xs
xsm
sm
md
lg

“ตุ๊ก ชนกวนันท์” เบรกลูกสาวขี่ม้า เลือกกีฬาไอซ์สเก็ต โอดค่าใช้จ่ายรวมกันคงไม่ไหว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ตุ๊ก ชนกวนันท์” เข้าใจโควิดต้องเผื่อเวลาทุกอย่าง เชื่อลูกๆ ปรับตัวได้ เพราะฝึกให้รู้หน้าที่ตัวเอง พร้อมซัปพอร์ต “น้องแพรว-น้องภูมิ” กับเส้นทางสายนักกีฬา แต่เบรกขี่ม้ามาเดินหน้าไอซ์สเก็ต เพราะสองอย่างพร้อมกัน ค่าใช้จ่ายคงไม่ไหว

เมื่อลูกสาว-ลูกชาย อย่าง “น้องแพรว - น้องภูมิ” ขอมาเส้นทางสายนักกีฬา คุณแม่คนสวย “ตุ๊ก ชนกวนันท์ รักชีพ” ก็พร้อมจะซัปพอร์ตลูกๆ เสมอ แต่ด้วยตอนนี้ทั้งการขี่ม้าและการเล่นไอซ์สเก็ตของน้องแพรว ขึ้นไปถึงเลเวลที่ต้องลงรายละเอียดแล้วทั้งคู่ คุณแม่ตุ๊กก็เลยขอตัดสินใจ เลือกเบรกขี่ม้าเอาไว้ก่อน เพราะค่าใช้จ่ายสองอย่างรวมกันคงไม่ไหว

“ถามว่าสถานการณ์โควิดของครอบครัวเราเป็นยังไงบ้าง ก็น่าจะเหมือนทุกคน ยังไงดี ถือว่าลุยกันไปเนอะ เรารู้ว่ามันไม่ได้เดินบนทางเรียบ แต่เราก็ต้องเดิน เหมือนรถที่มันติด ก็ต้องเผื่อเวลา เผื่อใจ อย่างกองถ่ายก็จะเผื่อมีคนที่ติด เผื่อพัก เผื่อเบรก เผื่อกักตัวก็ยังกลับมาถ่ายทัน ตอนนี้ทุกอย่างต้องเผื่อหมด มางานก็ต้องเผื่อเวลาตรวจ ATK ก็คือว่า New Normal คำแรก คำเดิมเลย ใช้ชีวิตในแบบใหม่ ให้เป็นปกติ”

หมดกังวลลูกติดโควิดจากโรงเรียน เพราะตอนนี้ปิดเทอมแล้ว แต่ถึงติดก็ไม่เป็นไร โรคภัยมันเลี่ยงไม่ได้
“นี่ก็ปิดเทอมแล้ว น่าจะช่วยลดปัญหาตรงนี้ไปได้ แต่กลับกลายเป็นว่าปัญหาที่โรงเรียนไม่เยอะนะ ยิ่งเด็กๆ เขามีการปรับตัวได้สูงกว่าผู้ใหญ่อยู่แล้ว เขาก็ทำได้ดี ห้องของลูกสาวกับลูกชายก็ไม่มีใครติดเลย ผ่านไปได้ด้วยดี แค่ถ้ามันต้องมีก็คือเข้าใจมัน ก็ปฏิบัติตามมาตราการของกระทรวงสาธารณสุข เพราะโรคภัยไข้เจ็บมันไม่มีใครเลี่ยงได้อยู่แล้ว ถามว่าโรงเรียนเข้มงวดขนาดไหน ก็ตั้งกฎเหมือนโรงเรียนทั่วๆ ไปเลยค่ะ ปกติเลย

เข้าใจว่าเราต้องระวังมากขึ้น ไม่ได้เหมือนเดิมซะทีเดียว แต่เราสามารถทำความเข้าใจ ทำให้ความใหม่นี้มันเป็นปกติให้ได้ มันไม่สะดวกเท่าเดิม แต่ในเมื่อเราไม่อยากอยู่บ้าน เราอยากไปโรงเรียน ถ้ามีบางอย่างที่มันต้องปรับ มันก็เป็นธรรมดา”

ไม่ต้องกำชับเรื่องอย่าถอดมาสก์ เพราะฝึกให้รู้หน้าที่ตัวเองอยู่แล้ว
“ก็ไม่นะ เขาทราบอยู่แล้ว กำชับมากๆ ก็เครียดกันเปล่าๆ เราเป็นคนไม่ย้ำ เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าต้องทำ ถ้าเราฝึกให้เขารู้จักหน้าที่ตั้งแต่ยังไม่มีโควิด ฉะนั้นอันนี้มันก็เป็นหน้าที่ที่เพิ่มขึ้นมา”

ตอนนี้มีหน้าที่ซัปพอร์ต ลูกมาสายกีฬาทั้งสองคน
“เราแค่พาไปนั้นแหละ แต่ส่วนใหญ่มันเป็นกิจกรรมของเขาอยู่แล้ว เรามีหน้าที่จ่ายตังค์ พาไปซ้อม ซัปพอร์ตจิตใจ เหมือนลมใต้ปีก มีหน้าที่ซัปพอร์ต พอมีเหตุการณ์พิเศษ เช่นมีการแข่งขัน เราก็เชียร์อัป แล้วถ้าผลมันไม่ได้เป็นที่พอใจ ก็ดูแลซัปพอร์ต หรือยินดีด้วยไปตามสภาพ มันก็เป็นเรื่องราวหนึ่งในชีวิตแหละ”

ไม่รู้เหตุผลลูกอยากเล่นไอซ์สเก็ต แต่เริ่มมาได้ 3 ปีแล้ว
“รู้แค่ว่าเขามาขอเล่น เออเอาจริงๆ ไม่เคยถามเหมือนกัน ว่าทำไมถึงอยากเล่น เดี๋ยวไว้ลองถามดู แต่ก็เกิดจากที่เขาขอลอง ขอเล่น มันก็ค่อยๆ ไปเรื่อยๆ จากลองเล่นๆ จนมีโค้ช แล้วก็ลองซ้อมมากขึ้นดู ลองแข่งขันดู มันค่อยๆ ขยับมา ก็เกือบ 3 ปีแล้ว ที่ลองเริ่มตั้งแต่วันแรก”

ยังไม่ได้ถามลูกอยากติดทีมชาติไหม แต่จะไปตรงนั้นได้ ก็ต้องผ่านตรงนี้ให้ได้ก่อน
“ก็ยังไม่ได้ถามนะ แต่เชื่อว่ามันเป็นเป้าหมายของนักกีฬาทุกท่านอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าลองทำแค่วันนี้ก่อน เหมือนเราอยู่อนุบาล ถามว่าอยากจบม.6 ไหม ทุกคนอยากจบแน่นอน แต่ก็ต้องทำอนุบาลให้ดีก่อน สอบให้ผ่านก่อน แล้วก็ต้องไปประถม ไปมัธยม ถ้าไม่ผ่านมันก็ไปม.6 ไม่ได้ มันก็ไปทีละขั้น แต่ก็มีเป้าหมายนั้นอยู่ในใจ เพราะมันทางเดียวกันอยู่แล้ว”

ในมุมของคุณแม่ เรียกว่าสำเร็จไปหนึ่งขั้นแล้วไหม
“ไม่คิดว่าเป็นเรื่องสำเร็จหรือไม่สำเร็จ มันเป็นแค่กิจกรรมหนึ่งในชีวิต มันเป็นแค่เรื่องราวหนึ่ง แต่ในเรื่องราว มันได้เรียน ได้เล่นอย่างสนุก ระหว่างเล่นได้เจอเพื่อน ได้หกล้ม ได้ลุกขึ้นมา ในระหว่างแข่งก็อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิด อย่างรอบนี้แพรวไม่เป็นอย่างที่คิดเลย ตอนซ้อมเขาทำได้ดีกว่า ทำให้เขาได้เรียนรู้เรื่องสติแตก มันไม่ใช่แค่เรื่องความสำเร็จ มันเป็นเนื้อหาเนื้อหาหนึ่ง ถ้าเป็นละครที่มี 10 อีพี อันนี้ก็คือ 1 อีพี มันเป็นหนึ่งในสตอรี่ แต่แค่ตอนทำมันต้องโคตรตั้งใจ ต้องซ้อม ต้องฝึก”

กีฬาขี่ม้าต้องลดไปก่อน เพราะสองอย่างพร้อมกันค่าใช้จ่ายคงไม่ไหว รอโตหาเงินได้ แล้วค่อยไปต่อ
“จริงๆ เขาก็อยากจะไปขี่บ้าง แต่พอมันขึ้นเลเวลที่ต้องลงรายละเอียด แล้วไอซ์สเก็ตก็ต้องการลงรายละเอียด เพราะฉะนั้นขี่ม้าก็ถูกลดเวลาลงไป ด้วยพอรวมกัน ค่าใช้จ่ายทั้งหมด เราก็จะไม่ไหว ก็ต้องเอาสักอย่าง ไม่งั้นทั้งสองอย่างจะไม่ได้ลงรายละเอียด เอาไว้เขาโตมีบัดเจท แล้วยังอยากขี่ม้าอยู่ ก็เดี๋ยวค่อยไปต่อได้”











กำลังโหลดความคิดเห็น