xs
xsm
sm
md
lg

“นิหน่า” ดีใจ "แบงค์" หายมะเร็งตับแล้ว ปัดข่าวลือโดนซื้อตัวไป PPTV

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“นิหน่า สุฐิตา” ปัดโดนซื้อตัวจากช่อง 7 ไป PPTV รับตัดสินใจนานมาก เพราะผูกพันและเสียดาย ออกมาด้วยความรู้สึกดี ยังเคารพรักเหมือนเดิม อัปเดตสามี “แบงค์ พชร” หายมะเร็งตับร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ประมาทเช็กอัปตลอด เปลี่ยนการใช้ชีวิต อยู่กับปัจจุบัน ให้กำลังใจเสมอ แนะหมั่นตรวจสุขภาพ เจอเร็วรักษาเร็ว

เรียกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ในชีวิต ที่ทำให้ “นิหน่า สุฐิตา ปัญญายงค์” ต้องใช้เวลาตัดสินใจอย่างมากเลยทีเดียว สำหรับการย้ายที่ทำงาน จากช่อง 7 HD ที่อยู่มานานกว่า 16 ปี ไปพีพีทีวี เอชดี ช่อง 36 แทน ซึ่งงานนี้ก็มีข่าวลือออกมาด้วย ว่าเป็นการโดนซื้อตัวหรือเปล่า ล่าสุดได้เจอสาวนิหน่า ในงาน “Walk On with GAMBOL” เจ้าตัวก็เลยขออกมาเคลียร์ถึงประเด็นดังกล่าว พร้อมอัปเดตเรื่องสุขภาพของคุณสามี “แบงค์ พชร ปัญญายงค์” หลังรักษามะเร็งตับหายแล้ว

“มันก็เหมือนเปลี่ยนที่ทำงานค่ะ บางทีชีวิตมันต้องมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง มองเป็นแบบนั้นมากกว่า สำหรับที่เดิมก็ออกมาด้วยความเข้าใจมากกว่าค่ะ ตอนนั้นก็ได้พูดคุยกับทางผู้ใหญ่ แล้วก็พี่ๆ น้องๆ ทุกท่าน ที่ช่องก็เข้าใจ ก็คุยกันน่ารักเหมือนเดิมค่ะ เวลาเราทำงานมันก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตบ้าง อยู่ที่ช่อง 7 มาก็นานมาก เราก็รู้สึกว่าอาจจะมีความท้าทายใหม่ๆ ก็ได้เข้าไปพูดคุย แล้วก็ออกมาด้วยความรู้สึกดีๆ ค่ะ”

มานั่งแท่นพิธีกรคนใหม่ ในรายการ Sport Corner ทางพีพีทีวี เอชดี ช่อง 36
“ด้วยรูปแบบของที่ใหม่ เขาก็เป็นเรื่องของกีฬา เราก็เคยทำงานกับน้องป๊อป (วีระพล เต็มโชติโกศล) ที่เคยทำงานด้วยกันมาก่อน ก็รู้สึกว่าเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ที่เราอยากจะกลับไปลองทำกับน้องดู เป็นเราตั้งแต่ 12.30 - 13.00 น. พูดแบบน้ำไหลไฟดับมาก”

ตัดสินใจนาน เพราะมีความผูกพันและเสียดาย แต่ก็ยังรักและเคารพทุกคนที่ช่อง 7 เหมือนเดิม
“ถามว่าตัดสินใจนานไหม ก็นานค่ะ อย่างที่เห็นวันที่ตัดสินใจจะเปลี่ยนแปลง เดินร้องไห้เลย (หัวเราะ) ไม่ใช่อะไรนะ เราผูกพัน แต่เราก็คุยกับตัวเองว่า มันเป็นเรื่องปกติ ก่อนหน้านี้เราอยู่แกรมมี่ ก็มีการเปลี่ยนแปลง การเติบโตขึ้นก็เป็นเรื่องปกติของชีวิต แต่ก็รู้สึกผูกพันและเสียดาย ทุกคนที่ช่อง 7 ก็ยังเป็นพี่เป็นน้อง เป็นผู้ใหญ่ที่รักและเคารพเสมอ”

ปัดข่าวลือโดนซื้อตัว บอกไม่รู้จะคิดค่าตัวยังไง
“โอ๊ย (หัวเราะ) ซื้อไม่ได้ค่ะ ไม่รู้จะคิดยังไง อันนี้มันเป็นลักษณะของการทำงาน ที่เราได้ทำในแบบที่มันกว้างขึ้น ในสิ่งที่เราถนัด ก็เป็นในด้านของกีฬา พูดตรงๆ ว่าอาชีพหลักทุกวันนี้ ก็ยังคงเป็นแม่ของเด็กๆ สองคน เราก็ยังวิ่งออกไปรับลูก แล้วก็ถ้ามีรายการมีอีเวนต์อะไรก็จะเป็นลักษณะนั้น แต่ความสำคัญที่สุดของเราก็คือให้เด็กๆ ก่อน เพราะอย่างลูกคนโตเขาก็ 9 ขวบแล้ว ไปส่งก็มีแค่บายนะแม่ ไม่มีกอดแล้ว เป็นหนุ่มแล้ว”

อัปเดตสามี “แบงค์ พชร” รักษามะเร็งตับหายแล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังตามดูอยู่เรื่อยๆ ไม่ประมาท
“ของคุณแบงค์ก็คือตอนนี้ ล่าสุดที่ไปตรวจกับคุณหมอ เขาบอกว่าตัวก้อนเนื้อไม่ดีที่เรารักษาไปแล้ว น่าจะหมดร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว แต่เราก็ยังประมาทไม่ได้นะคะ เราต้องคอยตามดูเรื่อยๆ มันเป็นจุดเปลี่ยนจุดพลิกผันของชีวิตเราสองคน ก็เลยหันมาใส่ใจกันมากขึ้น ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น อย่างทุกวันนี้ก็ต้องคอยตามดูทุก 4-6 เดือน คือตัวก้อนเดิมเนี่ยคุณหมอคิดว่าหายแล้ว เพราะตามดูมาประมาณ 2 ปี มันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว เพียงแต่ว่าในตับมันยังมีจุดๆ ที่มันน่าสงสัยแต่มันไม่โตขึ้น อย่างก่อนหน้านี้เราก็ไปผ่าถุงน้ำดีออก ก็ด้วยความที่ตรวจร่างกายตลอด ก็ไปเจอติ่งนี้มาเป็นหลายปีแล้ว มันไม่ได้เป็นติ่งที่ดูไม่ดี แต่พอไซส์มันใกล้ที่จะอันตรายหรือมีความเสี่ยง เราก็บอกเลยว่าเอาออกค่ะคุณหมอ เราไม่กลัว ลูกเรายังเล็ก”

วิถีการใช้ชีวิตของครอบครัวเปลี่ยนไปเยอะ
“ก็เปลี่ยนเยอะค่ะ อย่างเมื่อก่อนตัวคุณแบงค์เอง เขาก็มีดื่มบ้าง แต่ตอนนี้แทบจะเลิกเลย คิดมากขึ้นในการที่จะกินอะไร ออกกำลังกาย กลับมารักษาหุ่น มาชั่งน้ำหนัก เราให้คุณค่ากับเวลาที่ใช้ร่วมกันมากขึ้น”

อยู่กับปัจจุบัน ให้กำลังใจกันตลอด ถ้าเครียดคนข้างๆ ก็ต้องเครียดไปด้วย
“เชื่อไหมว่าตั้งแต่มีเรื่องนี้ หลายคนที่ส่งข้อความมาถามหรือมาปรึกษา สิ่งที่ทำได้เลยคือเราจะบอกตลอดว่า เราไม่ใช่หมอนะ เราคงแนะนำอะไรไม่ได้มาก แต่สิ่งที่อยากจะแนะนำคือการอยู่กับปัจจุบัน แล้วก็ให้กำลังใจกัน ตอนที่เป็นก็ยอมรับว่า เราเซไปเหมือนกัน แต่มีรุ่นพี่ให้กำลังใจว่า ปัญหาตรงหน้าคือตรงนี้ เพราะฉะนั้นแก้ตรงนี้ก่อน อย่าเพิ่งไปคิดว่าอีก 5 ปี 10 ปีทำยังไง มันจะทำให้เราเครียด คนที่อยู่ข้างๆ เราก็จะเครียด”

ตอนนี้ชีวิตชิลมาก แนะทุกคนตรวจสุขภาพเป็นประจำ
“ตอนนี้ชิลเลย ก็ดีค่ะ เหมือนคนดีดนิ้วแล้วบอกว่า เราต้องเปลี่ยนการใช้ชีวิตได้แล้วนะ แล้วมันก็เปลี่ยนจริงๆ ถือว่ายังโชคดี ก็อยากจะให้หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพ ตรวจสุขภาพกัน บางคนกลัวเจอ แต่ถ้าเจอเร็วก็รักษาเร็วนะ ก็จะบอกทุกคนแบบนี้”

ใส่ใจสุขภาพแบบพอดี อยากกินอะไรกิน
“ไม่ๆ เราเคยบอกเขาว่าห้ามนะ อย่ากินอันนั้น อย่ากินอันนี้ เขาก็บอกว่าเฮ้ย แล้วความสุขคืออะไร มันไม่ใช่ที่เธอต้องไปตึงทุกอย่าง ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่มีความหมาย ตอนหลังเราก็เลยเอาแบบพอดี เขาอยากกินของอร่อยของเขาก็กินได้ แต่ไม่ใช่ว่ามานั่งกินกันทุกวัน”









กำลังโหลดความคิดเห็น