xs
xsm
sm
md
lg

5 เหตุการณ์ชวนช็อกบนเวทีออสการ์ "คริส ร็อก" ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซวยเพราะปาก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ออสการ์งานมอบรางวัลที่มีคนชมอยู่ทั่วโลก (แม้ปัจจุบันเรตติ้งจะดิ่งลงเหวลงทุกปีก็ตาม) ซึ่งแม้จะเป็นรายการที่ มีการเตรียมงานอย่างละเอียดรอบคอบ แต่ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นอยู่ดี

อยากในปีล่าสุดที่ "วิล สมิธ" ขึ้นไปตบหน้า "คริส ร็อก" ถึงบนเวที กลายเป็นสิ่งที่ทำให้ผลรางวัลโดยเฉพาะประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของออสการ์ที่หนัง CODA เป็นหนังสตรีมมิ่งเรื่องแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ถูกพูดถึงน้อยกว่าไปโดยปริยาย

โดย วิล สมิธ ได้กล่าวแบบกลั้นน้ำตาแทบจะไม่อยู่หลังได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมว่า “ในธุรกิจนี้ เราต้องยอมให้คนมาลบหลู่ เราต้องยิ้มและทำเหมือนว่าทุกอย่างโอเค”

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เป็นเหตุการณ์ครั้งแรก ที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นบนเวทีออสการ์ เกือบหนึ่งร้อยปีของประวัติศาสตร์การมอบรางวัล มีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นเป็นระยะๆ ทั้งที่ดีและร้าย


เริ่มกันตั้งแต่ในปี 1972 กับโมเมนต์ดีๆ เมื่อครั้งที่ ราชาหนังตลกเงียบ "ชาร์ลี แชปลิน" ได้รับออสการ์สาขาเกียรติยศ ทั้งที่เจ้าตัวสมควรจะได้มานานแล้ว

ในตอนนั้นตัวของเขาเองเป็นกังวลอย่างมากว่าผู้คนจะยังรักและจำเขาได้มั้ย แต่สุดท้ายก็เกิดเรื่องราวกับปาฏิหาริย์ขึ้นเมื่อคนในวงการได้ลุกขึ้นตบมือให้เขานานถึง 12 นาที โดยไม่มีการเตรียมการมาก่อนเลย

เรียกว่าในครั้งนั้นน่าจะเป็นการแสดงความยินดีกับผู้ชนะที่ยาวนานที่สุดแล้ว


ถัดมาในปีเดียวในออสการ์ปี 1973 กับเหตุการณ์ที่ดังที่สุดเหตุการณ์หนึ่งในประวัติศาสตร์ของออสการ์ ที่ "มาลอน แบรนโด" ได้รับการเสนอชื่อให้ชิงรางวัลนักแสดงนำชายจาก The Godfather และสุดท้ายเขาก็คว้ารางวัลได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตามในงานดังกล่าวเจ้าตัวกลับไม่มาร่วมงานแต่อย่างใด โดยสิ่งที่ มาลอน แบรนโด ทำก็คือเขาได้ส่งหญิงสาวชาวอเมริกันพื้นเมือง “ซาชีน ลิตเติลฟีเธอร์” ที่เป็นชาวเผ่าอาปาเชมารับรางวัลแทน เพื่อเป็นการประท้วงต่อการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อชาวอเมริกันพื้นเมือง

โดยหญิงสาวกล่าวในตอนนั้นว่า “มาลอน แบรนโด ขอให้ฉันบอกคุณด้วยคำพูดที่ยาวมากซึ่งฉันไม่สามารถแบ่งปันกับคุณได้ในขณะนี้เนื่องจากเวลา แต่ฉันยินดีที่จะแบ่งปันกับสื่อมวลชนในภายหลัง”

กับเรื่องดังกล่าวกลายเป็นว่ามีดาราหลายคนที่อยู่ในงานแสดงความไม่พอใจกับเรื่องนี้ โดย "คลินต์ อีสต์วูด" ก็พูดติดตลกระหว่าง มาประกาศรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมว่าเข้ามาในนามของ “คาวบอยทุกคนที่ถูกยิงในหนังของจอห์นฟอร์ด” ส่วน "ไมเคิล เคน" ที่เป็นพิธีกรร่วมในงานเลือกที่จะแสดงความเห็นในแง่ลบต่อ แบรนโด ว่า “ปล่อยให้ เด็กผู้หญิงอินเดียที่น่าสงสารต้องมาเจอเสียงโห่ แทนที่เขาจะมายืนตรงนี้ด้วยตัวเอง”


การแสดงจุดยืนทางการเมืองมักจะสร้างปัญหาให้กับงานมอบรางวัลออสการ์เสมอ เหมือนที่ยอดผู้กำกับหนังสารคดีเคยไปกล่าวโจมตีประธานาธิบดี จอร์จ บุช หลังคว้ารางวัลจนทำให้มีทั้งเสียงเชียร์ และเสียงโห่ จากคนที่มองว่าเขาไม่ควรเอาเรื่องการเมืองมาปนกับเรื่องบันเทิง

แต่การประท้วง บนเวทีออสการ์ที่ดังที่สุดน่าจะเกิดขึ้นในปี 1974 ระหว่างที่พิธีกรในงานวันนั้นคือ "เดวิด นิเวน" และ "อลิซาเบธ เทเลอร์" กำลังจะประกาศรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้มีชายเปลือยคนหนึ่งวิ่งอยู่ที่ฉากหลังของงาน และชูนิ้วเป็นสัญลักษณ์สันติภาพ

โดยตอนนั้นไม่มีใครทราบว่าชายคนนี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครด้วยซ้ำไป และพูดได้ว่าชายที่ชื่อว่า "โรเบิร์ต โอเพิล" ที่เป็นช่างภาพและนักกิจกรรมเรียกร้องสิทธิชาวเกย์คนนี้ แทบจะโด่งดังขึ้นมาชั่วข้ามคืนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


การถูก "วิล สมิธ" ชก ต้องถือว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ "คริส ร็อก" ซวยเพราะการเล่นมุกตลกแต่อย่างใด

ย้อนไปในปี 2016 ที่ "คริส ร็อก เป็นพิธีกร และได้พาเด็กชาวเอเซีย 3 คนขึ้นมาบนเวที และแนะนำว่าพวกเขาเป็นนักบัญชีวิตของ PricewaterhouseCooper ที่ทำหน้าที่รวบรวม และคำนวณคะแนนของออสการ์..."พวกเขาส่งคนที่แม่นยำ และทำงานได้ละเอียดที่สุดมา"

"ขอต้อนรับ หมิงซู, เป่าหลิง และ เดวิด มอสโควิช (ชื่อแบบชาวยิว) ด้วยครับ" ร็อก เล่นมุกล้อเลียนเกี่ยวกับภาพจำของชาวเอเชีย และชาวยิว ที่คนอเมริกันมักรู้สึกว่าจะเก่งเกี่ยวกับเรื่องตัวเลขเป็นพิเศษ

ไม่เท่านั้น คริส ร็อก ยังต่อมุกไปอีกว่า ถ้าใครไม่พอใจมุกตลกล้อคนเอเชียของเขา ก็สามารถหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทวีตข้อความด่าได้ ซึ่งโทรศัพท์ที่ทุกคนใช้กันก็ประกอบโดยเด็กเหล่านี้เช่นเดียวกัน ซึ่งก็เป็นการล้อเลียนเกี่ยวกับเรื่องแรงงานเด็กในทวีปเอเชียนั่นเอง

ช่วงเวลาสั้นๆ ที่เกิดขึ้นบนเวทีออสการ์กลายเป็นประเด็นที่มีคนวิจารณ์ในแง่ลบมากมาย โดย The Huffington Post ได้แสดงความเห็นว่า "น่าเศร้า และเป็นกรณีที่ร้ายแรงมาก ที่ตลกผิวดำผู้ที่กำลังต่อสู้กับการเหยียดเชื้อชาติ และการเลือกปฏิบัติ กลับมาล้อเลียนเด็กเอเชีย 3 คนด้วยเรื่องเชื้อชาติล้วนๆ ต่อหน้าคนอเมริกันเป็นล้านๆ"


แน่นอนว่าเหตุการณ์บนเวทีออสการ์ในปี 2017 ก็ถือเป็นเหตุการณ์ระดับประวัติศาสตร์ที่ออสการ์ไม่มีวันลืม เมื่อ วอร์เรน เบตตี้ กับ เฟย์ดันนาเวย์ ได้ขึ้นมาประกาศให้ภาพยนตร์เรื่อง La La Land คว้ารางวัลออสการ์เหนือ Moonlight จนนักแสดงและทีมงานขึ้นมารับรางวัลกันเต็มเวที

ก่อนที่ทีมงานจะมาบอกให้กับโปรดิวเซอร์ของหนัง La La Land ทราบว่าผลงานของพวกเขาไม่ได้คว้ารางวัล แต่เกิดความผิดพลาด จนทำให้สองรางวัลมีการสลับสับเปลี่ยน และแท้จริงแล้ว Moonlight คือผลงานที่ได้รับรางวัลตัวจริง

“มีความผิดพลาดเกิดขึ้น Moonlight คุณได้รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” โปรดิวเซอร์ของหนัง La La Land กล่าวกลางเวทีพร้อมโชว์ซองผลรางวัลให้ทุกคนได้เห็น “นี่ไม่ใช่มุกตลก”

ทีมของ La La Land ถึงต้องลงจากเวทีไปแบบงงๆ แล้วปล่อยให้ทีม Moonlight ขึ้นมารับรางวัลและฉลองกันแบบไม่ค่อยจะเต็มที่อย่างที่ควรจะเป็นเพราะยังไม่ค่อยแน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นั่นเอง




กำลังโหลดความคิดเห็น