“เฌอเบลล์” ซีเรียส 50 เปอร์เซ็นต์ ถูกพุ่งเป้าเป็นนางเอกหน้างอจอมเหวี่ยง มองเหยียดตั้งแต่หัวจรดเท้า ลั่นที่ผ่านมาไม่เคยหน้างอใส่ใคร แอบเสียใจที่ถูกโยง คาดหน้าตึงเพราะโบท็อกซ์-เปลี่ยนหมอ
โดนไปเต็มๆ สำหรับ “เฌอเบลล์ ลัลณ์ลลิน เตจะสา เวศซ์” หลังเพจดังเผยอักษรย่อ นางเอกหน้างอ จอมเหวี่ยง มองเหยียดตั้งแต่หัวจรดเท้า นิสัยเสีย ไม่แคร์เพื่อนร่วมงาน ตอบน้อย กวนบาทาจนน่าตบ จะสื่ออะไรต้องจุดธูปคุยแทน จนทุกคนในกองถ่ายพากันเอือมกับความมั่นหน้ามั่นโหนก ซึ่งสาวเฌอเบลล์หลังจากที่ได้ยินข่าวดังกล่าว ก็ยอมรับว่าตกใจไม่น้อยที่คนเดาว่าเป็นตน แต่ยืนยันไม่เคยหน้างอ ไม่เคยมีปัญหากับใคร
“ก็งง เพราะตอนแรกเราไม่รู้เรื่อง แต่ว่ามีพี่นักข่าวโทร.มาหาผู้จัดการเรา เราก็ห๊ะ อะไรเหรอ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาบอกมีเพจนี้ลง เราก็เข้าไปอ่านข้อมูล ไล่อ่านแต่ละข้อ ข้อแรกทนจนเลิกแฟน อ่ะใช่ พอมาข้อสองพูดหยียดทีมงาน ก็ไม่นะ ปกติแกล้งทีมงานแล้วโดนทีมงานดุว่าเฌอเบลล์เธอเป็นนางเอกนะ ข้อนี้ไม่ใช่เพราะส่วนมากเราชอบไปเล่นมุกกับทีมไฟทีมกล้อง ส่วนอีกอันบอกพูดน้อย พูดยากต้องจุดธูปให้พูด ต้องบอกว่าอันนี้สวนทางกันเลยต้องจุดธูปเหมือนกันแต่ให้หยุดพูด อันนี้ไม่ใช่เราแล้ว เรามั่นใจถ้าเกิดพูดมากน่าจะเป็นเรานางเอกพูดไม่หยุด เออใช่ว่ะ
พอคนเดาว่าเป็นเรา ตอนแรกก็ใจเสีย ตกใจ เราไปเผลอทำอะไรนิสัยไม่ดีใส่ใครหรือเปล่า เราพยายามระวังตลอดเวลา แล้วเราก็พยายามดูแลเอาใจใส่ทุกคนรอบตัวเพราะเรารู้สึกว่าคนทำงานรอบตัวเป็นเหมือนคนรู้จัก เพราะคนทำงานรอบตัวเราเป็นเหมือนคนที่รู้จักเราเหมือนเป็นใครคนหนึ่งในชีวิตของเรา ก็รู้สึกว่าเราไปทำอะไรไม่โอเคแล้วเขาไม่ได้คุยกับเราหรือเปล่า เราจะได้โทร.ไปที่กองจะได้คุยได้ถามว่าเราไปเผลอทำพฤติกรรมไหน จะได้แก้ไขปรับปรุง
เพราะเราก็อยู่ในวงการมา 11 ปี เราก็โชคดีที่มีพี่ๆ นักข่าวคอยเตือนคอยบอกตลอด อย่างเช่นเมื่อก่อนภาษาไทยไม่แข็งแรง เวลาตอบแล้วมันทำให้เป็นข่าวเพราะคนเข้าใจผิด เขาก็จะคอยบอกว่าอย่าพูดอย่างนี้นะลูก ต้องบอกแบบนี้นะลูกมันถึงจะถูก และเวลาที่นักข่าวถามหนูไม่เคยไม่ตอบเลย ตอบตรงจนแทบจะไม่ได้ข่าวต่อ คนอื่นเขาต้องกั๊กงานแล้วไปอีเวนต์ใช่ไหม เราไม่เคย เราตอบจบตั้งแต่แรก ไม่ได้งานอีเวนต์ต่อไม่ได้เงินต่อ”
ซีเรียส 50 ไม่ซีเรียส 50
“จริงๆ เราไม่ได้ซีเรียส เรารู้ว่าคนรอบตัวเราไม่ได้เข้าใจเราผิด แต่ว่าเราซีเรียสกับคนที่ไม่รู้จักเราแล้วไปคอมเมนต์บอกว่าเป็นเรา คุณยังไม่เคยเจอไม่เคยสัมผัสเราเลยแล้วบอกว่าเราเป็นคนแบบนั้นด้วยการอ่านข่าวที่น่าจะคิดไปเอง มันไม่เคยเจอกันแล้วเขามาว่าเป็นเรา มันทำให้คนเข้าใจเราผิด ก็เรียกว่าซีเรียส 50 ไม่ซีเรียส 50 เพราะมันไม่ใช่คนที่เรารู้จัก แต่แค่รู้สึกว่าเขาคือคนดูที่ติดตามผลงานเราแล้วเขาจะรู้สึกไม่โอเคกับผลงานเราหรือเปล่า คือมันอาจจะทำให้เขารู้สึกไม่ชอบเราจากข้างนอกแล้วไม่ติดตามผลงาน ซึ่งเราตั้งใจทำงานเราอยากให้ทุกคนดูผลงานของเรา”
ยันไม่ได้มีปัญหากับใครมาก่อน
“ไม่เคยมี ปกติเราเป็นคนสัมผัสไว เราสังเกตว่าถ้าพี่คนนี้เริ่มนิ่งกับเรา ก็จะเดินไปคุยว่าเป็นอะไร เบลล์เผลอทำอะไรให้พี่ไม่โอเคหรือเปล่า คือหนูจะถามเขาอย่างนี้เลย ถ้าเขาตอบหนูก็จะขอโทษ แล้วอธิบายในมุมของหนูไป
ถามว่าปกติเราเป็นคนหน้างอไหม ยังคิดอยู่เลยว่าการทำหน้างอต้องทำยังไง การทำตลอดเวลาจนคนบอกว่าเราเป็นนางเอกหน้างอ ปกติเราจะเป็นคนยิ้มแย้ม เหนื่อยแค่ไหนหรือป่วยไปกองถ่ายก็ไม่เคยทำหน้างอหรือไม่เคยทำตัวแบบออดๆ แอดๆ ก็ยังขำกับทีมงานว่าอันนี้ไม่น่าใช่หนู แต่ถ้าเราไม่ยิ้มแล้วหน้าดูหยิ่งๆ ก็น่าจะเป็นไปได้ บางก็เมื่อยและบางทีฉีดโบท็อกซ์อ่ะเนาะแล้วมันตึง หรือบางทีโบท็อกซ์หมอฉีดผิดจุดหรือเปล่า บังเอิญไปเห็นจุดนั้น เมื่อก่อนเบลล์ไม่ได้ทำเลสิกตา แล้วพอสายตาสั้นเวลาไม่ใส่แว่นเราก็มองไม่เห็นใครเราก็จะหน้านิ่ง ก็คิดว่าตอนนั้นอาจจะทำให้คนคิดว่าเราหน้างอได้ ถ้าไม่ได้ใส่คอนเทคเลนส์ไม่ได้ใส่แว่นจะมองไม่เห็น ไม่ได้พร้อมบวกใครด้วย แต่ตอนนี้ทำเลสิกแล้วนะคะเราจะไม่มีกรณีนี้ค่ะ ขออภัยด้วยนะคะทำเลสิกแล้ว บางทีมันอาจจะเป็นการตึงเพราะเปลี่ยนหมอ โบท็อกซ์มันเลยตาแข็งไปนิดนึงบางช่วง(หัวเราะ)”
ยืนยันไม่ใช่ตนแน่นอน
“ไม่ใช่จ้า อีกข้อหนึ่งที่ไม่ใช่เรา เขาบอกว่าย้ายค่าย เราไม่ได้ย้ายค่าย เราแค่หมดสัญญาแล้วเราเป็นฟรีแลนซ์ยังไม่ได้ถ่ายที่ไหนเลย ล่าสุดที่ถ่ายของคลับฟรายเดย์ซึ่งออนแอร์ช่องวันเหมือนเดิม ข้อนี้ยิ่งทำให้ชัดเจนว่าไม่ใช่เรา
หนูว่าข่าวไม่กระทบนะ เพราะใครที่เคยทำงานกับหนูหรือเคยเจอหนูเขาจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นอย่างนี้ วันนี้ได้ตอบก็คิดว่ามันคงไม่กระทบแล้วแหละเพราะวันนี้เราได้ออกมาชี้แจง ตอนที่โดนเราก็รีบออกมาโพสต์ในไอจีคือไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว ก็กลัวว่าถ้าเราพูดไลฟ์ไปเราอาจจะพูดตอบอะไรที่มันไม่โอเคหรือเปล่า อย่างน้อยมาคุยกับพี่นักข่าวยังจี้หรือขยี้ที่ทำให้หายสงสัยได้ แต่ถ้าตอบเองเราอาจจะตอบไม่ดีพอ”
(แล้วเราเคยเห็นนักแสดงที่หน้างอไหม?) ไม่ค่อยได้ยุ่งกับใคร ปกติหนูอยู่กับทีมงาน ทีมกล้อง ทีมไฟ คือหนูไม่ค่อยไปอยู่กับทีมนักแสดง บางทีก็ไปนั่งจกส้มตำกับทีมงาน แต่กับนักแสดงเราก็สนิท เพียงแต่เราเป็นคนชอบอยู่กับทีมงานมากกว่าเพราะว่าเราเรียนจบภาพยนตร์ด้วยไง เราก็เลยรู้สึกชอบความจริงใจของทีมงาน ชอบความธรรมดาปกติ”