xs
xsm
sm
md
lg

ชาวเน็ตแห่เรียกร้องถอดรางวัลออสการ์ “วิล สมิธ” ด้านสถาบันออกประกาศไม่สนับสนุนความรุนแรง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กลายเป็นเรื่องราวอื้อฉาวประจำปีกันเลยทีเดียวเมื่อ “วิล สมิธ” นักแสดงดังได้ตัดสินใจเดินขึ้นเวทีเพื่อตบหน้า “คริส ร็อก” บนเวทีประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งที่ 94 หลังจากที่ดาวตลกดังล้อเลียนทรงผมของ “จาดา พิงค์เก็ต สมิธ” ภรรยาของเขา ก่อนที่ไม่กี่นาทีต่อมา "วิล สมิธ" จะคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมไปครอง ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของชาวโซเชียลที่เรียกร้องให้สถาบันยึดรางวัลคืน

อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุการณ์ฉาว ทางสถาบันมอบรางวัลการแสดงได้ทวีตข้อความโดยยืนยันว่าไม่สนับสนุนความรุนแรงในทุกรูปแบบ

“สถาบันไม่ยอมรับความรุนแรงในทุกรูปแบบ คืนนี้เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เฉลิมฉลองให้กับผู้ชนะรางวัล Academy Awards ครั้งที่ 94 ผู้ซึ่งสมควรจะได้รับช่วงเวลาที่น่าจดจำนี้จากเพื่อนฝูงและผู้ที่รักในภาพยนตร์จากทั่วโลก”

การทวีตข้อความครั้งนี้สืบเนื่องมาจากทางสถาบันเองได้ก่อตั้งจรรยาบรรณนี้ขึ้นใหม่ในปี 2017 ช่วงที่เกิดการรณรงค์เรื่อง Me Too Movement

การกระทำของ วิล สมิธ ได้สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วโลกจากการใช้ความรุนแรง โดยบางส่วนเห็นด้วยกับการกระทำของเขา พร้อมระบุว่า การล้อเลียนอัตลักษณ์ของผู้อื่นของ คริส ร็อก สมควรที่จะโดนตอกกลับบ้าง ในขณะบางส่วนมองว่าสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยวิธีอื่นโดยไม่ต้องใช้ความรุนแรง และปล่อยให้สังคมเป็นผู้ลงโทษ คริส ร็อก เอง เพราะการกระทำของ วิล สมิธ เป็นการตอกย้ำประเด็นเรื่องสีผิว ที่ตอนนี้คนผิวสีถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องชอบใช้ความรุนแรง เหยียดผิว และทำร้ายร่างกายผู้อื่น

ชาวเน็ตได้เรียกร้องให้สถาบันยึดรางวัลออสการ์คืนจาก วิล สมิธ เพราะถือว่าเขาเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับสังคม

“การทำร้ายร่างกายขณะถ่ายทอดสดไปทั่วโลกน่าจะเพียงพอสำหรับการถอดถอนบางคนออกจากงานออสการ์แล้วส่งตัวไปเข้าคุก การแสดงพฤติกรรมรุนแรงให้เหมือนเป็นเรื่องธรรมดาเพียงเพราะคุณไม่ชอบมุขตลกมันบ้ามาก และมันยังเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าทุกวันนี้หลายสิ่งหลายอย่างมันบิดเบี้ยวไปหมดแล้ว”

“วิล สมิธ แสดงให้เห็นว่ามุขตลกมันก็ขำดี...แต่พอสายตาไม่พอใจของ จาดา ส่งมาที่เขาว่าเธอโกรธ วิล เลยต้องขยับก้นตัวเองแล้วไปตบ คริส ร็อก ยึดรางวัลออสการ์คืนเถอะ ควรจะมอบรางวัลให้กับนักแสดงที่มีระดับกว่านี้”

“ชัดเลยว่า คริส ร็อก คือดีกว่า สถาบันควรยึดออสการ์คืนจาก สมิธ และแบนเขาไม่ให้มาร่วมงานของสถาบันอีก มันคือพฤติกรรมที่อุกอาจและทำลายทุกสิ่งที่เคยเป็นเรื่องของการมีระดับ ช่างหน้าขายหน้าจริงๆ วิล สมิธ”

หากเป็นสถานการณ์ปกติ วิล สมิธ ควรถูกรปภ.เข้าควบคุมตัวและพาออกจากงาน แต่เป็นเพราะมันเกิดขึ้นเพียงไม่นานก่อนประกาศรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจึงไม่สามารถที่จะแก้ไขเหตุการณ์ได้ทัน

ในการประกาศผลรางวัลจะมีเพียงแค่ 3 คนที่ทราบว่าใครเป็นผู้ได้รางวัลคือ วิล แพ็คเกอร์ โปรดิวเซอร์ของงาน และบุคคลอีก 2 คนจาก Price Waterhouse Coopers ผู้ดูแลการจัดตารางผลรางวัลออสการ์ก่อนที่จะแจกซองที่มีชื่อของผู้ชนะเพื่อไปประกาศบนเวที

ทางด้านโปรดิวเซอร์ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ เห็นได้ชัดว่าผู้จัดการส่วนตัวของ วิล สมิธ รีบวิ่งไปหา วิล สมิธ ขณะที่โปรดิวเซอร์งานอย่าง แพ็คเกอร์ จะตรงดิ่งไปที่ วิล สมิธ พร้อมกับพูดอะไรบางอย่างกับเขา

ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ควบคุมงานรับทราบว่ามีเหตุทำร้ายร่างกายกันเกิดขึ้นบนเวที เพียงแต่ยังไม่มีใครแจ้งความและยื่นฟ้องอย่างเป็นทางการ

หลังจากที่พักเบรกโฆษณา รายงานระบุว่า วิล สมิธ ถูกดึงตัวไปยืนข้างเวที พร้อมกับที่ เดนเซล วอชิงตัน และ ไทเลอร์ เพอร์รี เข้าไปพูดคุยให้เขาสงบสติอารมณ์

ส่วนทางด้านหลังเวทีผู้สื่อข่าวเองก็โดนขอร้องห้ามถามคำถามใดๆเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวกับ นักแสดงที่จะขึ้นประกาศรางวัลบนเวที แต่ดูเหมือนว่าหลังจบงานประกาศรางวัล ทุกคนที่ไปร่วมงานปาร์ตี้รางวัลออสการ์ต่างพากันพูดถึงเรื่องนี้กันระงม

ส่วนทางด้านทีมงานของออสการ์ได้เผยกับทาง New York Post ว่า “มันคือการทำร้ายร่างกายอย่างชัดเจน ทุกคนที่นั่นพากันช็อก เป็นความรู้สึกที่กระอักกระอ่วน คิดว่า วิล สมิธ คงไม่คืนรางวัลหรอกแต่ใครจะรู้ล่ะว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นตามมา”

ก่อนหน้านี้ ดอว์น ฮัดสัน ซีอีโอของสถาบัน ได้เน้นย้ำเสมอว่าสถาบันให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวเรื่อง Me Too ซึ่งรวมถึงการส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนและเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

“นอกเหนือจากการบรรลุความเป็นเลิศด้านศิลปะและวิทยาศาสตร์ภาพยนตร์แล้ว สมาชิกทุกคนยังต้องประพฤติตนอย่างมีจริยธรรมโดยยึดถือค่านิยมของสถาบัน ในการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การมีส่วนร่วม และสนับสนุนสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ สถาบันไม่มีที่สำหรับคนที่ใช้อำนาจ สถานะ หรืออิทธิพลในทางที่ผิด อันเป็นการละเมิดมาตรฐานความเหมาะสมของสถาบัน ทางสถาบันต่อต้านการล่วงละเมิด การเหยียดหยาม หรือการเลือกปฏิบัติในทุกรูปแบบต่อรสนิยมทางเพศ เชื้อชาติ ชาติพันธุ์ ความทุพพลภาพ อายุ ศาสนา หรือสัญชาติอย่างเด็ดขาด ทางคณะกรรมการ เชื่อว่ามาตรฐานเหล่านี้มีความสำคัญต่อภารกิจของสถาบัน เพราะมันเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมของเรา” ดอว์น ฮัดสัน เคยลั่นปฏิญญาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไว้

ในอดีตทางสถาบันเคยถอดถอนชื่อและรางวัลมาก่อนหน้านี้แล้ว อย่างเช่น ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน ที่ถูกถอดถอนชื่ออกจากสถาบันหลังมีความผิดเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ และการข่มขืน

ในปี 2017 เกรก พี. รัสเซล ผู้บันทึกเสียงให้กับ 13 Hours: The Secret Soldiers of Benghazi ก็ถูกถอดจากการมีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์หลังจากที่เขาถูกจับได้ว่าเขาได้คุยโทรศัพท์กับ ทีมงานของสถาบันที่ตัดสินในสาขาเกี่ยวกับเสียง เพื่อให้รับรู้ถึงงานของเขาในภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งการโทรดังกล่าวเป็นการละเมิดกฎ ที่ห้ามไม่ให้มีกีล็อบบี้ทางโทรศัพท์

ในปี 2014 เพลง Alone Yet Not Alone จากภาพยนตร์เล็กๆชื่อเดียวกัน มีชื่อได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม หลังจากที่นักแต่งเพลง บรูซ บรอห์ตัน สมาชิกของสถาบันและอดีตผู้ว่าการ ได้ติดต่อสมาชิกของสาขาดังกล่าวทางอีเมล ซึ่งเป็นการละเมิดกฎของสถาบัน











กำลังโหลดความคิดเห็น