xs
xsm
sm
md
lg

“มิ้นต์” เจ้าหญิงแห่งวงการเพื่อนเจ้าสาว ไม่อินงานวิวาห์ ยังไม่อยากมีลูกกับ “ภูผา” ใกล้หมดสัญญาช่อง 3 แล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“มิ้นต์ ชาลิดา” รับใกล้หมดสัญญาช่อง 3 แล้ว ลั่นที่ผ่านมาไม่เคยเลือกบท ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ แต่อยู่วงการมา 17 ปีแล้ว อยากได้งานที่พัฒนาฝีมือ เป้าหมายต่อไปคือเล่นบทที่หลากหลายขึ้น ไร้แพลนแต่ง “ภูผา” แฮปปี้กับปัจจุบัน ขำๆ เป็นเจ้าหญิงแห่งวงการเพื่อนเจ้าสาว ทุกวันนี้วิ่งหนีดอกไม้แล้ว ไม่หวั่น “เอ๋ มณีรัตน์” ติดเชื้อโควิด เคยเป็นมาแล้ว มีประวัติปอดฉีก ระวังตัวเองตลอด

เป็นอีกคนที่กำลังจะหมดสัญญากับทางช่อง 3 สำหรับนางเอกสาว “มิ้นต์ ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง”ซึ่งก็มีข่าวว่าเริ่มมีช่องอื่นมาทาบทามติดต่อแล้ว โดยสาวมิ้นเผยถึงเรื่องนี้ในการเปิดสัมภาษณ์นักแสดงจากละครเรื่อง ซ่านเสน่หา ผ่านระบบ zoom เจ้าตัวก็ยอมรับว่าสัญญาใกล้จะหมดจริง แต่มีการพูดคุยกับผู้ใหญ่ตลอด และยังไม่มีการตัดสินใจว่าจะต่อหรือไม่ต่อสัญญา

“สัญญายังไม่หมดเลยค่ะ ยังอยู่กับช่อง 3 ยังไม่ได้ไปไหนค่ะ แต่ว่ามิ้นต์ก็อยากทำงานในช่องทางออนไลน์มากขึ้น หมายถึงว่าในแพลตฟอร์มที่มันจะมีมามากขึ้นในอนาคตอย่างที่ทุกคนเห็นอยู่แล้วค่ะ แนวโน้มจะเป็นนักแสดงอิสระสูงไหม ก็เป็นเรื่องของอนาคต มิ้นต์ยังไม่อยากพูดอะไรตรงนี้ เราก็ยังทำงานให้ที่นี่อยู่และในอนาคตก็ยังทำงานให้ที่นี่อยู่เหมือนกันค่ะ แต่สัญญาก็เหลืออีกไม่มากค่ะ ด้วยความที่เราอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็ก ไม่ได้คิดว่าอยากจะไปทำอะไรที่ไหน แต่ก็เคยมีคนติดต่อมาเรื่อยๆ ติดต่อมาตลอดอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้ตอบรับที่ไหน คือวันนี้มิ้นต์ยังทำงานให้กับช่อง 3 ค่ะ และมองในรูปแบบงานออนไลน์มากขึ้น งานภาพยนตร์มากขึ้น เวลามิ้นต์รับละครก็อยากรับเรื่องที่เรารู้สึกอยากเล่น เลือกงานมากขึ้น

ต้องบอกว่าที่ผ่านมาอยู่กับช่อง 3 มิ้นต์ไม่ได้เลือกบทบาทที่เราอยากจะรับเล่น มันก็ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ แต่ว่าพอเราอายุเท่านี้แล้ว และด้วยความที่เราอยู่วงการมา 17 ปีได้แล้ว ก็รู้สึกว่าอยากทำงานที่เป็นผลงานที่เราไม่เคยเล่น ไม่เคยทำ หรือเป็นการได้พัฒนาฝีมือของเราไปมากขึ้น ก็มีการคุยกันในเรื่องนี้แล้ว ผู้ใหญ่ก็ทราบดีอยู่แล้วว่าจุดประสงค์ของมิ้นต์หลังจากนี้ มิ้นต์อยากทำงานในรูปแบบไหน”

เผยอยากได้รับบทบาทที่ยังไม่เคยเล่นบ้าง
“ที่ผ่านมามิ้นต์จะเล่นละครแบบพ่อแง่แม่งอนค่อนข้างเยอะ คืออยากจะเล่นละครที่เราไม่เคยใส่ชุดไทย ไม่เคยได้เล่นพีเรียด ไม่เคยเล่นหนังที่เราไม่เคยทำ คือไม่ได้ฉีกขนาดนั้น แต่ว่าให้มันเป็นอะไรที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ได้ฉีกไปจากเดิมมาก แต่แค่ว่าทำอะไรที่ไม่เคยทำ อาจจะไม่ได้รับละครคอมเมดี้ซ้ำๆ ติดกันอย่างที่บอกโลกมันไปออนไลน์มากขึ้น ช่องทางออนไลน์อื่นๆ ที่อยากเล่น ก็คงเป็นทางออนไลน์ก่อนที่กำลังดูๆ คุยๆ อยู่ค่ะ แต่ว่ากับช่อง 3 ก็ยังมีอยู่ค่ะ

กับผู้ใหญ่ได้มีคุยๆ อยู่เรื่อยๆ ค่ะ มิ้นต์คุยกับผู้ใหญ่อยู่ตลอดอยู่แล้วไม่จำเป็นว่าต้องเป็นหมดเรื่องสัญญา ได้บอกตลอดว่าอยากทำงานแนวนี้มากขึ้น เขาก็ทราบจุดประสงค์ของเรา ซึ่งเขาก็ไม่ได้ติดอะไร เขาก็รู้ว่าเราโตขึ้น เป้าหมายของมิ้นต์คือการเล่นละครที่มันหลากหลายมากขึ้น ส่วนใหญ่จะมีส่งบทมาที่หลากหลายและคล้ายๆ เดิมก็มีมาเยอะมากๆ แต่ก็ยังไม่ได้ไปที่ไหน อย่างออนไลน์ที่ส่งมาก็รู้สึกว่ายังไม่ใช่ ปฏิเสธไปเยอะมากเลยของออนไลน์หลายแพลตฟอร์ม”

บอกยังไม่มีการพูดคุยเรื่องแต่งงานกับ “ภูผา เตชะณรงค์” ในเร็วๆ นี้
“ข่าวว่าผู้ใหญ่คุยกันแล้วเรื่องการวางแผนอนาคตแล้วเหรอ เดี๋ยวสิ ยัง (หัวเราะ) ยังไม่ถึงขั้นนั้น ต้องคุยกับมิ้นต์ก่อน ยังไม่มีใครคุยกัน ไม่มีเลยค่ะ ยังไม่ได้คุยกันเลย คือมิ้นต์ยังอยู่กับปัจจุบันว่าเราอยากทำงาน การแต่งงานยังไม่มีพูดคุยกับใครเลย คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่มีคุยกันเรื่องนี้เลย

ตอนนี้ก็คบกันมา 10 ปีแล้วค่ะ เราก็โตขึ้น ในช่วงที่คบกันแรกๆ ก็เหมือนปั๊บปี้เลิฟ พอมากลางๆ ก็ต่างทำงาน ตอนนี้ยิ่งต้องโฟกัสหนักขึ้นเพราะมิ้นต์ก็เรียนปริญญาโทอยู่ด้วย เวลาก็ค่อนข้างน้อยมาก เขาก็ต้องโตขึ้นบริหารอะไรที่มันหลากหลายมากขึ้น มุมมองเราก็โตขึ้นไปอีกแบบหนึ่ง ก็ต้องปรับจูนกันไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว เพราะเราโตกันมาคนละรูปแบบ เขาเป็นน้องคนเล็ก มิ้นต์เป็นพี่สาวคนโต มันก็ต้องปรับ ทุกวันนี้ 10 ปียังไม่ใช่ว่าเรารู้จักเขาทั้งหมดหรือเขารู้จักเราทั้งหมด มันยังมีอะไรให้ปรับจูนกันอยู่เหมือนกัน”

บอกช่วงโควิดได้เจอกันบ่อย เลยมีรูปหวานให้ดูเยอะ
“มันก็เป็นรูป (หัวเราะ) รูปสวยๆ หวานๆ ให้ทุกคนได้ดู แต่ชีวิตจริงมันก็ไม่ได้หวานอย่างนั้นทุกวันหรอก แค่รูปที่มันก็หวาน (หัวเราะ) ก่อนหน้านี้มันมีเวลามากกว่าตอนนี้ค่ะ คือช่วงโควิดด้วยก็เลยทำให้เราได้เจอกันมากขึ้น พี่ผาทำธุรกิจที่เขาใหญ่ เราก็มีโอกาสได้ไปเขาใหญ่มากกว่า 9 ปีที่ผ่านมาคือไปนับครั้งได้เลย พอมีโควิดก็ไปอยู่กับธรรมชาติมากขึ้นมันก็เลยได้มีรูปสวยๆ ให้ได้ดูค่ะ ทุกวันนี้กลับมาทำงานยุ่งเหมือนเดิม เจอกันน้อยลงเหมือนเดิม แต่ช่วงก่อนหน้าเจอบ่อย

เคล็ดลับประคองความรัก ก็ด้วยความเข้าใจค่ะ คุยกันมีอะไรที่ไม่ชอบตรงไหนก็ค่อยๆ ปรับจูน มันคบกันมาตั้งแต่เด็ก ผ่านการงอแงพ่อแง่แม่งอนก็เยอะ มันก็เหมือนค่อยๆ โตไปพร้อมๆ กัน เรียนรู้กันไป เข้าใจกัน ถามว่าประทับใจอะไรในตัวเขาบ้าง ก็คือเขาเป็นคนที่รักเรา รักครอบครัวเรา เขาเป็นคนอยู่ง่าย รักสัตว์ รักเด็ก เขาเป็นคนที่ไลฟ์สไตล์เหมือนกับเรา ประทับใจที่เขาก็ยังเหมือนเดิม เขาก็ยังดูแลทุกอย่าง เทกแคร์เหมือนเดิม ความสม่ำเสมอ”

เผยขำๆ คนยกให้เป็นเจ้าหญิงวงการเพื่อนเจ้าสาว
"พอได้ไปงานแต่งเพื่อนๆ ก็มีมองเหมือนกัน ก็มาคุยกับตัวเองความรักมันยังอีกเยอะเนาะสำหรับเรา (หัวเราะ) มันไม่ใช่เรื่องแค่นี้ แต่ละคนพอแต่งงานไปแล้วมันก็ยังไม่ได้จบแค่นั้น ก็ต้องมีเรื่องราวชีวิตมากกว่านั้น พอเห็นเราก็มาเปรียบเทียบกับตัวเอง เรายังไม่ได้ถึงวัยที่พร้อมจะมีครอบครัว ถามว่าเมื่อไหร่จะพร้อม ก็ตอบไม่ได้ หลังๆ มิ้นต์เริ่มไปงานแต่งคนเดียวแล้วค่ะ (หัวเราะ) เพื่อนๆ เราแต่งงาน เพื่อนๆ เขาก็แต่งงาน เขากับเราก็ไปงานแต่งเยอะ หลังๆ ก็ไม่ได้ไปด้วยกัน เราก็ไม่ได้ไปแล้วอินมีอะไรมาคุยกัน ส่วนใหญ่ก็จะอยู่กับเพื่อนของตัวเอง ก็เลยไม่ได้มีจังหวะที่จะคุยกันเรื่องนี้

คนแซวว่าเป็นเจ้าหญิงวงการเพื่อนเจ้าสาว ตลกดีค่ะ (หัวเราะ) เห็นก็ขำดี คือมิ้นต์ก็ไม่เคยนับเหมือนกัน มิ้นต์รู้สึกดีใจที่เพื่อนๆ แฮปปี้แล้วเขาให้เกียรติเราเป็นเพื่อนเจ้าสาว เราก็รู้สึกแฮปปี้กับโมเมนต์นั้น แต่พอมาเห็นรูปตัดแปะที่เขาทำกัน มิ้นต์ก็เป็นมาหลายงานแล้วเหมือนกันเนอะ (หัวเราะ) อาทิตย์ที่ผ่านมามิ้นต์เป็นเพื่อนเจ้าสาว 3 งาน ก็ต้องขอบคุณเพื่อนๆ มากกว่าที่นึกถึง เราได้อยู่โมเมนต์ของเขาแล้วเขานึกถึงเราก็ดีใจค่ะ

ถามว่าพี่ผาแซวไหม มิ้นต์ว่าเขายังไม่รู้เรื่องเลยมั้งว่ามิ้นต์เป็นเพื่อนเจ้าสาวกี่งาน (หัวเราะ) เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยอ่านข่าว ไม่ค่อยดูไอจี ลงรูปก็น้อย คือไม่ค่อยเสพข่าว เขาก็แค่ถามว่าวันนี้ไปไหนแค่นั้น แต่ก็ไม่ได้ถามว่าต้องทำอะไรยังไงบ้าง อยู่ที่ว่ามิ้นต์จะเล่าเอง แต่มิ้นต์ก็จะไม่เล่าว่ามิ้นต์วิ่งหนีดอกไม้ (หัวเราะ) ไม่ไปรับ คือกลัว พอได้มาก็จะโดนถามว่าจะแต่งยัง แค่ทุกวันนี้ 10 ปีก็ถูกถามแล้ว ก็เลยรู้สึกถ้าได้มาต้องแต่งหรือเปล่า แค่รู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อมก็เลยไม่อยากได้ ไปดูรูปสิ ยืนมุมขวาสุดซ้ายสุดตลอดเลย ไม่กล้ายืนกลางเลย"

บอก 1-2 ปีนี้ไม่ได้เห็นงานแต่งตนแน่ๆ
“ก็เคยคิด แต่มันยังไกลตัวเรา คือ 10 ปีมันอาจจะดูนาน มิ้นต์ยังเรียนปริญญาโทด้วย ยังสนุกกับการทำงานก็เลยไม่ได้คิดถึงตรงนั้น คือไม่ได้กลัวเรื่องแต่งงาน ถ้าถึงเวลาจะรู้สึกใช่มันก็จะใช่ไปเอง แต่ไม่ได้กลัวว่าฉันต้องแต่งนะ มันยังมีอะไรให้เรียนรู้กันและกัน เราก็ยังอยากที่จะทำงานตรงนี้ เพื่อนๆ มิ้นต์ก็บอกว่า มันไม่มีคำว่าเพอร์เฟกต์หรือคำว่าพร้อมหรอก ด้วยความรู้สึกยังไม่ใช่ตอนนี้ มิ้นต์ไม่รู้หรอกว่าความพร้อมมันจะไปเพอร์เฟกต์ยังไง พร้อมยังไง แต่ว่า ณ เวลาตอนนี้มิ้นต์ยังอยากทำงาน คือมิ้นต์คิดว่าการที่มิ้นต์จะแต่งงาน มิ้นต์ต้องอยากมีน้องแล้ว แต่ตอนนี้มิ้นต์ยังไม่ได้อยากมี ยังอยากอยู่กับที่บ้านอยาก อยู่กับครอบครัว ดูแลคุณพ่อคุณแม่ ทำงานในวงการ เรียนโทอยู่ด้วย มันยังไม่ใช่เวลาตอนนี้แน่นอน

ไม่ได้คิดเรื่องอายุเลย คือมิ้นต์แค่รู้สึกถึงความรู้สึกของตัวเองว่าเรายังอยากทำอะไรหลายๆ อย่างที่เรายังไม่ได้ทำ เราก็เลยอยากใช้ชีวิตอย่างนี้ก่อน เพราะว่าการมีครอบครัวของมิ้นต์เป็นเรื่องใหญ่นะที่ต้องแต่งงานแล้วออกไปอยู่บ้านอื่น ก็เลยยังไม่พร้อม ติดบ้านติดพ่อแม่ และดูทรงแล้วไม่น่าจะได้แต่งเข้า (หัวเราะ) เอาจริงๆ เขายังไม่มาขอเลย ไม่ได้จะแอบบอกหรืออะไรนะ แค่บอกว่ามันน่าจะอีกนาน มันไม่น่าใช่ 1-2 ปีนี้หรอก

พี่ผาเขาชิลๆ เลยค่ะ เขาเป็นคนเรียบง่ายมากๆ ไม่ได้มองถึงอนาคตไกลๆ เขาเป็นคนที่แฮปปี้กับปัจจุบัน ก็เลยไม่ได้คุยกันว่าเราจะยังไง ไม่เคยคุยค่ะ เรามองที่ปัจจุบันเป็นหลัก ถ้ามีวันหนึ่งที่มันใช่มันก็ใช่ ก็ไม่ได้กลัวเรื่องแต่ง แต่ตอนนี้ความรู้สึกมันยังไม่มา ยังอยากทำงาน”

บอกไม่กังวลที่ “เอ๋ มณีรัตน์ คำอ้วน” ติดโควิด เพราะไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวงานเดียวกัน
“มิ้นต์เพิ่งมารู้ประมาณ 2 วัน มิ้นต์ก็ได้ตรวจ ATK ตลอด แล้วบวกกับว่ามิ้นต์เพิ่งติดมาด้วยจากการที่ปรึกษาแพทย์ ความเสี่ยงมันยังไม่ค่อยเยอะมาก คือเจอกันในการยืนเป็นเพื่อนเจ้าสาว แต่มิ้นต์ไม่ได้คุยกับเขาเยอะ ไม่ได้ประชันหน้ากันบ่อย ก็ได้ตรวจแล้ววันนี้ไม่ติดค่ะ เพราะก่อนหน้านี้มิ้นต์เจอพี่บอม (ธนิน มนูญศิลป์) ตอนพี่บอมติด มิ้นต์กักตัวไปอีก 7 วัน ตอนนั้นมิ้นต์ไม่ได้ใส่มาสก์ด้วย มิ้นต์ก็ยังไม่ติด เพราะมิ้นต์เพิ่งเป็นเพิ่งหาย

ถามว่ากังวลลองโควิดไหม ตอนแรกก็เห็นข่าวอยู่ แต่โชคดีที่อาการตอนเป็นค่อนข้างน้อยมาก ตั้งแต่อยู่ในรพ. ก็ออกกำลังกายตลอด แล้วเช็กปอด เพราะมิ้นต์เคยปอดฉีก มิ้นต์ก็เลยต้องรักษาที่รพ. โชคดีที่พอน้องชายมิ้นต์เป็นไปตรวจแล้วมิ้นต์เป็นก็รีบรักษาเลย มิ้นต์ก็เลยคิดว่าเราพยายามดูแลสุขภาพให้แข็งแรง กินวิตามิน นอนพักผ่อน พอออกมาก็ยังไม่มีลองโควิดค่ะ”

บอกเคยปอดฉีกเพราะความสูงที่เพิ่มขึ้น
มิ้นต์เคยปอดฉีกมาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เพราะว่าตัวมิ้นต์สูงขึ้น แล้วปอดยืดไม่ทัน ก็เลยเกิดการฉีกประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ด้านซ้าย ที่ผ่านมาไม่มีผลต่อโควิดค่ะ คิดว่าร่างกายจะฮีลตัวเองประมาณนึงแล้ว แต่คุณหมอค่อนข้างกังวล คือโควิดมันเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ก็เลยต้องเอ็กซเรย์ปอดว่าลงหรือยัง แต่ว่าตอนที่มิ้นต์เป็น โอมิครอนกำลังมา ก็เลยอาจจะยังไม่ได้ลงปอด ไม่ได้มีไข้

ก่อนหน้านี้มิ้นต์พยายามระมัดระวังล้างมือใส่มาสก์ แต่ดันไปติดที่บ้านด้วยเหตุสุดวิสัยแหละ ติดคนเดียวด้วยนะตอนที่ไมโลน้องคนเล็กติด มิ้นต์ก็เป็นคนเดียวที่ได้รับเชื้อ เพราะว่ามิ้นต์กอดน้องบ่อย ระมัดระวังตัวเวลาออกไปข้างนอก แต่อยู่ในบ้านเราก็ไม่ได้คิดว่าจะติด”

















กำลังโหลดความคิดเห็น