“เชียร์ ทิฆัมพร” นั่งแท่นเป็นผู้จัด “กระสือลำซิ่ง” ควบสองหน้าที่แสดงเองด้วย ปัดดันน้องชายเข้าวงการ แค่มีบทที่เหมาะสม เผยเคยติดต่อ “แตงโม” มาเล่น แต่โดนปฏิเสธเลยไม่กล้าตื๊อ แอบเสียดายอยากร่วมงาน เบญจา คีตา ความรัก เทปพิเศษกระแสดี เซอร์ไพรส์ได้รู้ “ซี ศิวัฒน์” เคยแอบชอบ แฮปปี้รัก “บิ๊ก” ไม่กดดันเรื่องแต่ง ขอใช้ชีวิตให้ชัวร์ก่อน
ก้าวขึ้นมาอีกขั้นของชีวิตแล้ว สำหรับนางเอกสาว “เชียร์ ทิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์” ที่ล่าสุดได้ตัดสินใจเบนเข็มจากนักแสดง ขึ้นมาเป็นผู้จัดละคร โดยประเดิมเรื่องแรกกับทางช่อง 8 ในละครกระสือลำซิ่ง ซึ่งวันนี้ (21 มี.ค.) ก็ได้มีการทำพิธีบวงสรวงไปเรียบร้อยแล้ว
“เป็นความตั้งใจหนึ่งสำหรับการทำงานอยู่แล้วค่ะ คือทุกการทำงานเชียร์เชื่อว่าทุกคนก็อยากพัฒนาตัวเอง และการทำงานเบื้องหลังก็เป็นสเต็ปที่เชียร์สนใจ ทีนี้พอเชียร์มีโอกาสประจวบเหมาะ บวกกับบังเอิญได้มาทำละครให้กับช่อง 8 เชียร์ก็เลยโอเค ขอลุยกับบทบาทการเป็นผู้จัดละครดู ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างสรรค์งานใหม่ๆ ในแบบที่เป็นสไตล์เชียร์”
ท้าทายตัวเองกับการผู้จัดละครครั้งแรก
“เรียกว่าเป็นการท้าทายตัวเองละกันค่ะ คือพอเราอยากจะใส่อะไรที่มันแตกต่าง มันก็เลยกลายเป็นว่า สิ่งนั้นก็อยากทำ สิ่งนี้ก็อยากทำ ผีก็มา พีเรียดก็มี คอนเสิร์ตก็มี ซีจีอีก นักแสดงก็เยอะ มันก็เลยเป็นความท้าทายของเราในการที่จะทำงานกลมกล่อมให้หลากหลาย ซึ่งเราก็มีหน้าที่ที่จะต้องเรียนรู้ แต่ถามว่ามันมีช่วงตะกุกตะกักบ้างไหม คือเชียร์ค่อนข้างโชคดีที่ได้ทีมงานดี และทุกคนก็พร้อมที่จะซัปพอร์ตช่วยเหลือ รวมถึงนักแสดง นักแสดงทุกคนมีของและทำให้การทำงานของเราราบรื่นไปหมด ขนาดเชียร์ดูเชียร์ยังมีความสุขเลยค่ะ”
ควบสองหน้าที่ ทั้งผู้จัดและนักแสดง แต่ก็พยายามดูแลทุกคนให้ดี
“ต้องบอกแบบนี้ค่ะ คือเชียร์พยายามดูแลทุกคนให้ดีที่สุด แต่พอหน้างานเชียร์ต้องเล่นเอง เชียร์ควบ 2 หน้าที่ เชียร์ก็เลยอาจจะต้องอาศัยพึ่งพาทีมงานในการช่วยเหลือ และอย่างที่บอกนักแสดงทุกคนในกองน่ารักมาก ทุกคนทำงานด้วยใจจริงๆ ทุกอย่างที่ทำมันมีแต่ความสนุก จนทำให้เชียร์รู้สึกว่าเป็นความโชคดีที่ถึงแม้การทำงานของละครเรื่องนี้จะเป็นอะไรที่ยากมาก แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ก็อยากให้ทุกคนรอชมนะคะ”
รับกังวลเรื่องซีจี แต่ได้ทีมที่ดี ช่วยเหลือกันเต็มที่
“กังวลนะคะ กังวลมาก แต่อย่างที่บอกเชียร์ค่อนข้างได้ทีมที่ดีจริงๆ และทุกคนก็ให้ความช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ ซึ่งมันก็เป็นประสบการณ์ของเชียร์นะคะในการเรียนรู้ เพราะปกติเวลาเชียร์ทำงานหน้าฉาก แสดงหน้าฉากเสร็จก็คือเสร็จ แต่พอเชียร์ต้องมาลุยเบื้องหลัง เชียร์ก็ได้เรียนรู้จากสิ่งที่ทีมงานสอนเยอะเหมือนกัน”
การเป็นนักแสดงกับการเป็นผู้จัดละคร มันต่างกันมาก
“ต่างมากค่ะ ต่างมาก เพราะว่าภาระหน้าที่ต่างๆ ถ้าเป็นนักแสดงเราก็รับผิดชอบแค่บทของเราคนเดียว แต่พอเราเป็นผู้จัดละคร มันไม่ใช่แค่ตัวเราคนเดียว เพราะมันยังมีตรงนั้นตรงนี้อีกเยอะแยะมากมาย ทำหน้าฉากเสร็จก็ต้องไปทำข้างหลังต่อ แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่สนุกมาก รวมถึงต้องขอบคุณทุกคนมากๆ เช่นกันที่ทำให้ละครเรื่องนี้ออกมาสมบูรณ์ที่สุด”
งบประมาณยังพอมีพอกิน ใช้วิธีบริหารเพิ่มลดบางอย่างด้วย
“(หัวเราะ) จากใจเลยนะ ก็…ยังมีพออยู่พอกิน คือมันก็เหมือนการบริหารงานในอีกรูปแบบหนึ่ง เพียงแต่เราก็ต้องมีวิธีในการเพิ่มการลดบางอย่างด้วย (เรื่องหน้ามีในใจแล้วหรือยัง) รอติดตามดูละกันนะคะ”
ปัดดันน้องชายเข้าวงการ แค่มีบทที่เหมาะสม จะประสบความสำเร็จไหม ก็ต้องโชว์ฝีมือด้วยตัวเอง
“แต่ในเรื่องน้องไม่มีบทเลยนะ (หัวเราะ) คือต้องบอกแบบนี้ค่ะ จริงๆ ชู๊ตเขาเคยมีผลงานมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ว่าเป็นผลงานในอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งก็คือซีรีส์วาย แต่สำหรับเรื่องนี้มันมาประจวบเหมาะตรงที่มีคาแรกเตอร์หนึ่งที่เชียร์มองว่ามันเหมาะกับเขา เชียร์ก็เลยนำไปเสนอช่อง ซึ่งทางช่องก็โอเค แต่หลังจากนี้มันก็คือหน้าที่ของเขาแล้วค่ะว่าเขาจะสามารถดึงเสน่ห์หรือว่าเอาฝีมือออกมาให้อยู่รอดต่อไปได้หรือเปล่า เพราะมันก็คงไม่ใช่แค่เชียร์เอาเขามาเล่นและเขาจะมีชื่อเสียงได้เลย มันต้องใช้ทุกอย่างประกอบเข้าด้วยกัน”
เผยละครเรื่องนี้ มีติดต่อ “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” ไปด้วย แต่อีกฝ่ายเซย์โน เลยไม่ได้กล้าตื๊อมาก
“คือต้องบอกอย่างนี้นะคะ จริงๆ แล้วคาแรกเตอร์หลายๆ ตัวในเรื่องนี้ แม้กระทั่งตัวเชียร์เองนะ เริ่มแรกก็ไม่ใช่เชียร์ แต่ว่าทุกอย่างจังหวะประจวบเหมาะ มันก็เลยกลายเป็นว่าต้องมาเป็นเชียร์ ส่วนในคาแรกเตอร์หนึ่งที่เชียร์นึกถึงพี่โม เชียร์อาจจะไม่ได้เอ่ยนะคะว่าเป็นคาแรกเตอร์ไหนในเรื่องนี้ แต่ว่ามันเป็นความคิดถึง คือจู่ๆ พอเราจะทำงานขึ้นมาสักชิ้นหนึ่ง เชียร์นึกถึงเขา เพราะมันคือความคิดถึงจริงๆ และก็ได้มีการติดต่อพี่เขาไป แต่ในความที่ตอนนั้นอาจจะด้วยความไม่สะดวกหรืออะไรหลายๆ อย่าง เชียร์ก็เลยไม่กล้าตื๊ออะไรมาก ก็เป็นอะไรที่เสียดายเหมือนกันค่ะ”
ใจเชียร์ เชียร์คิดถึงเขาอยู่แล้ว เชียร์อยากให้เป็นเขาอยู่แล้ว แต่พอเขาเซย์โนมาตอนแรก เราเองก็ไม่แน่ใจว่าอาจจะเพราะคิวด้วยหรือเปล่า หรือว่าเอ๊ะ อยากเล่นไม่อยากเล่นมันก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เราแค่เกรงใจ คือถ้าสมมติใจลึกๆ เขาอาจจะไม่ได้อยากเล่นบทนี้ เราก็ไม่อยากจะไปตื๊อเขา คือการทำงานมันต้องมีหลายบริบท มันมีหลายปัจจัยที่ต้องคิดและตัดสินใจ เพียงแต่เราแค่อยากให้เขารู้ว่าเรานึกถึงเขาก็พอ ติดต่อไปให้รู้ว่าอยากร่วมงานด้วยนะ”
ในฐานะผู้จัดละครก็คิดถึง อยากให้มาร่วมงานกัน แปลกใจตัวเองเหมือนกัน ที่ตอนนั้นนึกถึงพี่
“ใช่ค่ะ เราก็คิดถึงแหละ มันเหมือนคนที่ไม่ได้เจอกันนาน แต่พอเชียร์มาย้อนนึกก็ตกใจตัวเองเหมือนกันนะคะ ที่จู่ๆ ก็คิดถึงเขา และสำหรับหลายๆ คนที่อยู่ในเรื่องนี้ จริงๆ ก็ผ่านการคิดถึงมาเหมือนกันหมด บางคนก็เป็นเพื่อน บางคนก็เคยร่วมงานกัน คือเชียร์จะพยายามนึกถึงคนที่เชียร์เคยเห็นศักยภาพของเขาว่าเขาทำอะไรได้บ้าง ซึ่งจริงๆ แล้วพี่โมก็เป็นคนหนึ่งที่เชียร์คิดถึงจริงๆ
อันนี้พูดตรงๆ นะ เชียร์เองก็แปลกใจเหมือนกัน เพราะว่าเดิมที ณ ตอนนั้นเชียร์แค่รู้สึกว่าเราไม่ได้ร่วมงานกันนานมากแล้ว เชียร์เลยอยากหาโมเมนต์อะไรสักอย่างให้เราได้อยู่ด้วยกันเยอะๆ คือพอเราเติบโตขึ้น เส้นทางชีวิตมันก็พาเราไปทำอะไรในส่วนต่างๆ ของตัวเองโดยที่เราไม่ได้เจอกัน ณ ตอนนั้นเชียร์นึกแค่นี้จริงๆ ว่าอยากทำอะไรที่มีเวลาได้อยู่ด้วยกันเหมือนแต่ก่อน เพราะจุดเริ่มต้นของเราคือเราเติบโตและชีวิตอยู่ในกองละครมาพร้อมๆ กัน ดังนั้นพอนึกย้อนกลับไป เชียร์เองก็ประหลาดใจเหมือนกันที่ตอนนั้นนึกถึงพี่เขา”
เทปรวมนักแสดง เบญจา คีตา ความรัก ออกอากาศแล้ว กระแสดีมาก เหมือนได้เปิดกล่องความทรงจำ
“โห…ตายแล้ว ดิฉันร้องเหมือนลูกสุนัขเลยค่ะ คือมันเป็นความสุขนะ เป็นความอิ่มเอมจิตใจที่เราได้กลับมาอยู่ด้วยกันกับพี่ทุกคน นี่แหละค่ะมันความคิดถึง มันคือสิ่งนี้แหละพอเราไม่ได้เจอกันนาน 19 ปีผ่านไป มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เชียร์ยังพูดกับพี่ๆ เลยนะคะว่า มันไม่ได้เป็นแค่การที่นักแสดงมารวมตัวกัน แต่มันเป็นการที่พี่น้องได้กลับมาเจอกันมากกว่า มันเป็นความอบอุ่นเหมือนกับตอนที่เราได้เจอเพื่อนสมัยประถม คือต่อให้ไม่เจอกันกี่ชาติเราก็ยังคุยกันได้แบบสนิทใจ มันเลยได้เห็นถึงความพรั่งพรูอะไรบางอย่าง ได้เห็นถึงมุมมองที่แต่ละคนมีเรื่องราวในแบบของตัวเอง ได้เปิดกล่องความทรงจำอีกครั้ง”
มีโดนแซว “ซี ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์” เคยแอบชอบ
“ไปดูคลิปเอาเอง (หัวเราะ) มันก็เป็นเรื่องที่พูดกันได้ เชียร์มองว่าทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นในวันนั้น วันนี้มันคือร้อยเปอร์เซ็นต์ ของความเป็นพี่เป็นน้องจริงๆ แต่ ณ ตอนนั้นใครจะรู้สึกต่อกันยังไงมันก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงเนอะ แต่เราก็มองมันเป็นเรื่องน่ารัก เป็นเรื่องน่ารักจริงๆ”
บอกตกใจเหมือนกัน เพราะไม่เคยรู้มาก่อน
“ดิฉันก็ตกใจ ดิฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาเหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะพูดกันถึงขนาดนี้ เขาเล่าละเอียดมาก นั่นแหละ เราก็ตกใจจริงๆ แต่อย่างที่บอก ณ วันนี้เราเหมือนเป็นพี่เป็นน้อง มันกลายเป็นเรื่องแซวกันที่พูดถึงยังไงก็ได้ เราฟังก็ยิ้มๆ แต่ดิฉันก็จะโดนกับประโยคนี้เสมอว่า ผู้หญิงในเรื่องสวยๆ มีตั้งเยอะ (หัวเราะ) ทำไม ทำไม ผมสั้น ตาดำๆ”
ความรักตอนนี้สดชื่นดี รู้สึกแฮปปี้ที่มีเขาอยู่
“สดชื่นค่ะ สดชื่น ก็เป็นสิ่งดีๆ ที่เราก็รู้สึกว่าดีใจจังที่ยังมีเขาอยู่ ก็ดีค่ะ ก็ดีค่ะ (เขิน) เชียร์มองว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องง่ายเนอะที่คนสองคนจะเจอกันและพอดีกัน แต่ก็คงต้องดูกันไปนานๆ ค่ะ ซึ่ง ณ วันนี้เชียร์มีความสุขและก็แฮปปี้ดี ส่วนในอนาคตเราก็คงต้องปรับตัวกันไปเรื่อยๆ และก็อยากรักษาไว้ให้นานที่สุด”
นิสัยไม่น่าเข้ากันได้ แต่อีกฝ่ายน่ารัก และพร้อมปรับตัวไปด้วยกัน
“ไม่ต้องใครมองหรอกค่ะ เพราะขนาดดิฉันยังมองเลยค่ะ ว่าไม่น่าจะเข้ากันได้ (หัวเราะ) ก็ต้องบอกว่าเป็นความน่ารักค่ะ คือตัวนิสัยเราอาจจะไม่ได้เข้ากันทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ตั้งแต่แรก แต่พอคุณบิ๊ก (ธนพนธ์ เบญจรงคกุล) เขามีความน่ารักที่พร้อมจะปรับตัว เขาก็ทำให้เชียร์ได้เรียนรู้และก็พร้อมที่จะปรับตัวไปด้วยกันกับเขาค่ะ”
รักกันไปไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมกับชีวิตคู่
“ถามใกล้คำว่าชีวิตคู่แล้วหรือยัง ณ เวลานี้ เอาน่า… ทุกวันนี้ก็ไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาที่เหมาะสมก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”
คุณแม่แล้วแต่ไม่กดดัน แต่มีคนถามทุกวันกับเรื่องนี้
“คุณแม่แล้วแต่เราอยู่แล้วค่ะ แก่แล้ว ปีนี้ 35 แล้ว (หัวเราะ) คือเชียร์ไม่ได้มีความกดดันจากใครมาเป็นตัวกดดันเชียร์อยู่แล้ว ดังนั้นทุกวันนี้เชียร์ก็ยังใช้ชีวิตของเชียร์ไปเรื่อยๆ และก็โฟกัสในสิ่งที่เราทั้งคู่กำลังทำอยู่ ซึ่งถ้าหากมันถึงวันที่พอดีแล้วจริงๆ ก็คงต้องเป็นวันนั้น แต่ถ้าถามว่ามีคนถามเรื่องนี้เยอะไหม เชียร์ก็ต้องยอมรับว่า ทุกวันค่ะ (หัวเราะ)”
ฝ่ายชายเองก็โดนถาม แต่ยังไม่รีบร้อนทั้งคู่ รอจังหวะชีวิตชัวร์ก่อนดีกว่า
“เขาก็ถูกถามเหมือนกันค่ะ แต่อย่างที่เชียร์บอก เราสองคนไม่ได้เร่งไม่ได้รีบร้อนอะไร เรารอให้จังหวะชีวิตของเราชัวร์ก่อนดีกว่า เพราะว่าสุดท้ายแล้วมันก็อยู่ที่เราสองคน”
จับโป๊ะเก่ง คงไม่ถูกเซอร์ไพรส์
“ดิฉันคิดว่าแผนที่เขาวาง ไม่มีทางเล็ดลอดจากการรับรู้ของดิฉันได้ (หัวเราะ) เราจับโป๊ะเก่งอยู่แล้ว หลอกดิฉันไม่ได้”