกติดตะราง วันนี้กระติกได้พูดหมดแล้ว ถ้าคิดอะไรไม่ออก ขอแนะนำว่ามาปรึกษาผมก็ได้ ทั้ง 4 คนที่อยู่บนเรือ ถ้าเชื่อทนายอย่างเดียว สุดท้ายทนายก็ได้ค่าจ้างไป
น้องกระติกที่คุยกันก่อนหน้านี้ น้องจะไม่ให้การ แต่มารับสารภาพที่อยู่บนเรือ และเรื่องการให้การเต็มที่ เป็นประโยชน์กับรูปคดีจะได้สรุปสำนวนได้ ทุกซอกทุกมุม หมดเปลือก เตือน 4 ท่าน ถ้ายังเห็นแก่น้องแตงโม เห็นแก่ตัวเองกับครอบครัว อะไรที่ไมได้พูดความจริง ยังไม่สาย ให้มาพบพนักงานสอบสวน ให้ปากคำใหม่ก็ได้ครับ
ที่ให้การครั้งแรก มีทีมที่อ้างว่าเป็นทนาย บอกให้ทุกคนให้การไปในทิศทางเดียวกัน หลังจากนั้นก็ให้การไปตามที่คิดว่าผู้รู้กฎหมายจะแนะนำไปในทางที่ถูก มาคุยกันแล้ว สุดท้ายพาหลงทาง ไปทำสิ่งที่แย่ที่สุด”
กระติก : “จะมีบางข่าวบอกว่าให้การกลับไปกลับมา ไม่จริง ไม่ได้กลับไปกลับมา อะไรนึกได้ก็ให้การเพิ่มเติม”
สิระ: “น้องกระติกให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนมาโดยตลอด อะไรที่ลืมตกหล่นก็มาให้การใหม่ ให้ความร่วมมือมาโดยตลอด นึกอะไรได้ก็มาให้การใหม่ และเป็น็ประโยชน์กับรูปคดีและน้องแตงโมมาโดยตลอด เจอทนายฝั่งโน้นครั้งเดียว ครั้งแรกแนะนำครั้งเดียว หลังจากนั้นไม่ได้พบทนายชุดนั้นอีก ก็เข้ามาให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนก็พอใจ เป็นเหตุบรรเทาโทษ ให้การเป็นประโยชน์กับรูปคดี ถือว่ามาถูกทางแล้ว”
โต้ลาออกจากงาน ไม่กล้าออกจากบ้าน
กระติก : “ไปปกติค่ะ ไปส่งลูกที่โรงเรียนปกติ ยังใช้ชีวิตได้ปกติ เพราะฉะนั้นข่าวอะไรใดๆ ที่ออกมาว่าไม่กล้าออกจากบ้าน ชีวิตเราอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่จริงค่ะ ยังใช้ชีวิตได้ปกติ ในเรื่องงานเราอยากสะสางเรื่องคดีก่อนแล้วค่อยกลับไป เพราะไม่มีเวลาว่างทำงาน ต้องให้ปากคำเพิ่มเติม โดนเรียกสอบสวน ยังมีสถานะเป็นพนักงานอยู่ ยอมรับว่าเครียดบ้าง เพราะเราไม่เคยเจอสถานการณ์นี้ เราเสียเพื่อนไปเราก็เสียใจ ณ วันนี้คดีก็ยังไม่ได้คลี่คลาย เรามาพบสื่อมวลชน กระแสสังคมยังโจมตีเราอยู่เลย”
สิระ : “เรื่องนี้อยู่ในสำนวน มีเรื่องพัวพันกับคนอื่นในเรือ ขอให้พนักงานสอบสวนแถลงข่าวเองเราได้ตกลงกับพนักงานสอบสวนว่าพูดได้แค่นี้ พนักงานสอบสวนก็ชมเชยกระติกว่าให้การเป็นประโยชน์ทุกครั้งจนถึงวันนี้ น้องกระติกก็เชื่อมั่นทีมากฎหมายผมที่พามา แค่นั้นเอง”
ตัดประเด็นถูกข่มขู่ออกไปได้เลย
กระติก : ไม่เคยมีใครมาข่มขู่เราตั้งแต่แรก ก็เพื่อนกันทั่งหมด ตรงนี้ตัดออกไปได้เลย ไม่เคยกลัวตั้งแต่แรก”
ไม่เห็นสิ่งที่ “แอนนา” โพสต์ว่าพาเพื่อนไปตาย แล้วแจ้งความ ลั่นแอนนาคือคนอื่น ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้
กระติก : “ไม่ได้เห็น และไม่ทราบว่าเขาโพสต์อะไร ยังไม่ได้แจ้ง ไม่ได้ทำอะไรไม่ขอกล่าวถึง ไม่ขอพาดพิงถึงคนอื่น ขอโฟกัสที่เรื่องตัวเองและคดี เพราะเขาคือคนอื่นเลยไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องตรงนี้ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขา”
เชื่อทุกคนต้องรับกรรมของตัวเอง ใกล้ปิดคดีแล้ว
สิระ : “ที่คุยกับพนักงานสอบสวน เริ่มจากครั้งแรก ครั้งต่อมาเป็นประโยชน์ เลยเชิญมาหลายหนจนมีวันนี้ เป็นไปได้ทุกๆ คนก็ต้องรับกรรมไป น้องกระติกก็เชื่อทีมทนาย ทีมกฎหมายชื่อเอ็ม ก็ต้องรับกรรมไป ต่อไปนี้แล้วแต่สำนวนไปทางไหน ก็ยอมรับทุกอย่าง ก็เห็นอยู่ว่าครั้งแรกให้การตรงกันทั้งหมด 5 คน หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนเรียกมา เขานึกอะไรได้ก็ให้การที่เป็นประโยชน์จริงๆ คนรักแตงโม ก็มาถึงจุดนี้แล้ว เดี๋ยวจะปิดสำนวน ปิดคดีแล้ว”
ไม่เคยพูดว่า “แตงโม” ไปฉี่ท้ายเรือ แต่เล่าตามคำบอกของ “แซน”
กระติก : “ไม่อยากพาดพิงถึงใคร ให้เป็นหน้าที่ตร. อะไรที่เราไม่รู้ แล้วเราไปพูด ก็ถือว่าผิดได้นะนึกออกไหม เราไม่รู้ไม่เห็น แต่เราไปพูดสิ่งที่เราไม่รู้ มันทำร้ายเราได้เหมือนกันเรื่องฉี่ท้ายเรือตัดออกไปเลย เพราะไม่เห็นไม่เคยพูดตั้งแต่แรกด้วย เพราะไม่เห็น มีคนบอกมา คือแซนเป็นคนบอก เป็นพาร์ตของแซน เราไม่เคยให้การว่าเห็นด้วย”
สิระ : “ขอเตือนคนที่พูดถึงบุคคลอื่นได้รับความเสียหาย ก็พึงระวังเรื่องฟ้องร้อง ให้ระงับนิดนึง เรามีทีมนักกฎหมายอยู่แล้ว” กระติก: “พี่สิระเป็นที่ปรึกษา ส่วนลุงกบเป็นทนายที่อยู่กับพี่สิระอยู่แล้ว”
สิระ : “เราตกลงกันก่อนมาแถลง ผมเป็นเจ้าของสำนักงานกฎหมายที่ทนายกบอยู่ด้วย ฝากถึงอีก 4 คน กระติกพูดหมดเปลือกแล้ว ใครอยากพูดความจริงให้มาหาพนักงานสอบสวน”
รับสารภาพ แล้วแต่ความเมตตาของศาล
สิระ : รับสารภาพ แล้วแต่ความเมตตาของศาล เดี๋ยวพนักงานสอบสวนจะส่งให้อัยการ อัยการก็ฟ้อง สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากเรารับสารภาพก็ยอมรับทุกอย่าง”
กระติก : “ก็ตามนั้นแหละค่ะ ทิ้งก็บอกว่าทิ้ง ไม่ก็บอกว่าไม่ ยังยืนในหลักนี้”
สิระ : “ส่วนที่ต้องชื่นชม น้องกระติกมาพูดทุกอย่างให้พนักงานสอบสวน สอดคล้องกับนิติวิทยาศาสตร์ด้วย ไม่มีอะไรที่แย้งกับหลักวิทยาศาสตร์ 4 คนก็รีบมาพูดความจริงแล้วกัน”
รักแตงโมไหม เรารู้กันอยู่แล้ว ลั่นคนอื่นแค่คนนอก
กระติก : “ยังรักแตงโมหรือเปล่า ติกไม่ได้กลับบ้านนอนนะ ไม่พูดดีกว่า มันเป็นเรื่องของเรา ติกรักโมไหม รู้กันอยู่แล้ว แต่คนนอกเขาไม่ใช่คนใน แต่คนในบ้าน อย่างคุณพ่อเขารู้อยู่แล้ว เขาไม่ใช่เราสองคน ไม่งั้นเราคงไม่อยู่ได้นาน 20 ปี”