xs
xsm
sm
md
lg

มรสุมอีกรอบ! “แพท” ผ่าตัดใหญ่ เสียใจจะวาดรูปไม่ได้เหมือนเดิม เหมือนสูญเสียสิ่งที่รักในชีวิต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“แพท” ป่วยหมอนรองกระดูกคอกดทับเส้นประสาทต้องผ่าตัดใหญ่ สุดทรมานแขน-มือขวาชาและปวด ส่วนแขนซ้ายเริ่มมีปัญหา แพทย์ชี้เป็นอาการเรื้อรังที่สะสมมาหลายปี คาดเกิดจากการใช้ชีวิตตั้งแต่อยู่ในเรือนจำ ตกใจหลังรู้ว่าเสี่ยงเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต กังวลเรื่องเสียงและการเล่นดนตรี เสียใจจะวาดรูปไม่ได้เหมือนเดิม ต้องหันกลับมาดูแลสุขภาพตัวเองอย่างหนัก

หลังได้รับอิสรภาพและได้ใช้ชีวิตฟ้าหลังฝนมาได้ปีกว่า แต่ล่าสุดนักร้องหนุ่ม “แพท พาวเวอร์แพท” วรยศ บุญทองนุ่ม กลับต้องเจอวิกฤตชีวิตอีกรอบ เมื่อตรวจพบว่าตนเองนั้นป่วยหมอนรองกระดูกคอกดทับเส้นประสาท แขนและมือขวามีอาการชาและปวดจนรู้สึกทรมาน เป็นเหตุให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาล ซึ่งเป็นการป่วยหนักครั้งแรกในชีวิตของแพท งานนี้ทำเอาเจ้าตัวกังวล ต้องสวดมนต์ก่อนเข้าห้องผ่าตัดเพื่อให้ตัวเองสบายใจ พร้อมเผยถึงผลกระทบหลังผ่าตัดที่ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตใหม่

“เมื่อประมาณปลายปีที่แล้ว ผมเกิดอาการปวดเมื่อยแขนด้านขวา และมีอาการเหน็บชาที่แขนขวา เราก็คิดว่าตัวเองทำงานหนัก ทำคอมพิวเตอร์ ตัดต่อคลิปช่อง YouTube ของตัวเองหนักเกินไป หรือเกี่ยวกับการซ้อมกีตาร์ ก็ได้มีการซื้อยาแก้ปวด ซื้อแผ่นแปะแขนคลายกล้ามเนื้อ และกินยาคลายกล้ามเนื้อต่างๆ แต่ก็ไม่หาย”

“ผมก็รอดูอยู่หลายสัปดาห์เหมือนกัน จนอาการเริ่มหนักขึ้นตอนไปเล่นคอนเสิร์ตวันที่ 24 ธันวาคม ปีที่แล้ว ที่จังหวัดสิงห์บุรี ตอนนั้นรู้สึกว่าอาการเริ่มรุนแรงขึ้น เวลาดีดกีตาร์จะเกิดอาการเหน็บชา พอกลับมากรุงเทพผมก็เลยตัดสินใจมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ก็ได้มีการเอ็กซเรย์ ก็ได้เห็นภาพของคอที่กระดูกแต่ละข้อผิดรูปไป จะมีบางข้อที่หล่นลงมาชิดกัน จนทำให้เกิดการทับเส้นประสาทที่อยู่ในบริเวณข้อต่างๆ

“ซึ่งก็จะมีข้อที่สาหัสอยู่ก็คือข้อที่ 5 และข้อที่ 6 จึงได้ส่งตัวไปทำ MRI เพื่อทำการวินิจฉัยให้เห็นภาพของกระดูกคอชัดเจนมากยิ่งขึ้น พอภาพ MRI ออกมา ทางคุณหมอก็ได้ส่งตัวไปให้คุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญด้านกระดูกคอโดยตรง คุณหมอก็บอกว่าอาการค่อนข้างหนักและน่าเป็นห่วงมากๆ และไม่ใช่แค่ข้อที่ 5 และข้อที่ 6 แต่ยังมีข้ออื่นที่เกิดอาการเสื่อม เนื่องจากหมอนรองกระดูกเสื่อมจากการใช้คอเป็นเวลานานๆ เป็นอาการเรื้อรังจากการก้มเป็นเวลา 10 ปี คุณหมอบอกว่าจริงๆ แล้วอาการรุนแรงมาไม่น้อยกว่า 1-2 ปีแล้ว แต่เราไม่รู้ตัวแค่นั้นเอง”

“ตอนที่ตรวจพบเบื้องต้นคุณหมอก็ให้ทานยาในการระงับอาการชา เพื่อให้สามารถทำงานได้ก่อนช่วงระยะเวลาที่รอผ่าตัด เพราะคุณหมอบอกว่ายังไงก็ต้องผ่าตัด เพราะมันจะอันตรายมากถ้าเราโดนกระแทก หรือล้ม หรือว่าเกิดอุบัติเหตุมีการผลัก การชน การกระแทกต่างๆ จะทำให้กระดูกที่มันทับอยู่ไปกดเส้นประสาทจนอาจส่งผลให้เป็นอัมพฤกษ์อัมพาตครึ่งซีกได้”

“ถ้าผมชะล่าใจไม่มาพบหมอ ไม่มาเอ็กซเรย์เราก็จะไม่รู้ เราก็เข้าใจว่ามันเป็นที่แขนไง เพราะมีอาการที่แขน แต่มันคือเส้นประสาทที่มันเชื่อมต่ออยู่ที่คอของเรา ซึ่งคอเราก็ไม่ได้เจ็บไม่ได้ปวดเลยนะ ตอนแรกที่คุณหมอบอกว่าคอเรามีปัญหา ผมยังงงเลย คุณหมออธิบายว่าหมอนรองกระดูกเสื่อม กระดูกก็เลยหล่นมาทับเส้นประสาท ทำให้เส้นประสาทไม่สามารถที่จะทำงานได้เพราะโดนทับโดนกดอยู่”

“การผ่าตัดครั้งนี้เป็นการผ่าตัดกระดูกข้อที่หนักที่สุดโดยการส่องกล้อง เปลี่ยนเป็นหมอนรองกระดูกเทียม ซึ่งเป็นโลหะไทเทเนียมยึดน็อตดามกระดูกข้อที่ 5 และข้อที่ 6 ให้ยืดขยายขึ้น เส้นประสาทที่เคยถูกทับก็จะมีพื้นที่ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้”

เชื่อเกิดจากการใช้ชีวิตตอนที่อยู่ในเรือนจำ ที่วาดรูปวันละ 6-7 ชั่วโมง เป็นระยะเวลาหลายปีติดต่อกัน
“ผมคิดว่าน่าจะเกิดจากการใช้ชีวิตตอนที่อยู่ในเรือนจำ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ การนั่งวาดรูปเป็นเวลานานๆ ทุกวันๆ ไม่ต่ำกว่าวันละ 6-7 ชั่วโมง และมีบางช่วงที่ฝึกวาดรูปหนักๆ นั่งวาดรูปวันนึงไม่ต่ำกว่า 10-12 ชั่วโมง แล้วในเรือนจำเกี่ยวกับที่นั่งหรือโต๊ะอาจจะไม่ค่อยเพียงพอต่อจำนวนผู้ต้องขัง และไม่ได้สะดวกสบาย ก็เลยทำให้ลักษณะของการนั่งทำงานต่างๆ ในแต่ละวันอาจจะไม่ถูกลักษณะท่าทางที่ถูกต้อง เลยเกิดอาการสะสมไปเรื่อยๆ ตลอด 16-17 ปีที่ผ่านมาครับ”

“เวลานั่งวาดรูปเป็นเวลานานๆ ผมจะปวดคอและเมื่อยล้า ปวดตั้งแต่ต้นคอถึงบ่า ถึงหลัง แต่พอนอนตื่นมามันก็หาย จะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่นั่งนานๆ แต่ไม่ได้เอะใจว่าตัวเองเป็นอะไรเพราะคิดว่าแค่เมื่อย นอนพักก็คงหาย”

ยอมรับตกใจ หลังแพทย์บอกว่าความเสี่ยงสูงสุดอาจทำให้เป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้เลย
“ก็ตกใจครับ ก็ต้องบริหารชีวิตการทำงานของเราใหม่ ต้องระวังทุกอย่าง เวลานั่งผมต้องมีหมอนรองคอ เวลาไปทัวร์คอนเสิร์ตต้องบอกพี่เท็ดดี้(ผู้จัดการวงพาวเวอร์แพท) ว่าต้องเซฟเรา คอยประกบเรา อย่าให้ใครมาชนเรา คอยดูเรา เพราะเวลาไปเล่นคอนเสิร์ตบางที่แสงสว่างไม่เพียงพอผมต้องระวังในการเดิน อาจจะทำให้เราเสียหลักล้มแล้วกระแทกอะไรต่างๆ ก็ต้องระวังในทุกๆ อย่าง และทำงานไปให้ได้ควบคู่กันไปครับ”

“ตั้งแต่ทราบว่าตัวเองเป็นอะไร การใช้ชีวิตที่ผ่านมาก็เลยไม่เต็มร้อยเพราะเราต้องคอยระวังตัวเองตลอดเวลาครับ แต่หน้าเวทีเวลาแสดงคอนเสิร์ตก็ต้องเต็มที่ แต่ช่วงหลังๆ เวลาเล่นคอนเสิร์ตผมอาจจะยั้งๆ ในการโยกหัวไปเยอะมากๆ แต่บางทีด้วยฟีลลิ่งก็อาจจะลืมตัวบ้าง เพราะอยากจะให้แฟนเพลงสนุกและประทับใจในทุกๆ โชว์ ก็เสี่ยงนิดนึงครับ”

อาการรุนแรงที่สุดที่เคยเป็นไม่ถึงขั้นจับปิ๊กกีตาร์แล้วร่วง แต่หมดโอกาสวาดรูปชิ้นใหญ่ที่ต้องใช้เวลานานๆ แถมแขนซ้ายเริ่มมีปัญหา
“ไม่ถึงกับหมดแรงครับ แต่มันจะรู้สึกชาและปวดตั้งแต่หัวไหล่ลามไปตรงฝ่ามือ รุนแรงตรงนิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง มันค่อนข้างทรมาน แต่ไม่ถึงกับจับปิ๊กกีตาร์แล้วร่วงขนาดนั้นครับ แต่จับแล้วแรงมันไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์”

“ที่เป็นอยู่ตอนนี้คือแขนข้างขวา แต่คุณหมอบอกว่าตอนนี้แขนข้างซ้ายก็เริ่มมีการกดทับแล้วด้วยจากกระดูกที่เสื่อมบางข้อ แต่อาการยังไม่ออก แต่ในอนาคตถ้าเราใช้ชีวิตไม่ระวังหรือไปทำอะไรแบบเดิมซ้ำๆ มันก็มีโอกาสเป็นได้ง่าย มีประมาณ 2 ข้อที่เริ่มเสื่อมแล้ว เพราะฉะนั้นงานวาดรูปชิ้นใหญ่ๆ ที่ต้องใช้เวลาทำนานๆ คงไม่สามารถที่จะวาดได้แล้ว แต่รูปเล็กๆ ที่ใช้เวลา 1-2 วัน ใช้เวลาสั้นๆ ไม่กี่ชั่วโมงอาจจะทำได้ แต่งานชิ้นใหญ่คิดว่าในชีวิตนี้ผมคงไม่สามารถเขียนได้อีกต่อไปครับ”

“คุณหมอบอกว่าถ้าไม่อยากให้อาการหนักขึ้น ก็ไม่ควรใช้ชีวิตแบบนั้นแล้ว แต่เรื่องดีดกีตาร์เล่นดนตรีไม่มีปัญหาครับ อย่างการโยกหัวเราก็ไม่ได้ทำหนักหรือบ่อยขนาดนั้น สามารถระวังตัวเองได้”

การวาดภาพและการเล่นดนตรีคือจิตวิญญาณของแพท เป็นสิ่งที่แพทรัก แต่หลังจากนี้จะไม่สามารถวาดภาพได้เหมือนเดิมอีกต่อไป เป็นความรู้สึกสูญเสียและเสียใจ
“มันก็รู้สึกสูญเสียครับ รู้สึกเสียดาย แต่ว่าเราก็ต้องรักษาร่างกายตัวเองด้วย แต่ผมก็คิดว่าเรายังสามารถทำงานอื่นๆ ที่เรารักได้อยู่ แต่มันก็น่าเสียดายตรงเรื่องของการสร้างงานศิลปะ การวาดรูปชิ้นใหญ่ๆ ที่ผมเคยมีความฝันที่อยากจะทำไปตลอดควบคู่กับการเล่นดนตรี ก็คงไม่สามารถที่จะทำได้อีกต่อไป ใครที่ครอบครองงานศิลปะผมอยู่ก็คงมีเท่านี้แล้วครับ”

“ก็เสียใจครับ แต่ผมมองอีกแง่นึงคือเราก็ต้องรักษาตัว เราอาจจะทำไม่ได้หนึ่งอย่าง แต่อีก 3-4 อย่างเราก็ยังทำได้อยู่ ก็โอเคครับ แต่ถ้าเราฝืนทำให้มันได้ทุกอย่าง แต่สุดท้ายถ้าต้องสูญเสียไปทั้งหมด เราก็ยอมที่จะเสียบางอย่างไปแต่แรกดีกว่า สุขภาพสำคัญที่สุด”

โชคดีที่กระทบแค่เรื่องการวาดภาพ แต่การเล่นดนตรียังทำได้ปกติ
“คุณหมอบอกว่าไม่ได้มีอะไรห้ามเป็นพิเศษนะครับ ยังสามารถเล่นดนตรีได้ตามปกติ เล่นคอนเสิร์ตได้ตามปกติ แต่ตัวผมเองต้องระวังเรื่องของการใช้คอ จะกระแทกกระทั้นมากเหมือนตอนวัยรุ่นก็คงไม่ได้ การผ่าครั้งนี้กระดูกข้อเดิมที่เปลี่ยนแล้วมันไม่กลับมาเป็นอีกครับ แต่ยังมีกระดูกข้ออื่นที่เสื่อมที่มีการเริ่มกดทับแล้ว อันนี้มากกว่าที่ยังอันตราย ก็ต้องดูแลตัวเองและประคับประคองไป จึงเป็นข้อห้ามของการทำกิจกรรมที่ต้องใช้คอก้มหรือเงยเป็นเวลานานๆ เหมือนการเขียนรูปครับ”

แขนขวาก็เป็น แขนซ้ายก็เริ่มมีปัญหา เมื่อถามว่ารู้สึกกังวลมากแค่ไหน แพทก็บอกว่า…
“ก็อยู่ที่เราใช้ชีวิตหลังจากนี้ครับ กระดูกข้อที่เป็นปัญหาที่สุดเราได้ทำการแก้ไขไปแล้ว หลังจากนี้อยู่ที่เราแล้วแหละว่าจะระวังยังไงไม่ให้ข้ออื่นที่เสื่อมอยู่แล้วมีอาการหนักกว่าเดิม การกินยาน่าจะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุมากกว่า สำคัญที่สุดคือพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการใช้คอของเรา ที่จะเป็นตัวทำให้อาการมันไม่รุนแรงขึ้นได้ เราใช้งานร่างกายหนักเกินไปจนมันเสื่อมถอยก่อนเวลาที่ควรจะเป็น”

เป็นการผ่าตัดใหญ่ครั้งแรกในชีวิต ยอมรับรู้สึกกังวล ต้องเคลียร์งานและสะสางงานให้เรียบร้อยก่อนเข้าห้องผ่าตัด
“ที่เพิ่งผ่าเพราะติดงานครับ ทั้งคอนเสิร์ตและงานอื่นๆ ที่เราต้องใช้เวลาในการสะสาง และจัดคิวอะไรให้มันเรียบร้อย และมาลงตัวในช่วงนี้พอดี ในชีวิตไม่เคยผ่าตัดใหญ่ครับ เคยนอนโรงพยาบาลตอนวัยรุ่นเพราะตอนนั้นท้องเสีย ก็นอนแค่ 1 คืนแค่นั้น และไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมาอยู่โรงพยาบาลหลายๆ วัน ไม่คิดว่าจะต้องเข้าห้องผ่าตัด เป็นเรื่องที่ผมคิดไม่ถึงครับ เพราะคิดมาตลอดว่าตัวเองร่างกายแข็งแรงและไม่คิดว่าตัวเองจะมีโรคอะไรแบบนี้”

“ความรู้สึกตอนเข้าห้องผ่าตัดก็รู้สึกหวาดเสียว และยอมรับว่ามีความกังวลเล็กน้อยว่าเราจะเจออะไรบ้าง เราจะเจ็บขนาดไหน แล้วตอนผ่าเราจะรู้สึกตัวมั้ย ซึ่งคุณหมอก็เก่งมากๆ เขาก็วางยาสลบ มีการติดอุปกรณ์อะไรเต็มตัวผมไปหมดเลย พอเข้าห้องผ่าตัดผมก็หลับไปเลยนะ ไม่รู้ตัวเลยครับ ตื่นมาอีกทีคือผ่าตัดเรียบร้อย ผ่าตัด 3 ทุ่มครึ่ง กลับมาห้องก็เกือบตีหนึ่ง”

ดับความกังวลก่อนผ่าด้วยการสวดมนต์จบเป็นเล่มๆ
“ผมผ่าตัดตอน 3 ทุ่มครึ่ง ตอนที่ยังอยู่ที่ห้องพักก่อนที่จะเข้าห้องผ่าตัด ประมาณ 2 ทุ่ม ผมสวดมนต์ใหญ่เลยครับ คือสวดทั้งเล่มเลย และซื้อพวงมาลัยมาไหว้สักการะพระภูมิเจ้าที่ที่โรงพยาบาล และไหว้บนหัวเตียงด้วย และวันก่อนที่จะมาโรงพยาบาลก็ไปทำบุญ 3 วัด ก็ทั้งทำบุญและเจริญสติภาวนานั่งสมาธิ แผ่ส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร สิ่งต่างๆ ที่ทำก็ช่วยได้เยอะเลยครับ ทำให้รู้สึกมีกำลังใจ สบายใจ ผ่อนคลายขึ้น อีกอย่างคือผมมั่นใจในฝีมือของคุณหมอด้วย เพราะคุณหมอมีความชำนาญทางด้านนี้และเก่งมากครับ”

ผลกระทบหลังผ่า บางคนโชคร้ายมีปัญหาเรื่องเส้นเสียงที่ไม่เหมือนเดิม ทำให้ทั้งแพทและครอบครัวค่อนข้างไม่สบายใจ แต่เพราะมั่นใจในฝีมือของคุณหมอว่าเก่ง จึงหายห่วงไปเยอะ
“ตอนที่รู้ว่าต้องผ่าคุณพ่อ คุณแม่ และพี่สาว เป็นห่วงมากครับ เขากลัวว่าผ่าแล้วจะไม่เหมือนเดิม เสียงจะใช้ได้ไม่เหมือนเดิมและจะไม่หายสนิท เขาก็มีความกังวล เพราะคุณหมอที่ผ่าก็บอกว่าเคยมีผลวิจัยต่างประเทศ กรณีที่มีผู้ป่วยโรคนี้ที่เป็นนักร้อง อาจจะมีผลกระทบต่อเส้นเสียงในการเปล่งเสียงร้องเพลง ที่จะไม่เหมือนเดิม แต่ก็เป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมาก ผมก็ต้องรอดูอาการว่าจะฟื้นกลับมาเหมือนเดิมมั้ย”

“ก็มีความกังวลครับ เพราะอย่างเรื่องวาดรูปเรารู้แล้ว เราก็ตัดไปแล้ว งานชิ้นใหญ่ๆ คงวาดไม่ได้แล้ว แต่การร้องเพลงเป็นอีกหนึ่งงานที่เรารัก และเป็นอาชีพหลักของเราด้วย แต่ก็คิดว่าตัวเองน่าจะโชคดีไม่เป็นอะไรมาก และคุณหมอก็ได้พาอาจารย์ของท่านมาช่วยในการผ่าครั้งนี้ด้วย ก็ทำให้ผมมั่นใจและคลายความกังวลไปเยอะเลยครับ”

หลังผ่าตัดมีอาการเจ็บคอเวลาทานอาหารและกลืนน้ำลาย ต้องสอดท่อเพื่อนำเลือดที่คั่งอยู่ในคอออก
“เวลาเราทานอาหารหรือว่ากลืนน้ำลาย จะมีอาการเจ็บคอครับ คุณหมอบอกว่าจะค่อยๆ ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ส่วนแผลที่คอก็ยังใหม่ๆ อยู่ การหมุนก็ยังไม่สะดวก แต่ก้มพอได้ครับ ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวเรื่องของแขน ต้องทานอาหารที่อ่อนๆ ดื่มน้ำเยอะๆ แล้วก็มียาพ่นคอเวลาเจ็บด้วยครับ”

“เป็นการผ่าที่เอากล้องส่องเข้าไป วันแรกหลังจากผ่าตัดก็จะมีการสอดท่อเพื่อนำเลือดที่คั่งอยู่ในคอให้ไหลออกมา พอวันที่ 2 คุณหมอก็เอาออกไปแล้วครับคุณหมอให้อยู่โรงพยาบาล 4 วัน แล้วก็กลับไปพักฟื้นที่บ้านต่อได้ กว่าจะกลับไปปกติเหมือนเดิมก็ประมาณ 1-2 สัปดาห์ครับ”

หลายคนมองว่าเป็นมรสุมชีวิตอีกครั้งที่แพทต้องเผชิญ แต่แพทกลับไม่ได้มองแบบนั้น
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมไม่ได้มองว่ามันหนักหนามาก แต่เป็นเรื่องที่เราเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องของวัย เรื่องของร่างกายที่ย่อมมีการเสื่อมโทรมและไม่เหมือนเดิม รวมถึงเกิดจากการใช้ชีวิตช่วงวัยรุ่นที่ค่อนข้างหนักหน่วงมากกว่า ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ทุกคนพบเจอได้ เราก็พยายามแก้ไขและป้องกันได้ครับ”

ป่วยหนักครั้งนี้ ทำเอาแพทต้องตรวจสุขภาพตัวเองชุดใหญ่ อีกทั้งต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตใหม่ อะไรที่เสี่ยงจะไม่ทำเพื่อป้องกันไม่ให้ป่วยอีก
“หลังจากรู้ว่าป่วยก็ตรวจเช็กร่างกายตัวเองมาตลอดครับ แต่โชคดีที่ไม่เจอโรคอะไรแล้ว ตอนนี้ก็ดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้นครับ ต้องเอาร่างกายตัวเองเป็นหลัก อะไรที่เสี่ยงที่มันจะเกิดโรคได้อีกก็จะไม่ทำ อะไรที่จะส่งผลให้ร่างกายเราไม่ปลอดภัยเราก็ต้องเลี่ยง ก็ต้องตัดใจ ต้องพยายามบังคับตัวเองด้วย”

“การทำงานด้วยก็หวังว่าทุกคนจะเข้าใจ ต้องยอมรับว่าเราก็ล่วงเลยวัยรุ่นมานานแล้ว อยู่ในวัยที่เลยวัยกลางคนมาแล้วด้วย เป็นธรรมดาที่มันจะมีการเสื่อมสภาพไปตามวัย แต่ไม่ต้องห่วงครับเรายังทำงานได้เต็มที่เหมือนเดิม ยังรักษามาตรฐานคุณภาพงานเหมือนเดิม เรารู้ว่าต้องเซฟตัวเองยังไงไม่ให้มีผลกระทบทั้งกับร่างกายและงานที่ทำครับ”













กำลังโหลดความคิดเห็น