ในขณะที่ผู้ใช้สังคมออนไลน์ของไทยดูจะเห็นด้วยและเข้าใจกับการที่นักแสดงดังของฮอลลีวูด "วิล สมิธ" เดินขึ้นไปบนเวทีงานประกาศผลรางวัลออสการ์พร้อมกับใช้มือตบไปยังเพื่อนนักแสดงดาวตลก "คริส ร็อก" ที่กำลังทำหน้าที่อยู่หลังฝ่ายหลังมีการพูดแซวถึงภรรยาตนเอง "จาดา พิงค์เก็ต สมิธ" นั้น...
ดูเหมือนบรรดาผู้ใช้สังคมออนไลน์ต่างประเทศเฉพาะอย่างยิ่งในฝั่งอเมริกาเองจะมองตรงกันข้าม
โดยหลายคนพากันรุมสับไปยังนักแสดงดังว่าการกระทำดังกล่าวของเขาเป็นการกระทำที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้ความรุนแรงและการตะโกนคำหยาบคายระหว่างถ่ายทอดสด พร้อมเรียกร้องให้มีการริบรางวัลออสการ์ตัวแรกที่เจ้าตัวเพิ่งจะได้ไปคืนมา
อันที่จริงต้องบอกว่า "คริส ร็อก" กับครอบครัว "วิล สมิธ" นั้นมีความสนิทสนมกันมากๆ โดยดาวตลกเองก็เคยร่วมงานกับ "จาดา" ในการพากย์เสียงการ์ตูนเรื่อง Madagascar มาแล้ว
นอกจากนี้ที่ผ่านมาก็เคยมีข่าวถึงการที่ "คริส ร็อก" เองเอ่ยปากแซวสามีภรรยาคู่นี้อยู่บ่อยครั้งเช่นกัน
เช่นครั้งหนึ่งที่ "จาดา" ออกมาประกาศคว่ำบาตรเวทีออสการ์เจ้าตัวก็แซวว่านั่นก็เพราะว่าเธอไม่พอใจที่ "วิล สมิธ" สามีของเธอไม่มีชื่อเข้าชิงรางวัลทั้งๆ ที่ได้เล่นหนังดีๆ อย่าง Concussion ก่อนที่จะแซวไปยัง "วิล สมิธ" ทำนองว่ามันก็ไม่ยุติธรรมกับฮอลลีวูดเหมือนกันกับการที่จะมาจ่ายเงินให้เขาถึง 20 ล้านเหรียญในการเล่นหนังเรื่อง Wild Wild West ที่ถูกด่ายับและเจ๊งไม่เป็นท่า
ทั้งนี้เหตุผลสำคัญที่หลายคน (รวมถึงชาวเน็ตบางส่วนของบ้านเรา) ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของ "วิล สมิธ" ก็เพราะรู้สึกว่าสิ่งที่ "คริส ร็อก" ได้พูดถึง "จาดา พิงค์เก็ต สมิธ" ด้วยการระบุว่า "เจด้า ผมรักคุณ คุณคือ จีไอเจน ภาค 2 ผมจะไม่พลาด" (GI Jane คือภาพยนตร์ที่นักแสดงดังอย่าง "เดมี มัวร์" แสดงและมีการโกนผม) นั้นมันไม่ใช่อะไรที่หยาบคายและรุนแรงเท่าใดนัก
ที่สำคัญก็คือมันไม่ใช่เรื่องของการ bully แต่เป็นการเล่นมุกตลกแบบที่เรียกว่า roast (แปลว่า "ย่าง")ประมาณว่าไม่ได้เป็นการประนามหยามเหยียด แต่เป็นการเผากัน แซวกัน ในหมู่เพื่อนฝูงที่รู้จักสนิทกัน บางคนถึงขั้นด่าพ่อล่อแม่ซึ่งชาวอเมริกาเองส่วนใหญ่ "จะไม่ถือ" กับเรื่องเหล่านี้
หลายคนยังมองว่าการที่ "คริส ร็อก" พูดแซวออกไปนั้นน่าจะไม่ได้เป็นความตั้งใจและอาจจะลืมไปว่าสาเหตุที่ "จาดา" เองต้องโกนผมก็เพราะปัญหาอาการป่วย
ยังมีการสังเกตปฏิกิริยาด้วยว่าในตอนแรกที่ "คริส ร็อก" พูดเรื่องดังกล่าวทางด้านของ "วิล สมิธ" เองยังหัวเราะด้วยซ้ำ แต่พอหันไปเห็นสีหน้าที่กระอักกระอ่วนของภรรยาเจ้าตัวก็ตัดสินใจเดินขึ้นไปบนเวทีและทำในสิ่งที่ต้องมีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การประกาศผลรางวัลออสการ์ทันที
ขณะที่หลายคนก็มองว่าเป็นไปไม่ได้ที่ดาวตลกจะไม่รู้เรื่องอาการป่วยของฝ่ายหญิง แต่เป็นคาแรกเตอร์ปกติของเจ้าตัวมากกว่าที่มักจะมีการเล่นมุกในลักษณะนี้ โดยในการประกาศผลออสการ์เมื่อหลายปีก่อนเขาก็เคยเอาเด็กชาวเอเชียขึ้นไปบนเวทีเพื่อเล่นมุกกระทั่งถูกสับแหลกในเรื่องการเหยียดเชื้อชาติมาแล้ว
หลายคนยังให้นึกถึงหัวอกของ ตัว "จาดา" ว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรในฐานะที่เธอเป็นหนึ่งในคนที่ออกมารณรงค์แคมเปญหยุดการเอาลักษณะของตัวบุคคลมาล้อเลียนแต่ตัวเองกลับต้องมาโดนเช่นนี้
สุดท้ายไม่ว่าหลายคนจะรู้สึกอย่างไร เรื่องราวที่เกิดขึ้นบนเวทีออสการ์ในปีนี้ก็น่าจะเป็นบทเรียนสอนใจให้กับหลายๆ คนได้เป็นอย่างดีเช่นกัน