xs
xsm
sm
md
lg

เปิดชีวิต 14 ปี ยูทูปเบอร์ “บี้ เดอะสกา” ค่าใช้จ่ายต่อเดือนหลักล้าน เคยโดนหักหลัง ไม่สนดาราหันทำยูทิวบ์ แข่งกันยิ่งดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“บี้ เดอะสกา” 14 ปีในฐานะยูทูปเบอร์ ไม่หวั่นดาราผันตัวมาเป็นยูทูปเบอร์แข่งกัน มองเป็นเรื่องดี ทำตลาดนี้คึกคัก เทียบต่างประเทศการแข่งขันยังน้อย ยอมรับอินฟลูฯ และแพลตฟอร์มอื่น ดึงเวลาคนดูไปบ้าง แต่รายได้ยังไม่กระทบ เผยต่อเดือนต้องจ่ายหลักล้าน ไม่มีปัญหาเรื่องค่าตอบแทน เพราะเป็นรูปแบบบริษัท ปัดเป็นเสือนอนกิน ยังทำงานอยู่ตลอด แนะครีเอเตอร์รุ่นใหม่ อย่าใส่ใจคอมเมนต์เกรียน ให้กำลังใจ “คิวเท” ขอให้ผ่านไปด้วยดี เล่าอดีตก่อนหน้านี้ เคยโดนหักหลังเหมือนกัน

เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งอาชีพ ที่รับความสนใจเป็นอย่างมาก สำหรับการเป็นยูทูปเบอร์ หรือยูทิวบ์คอนเทนต์ครีเอเตอร์ เพราะมันสามารถสร้างรายได้มหาศาล ในเวลาอันรวดเร็ว ยิ่งเป็นคนที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ยิ่งประสบความสำเร็จเร็วขึ้นไปอีก เพราะมีฐานคนดูอยู่แล้ว ทำให้เดี๋ยวนี้ศิลปินดารา แทบจะทุกคนในวงการบันเทิง เริ่มหันมาอัดคลิปทำ Vlog เปิดช่องยูทิวบ์ของตัวเองควบคู่ไปด้วย

ล่าสุดได้มีโอกาสเจอยูทูปเบอร์ชื่อดัง “บี้ เดอะสกา” หรือ กฤษณ์ บุญญะ ในงานแถลงข่าว Man Hot Star Thailand (แมนฮอตสตาร์ไทยแลนด์) ประจำปี 2565 เลยขอสัมภาษณ์ถึงความรู้สึก ในฐานะที่เป็นยูทูปเบอร์ระดับท็อป 5 คนหนึ่งของประเทศ ว่าได้รับผลกระทบอะไรบ้างไหม จากการที่มีคนสนใจมาเปิดช่องทำคอนเทนต์มากขึ้น ซึ่งเจ้าตัวก็เผยว่าเป็นเรื่องที่ดี ทำให้วงการนี้มันคึกคักมากขึ้น ไม่ได้มองว่าเป็นคู่แข่งมาแย่งเม็ดเงิน พร้อมกันนี้ยังได้ให้กำลังใจรุ่นน้องคนสนิท อย่าง “คิวเท” หรือ ซิม คิวเท ที่โดนทีมงานหักถามและขโมยของ ว่าขอให้ผ่านไปได้ด้วยดี

“จริงๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนะ ผมมองว่าการที่มีครีเอเตอร์เข้ามาทำคอนเทนต์ในออนไลน์เยอะ สิ่งที่ดีคือตลาดมันคึกคัก แบรนด์หรือสปอนเซอร์ก็มีทางเลือก ที่จะลงโฆษณาได้เยอะขึ้น รวมไปถึงกลุ่มคนดู ก็มีคอนเทนต์ให้ได้ดูเยอะขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ถามว่าเราต้องพัฒนาขึ้นไหม มันเป็นเรื่องปกติมากๆ เลยครับ ถ้าเราต้องการให้คอนเทนต์เรามีคนดู หรือเป็นที่น่าสนใจ เราต้องพัฒนาคอนเทนต์ของเราอยู่เรื่อยๆ อย่างตัวผมเอง ผมทำคอนเทนต์มาเกือบ 14 ปีแล้ว ถ้าผมยังคงทำเหมือนเดิม คนก็คงต้องหายไป แต่ปัจจุบันก็ยังมีคนดูอยู่เรื่อยๆ แล้วก็เพิ่มมากขึ้น หมายความว่าสิ่งที่เราจะอยู่ได้ในระยะยาว คือเราต้องพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ พัฒนาคอนเทนต์อยู่เรื่อยๆ ครับ”

ยอดวิวยังคงปังต่อเนื่อง แต่การมีอินฟลูฯ เยอะขึ้น และมีแพลตฟอร์มมากขึ้น ก็ทำให้มาดึงเวลากัน
“อันนี้แล้วแต่รูปแบบของคน อย่างตัวผมมันก็ยังคงต่อเนื่องอยู่ได้เรื่อยๆ จำนวนคนที่ทำอินฟลูเอนเซอร์มันเยอะขึ้น ถามว่ามาแย่งคนดูหรือเปล่า จริงๆ มันเป็นโอกาสอีกทางหนึ่ง ที่ทำให้คนดูมีทางเลือกมากขึ้น จริงๆ ไม่ใช่เรื่องอินฟลูเอนเซอร์ แต่แพลตฟอร์มเอง อย่างเน็ตฟลิกซ์หรืออื่นๆ มันก็เป็นตัวที่มาดึงเวลาเหมือนกันครับ”

ส่วนตัวลูกค้าไม่น้อยลง เพราะมีรูปแบบคอนเทนต์ที่ชัดเจน
“ลูกค้าไม่น้อยลงครับ ผมเชื่อว่าหลายๆ ครีเอเตอร์ ที่มีคาแรกเตอร์หรือรูปแบบคอนเทนต์ที่ชัดเจนเนี่ย จะสามารถดึงดูดกลุ่มของลูกค้า หรือแบรนด์สปอนเซอร์เข้ามาซัปพอร์ต ถ้าสมมติเขามี Brand Loyalty สูง ก็สามารถทำให้มีแบรนด์เข้ามาอีก แล้วก็มีกลุ่มคนติดตามเพิ่มมากขึ้น”

ไม่ได้รู้สึกขาเก้าอี้สั่น พอมีคนทำเยอะ กลับมองเป็นเรื่องปกติ เพราะคอนเทนต์มันไม่มีทางตัน ยังแตกแขนงไปได้เรื่อยๆ
“เป็นเรื่องปกติบนโซเชียลครับ ในช่วงหนึ่งคนสนใจที่จะดูคอนเทนต์แบบนี้ สนใจครีเอเตอร์คนนี้ มันก็ต้องรุ่งโรจน์หรือพีกเป็นเรื่องปกติครับ บางช่วงอาจจะไม่สนใจขนาดนั้น แต่อยู่ที่ว่าเราจะมีวิธีการยังไง เพื่อให้คนดูเขายังติดตามหรือดูเราอยู่ตลอด ความสำคัญไม่ใช่การอยู่ที่หนึ่ง คอนเทนต์ไม่มีทางตัน คนอาจจะบอกว่าทำมาขนาดนี้ไม่ตันเหรอ จริงๆ ผมมองว่าเราสามารถบิดคอนเทนต์หรือเทคนิคในการทำได้ ผมยังมีอีกหลากหลายคอนเทนต์ที่ยังไม่ได้ทำ ก็แต่แขนงไปได้ ทั้งเรื่องเพลง เรื่องเกม มันสามารถทำได้หลายอย่างครับ เหมือนกันครับ”

เคยโดนว่าก๊อบคอนเทนต์ แต่มันเป็นเรื่องปกติ เข้าใจที่มีโอกาสซ้ำกัน
“มีครับ เป็นเรื่องปกติ สมมติเรามีไอเดียทำคอนเทนต์หนึ่ง แต่บังเอิญเราทำช้า พอเราทำออกไปมันก็กลายเป็นว่าซ้ำ แล้วบางอย่างที่เราคิดก่อน มันก็ซ้ำกันได้ ครีเอเตอร์บางคนตั้งใจทำคอนเทนต์นี้ แต่เราทำก่อน เขาก็ไม่ได้มาก๊อบเรานะ แต่มันเหมือนกัน คือมันมีโอกาสซ้ำกันได้ครับ”

แนะนำครีเอเตอร์รุ่นใหม่ อย่าสนใจคอมเมนต์เกรียน เข้ามาติชมหรือด่า ต้องแยกให้ออก แล้วเก็บคอมเมนต์บวกมาเป็นกำลังใจ
“อันนี้แนะนำสำหรับคนที่เป็นครีเอเตอร์รุ่นใหม่ คนที่อยู่นานๆ อาจจะจัดการกับมันได้ดีแล้ว รุ่นใหม่อาจจะเจอคอมเมนต์ที่เป็น Negative เชิงลบ แล้วค่อนข้างจะท้อ ทำให้ไม่กล้าจะไปต่อ ก็หมดพลังหมดไฟในการทำไปเลย ผมมองว่าอย่าไปคิดเยอะ ให้อ่านคอมเมนต์ที่ Positive เชิงบวก หรือให้กำลังใจเราด้วย ตัวนั้นจะเผื่อตัวเติม ถ้าเจอคอมเมนต์เชิงลบ ผมมองว่าให้วิเคราะห์ครับ มาดูว่าคอมเมนต์นั้นเป็นเชิงติชมหรือมาด่า ต้องแยกให้ออก ถ้าเป็นเกรียนมาด่าเฉยๆ อย่าไปสนใจ แต่ถ้าอันไหนเชิงติชมเพื่อให้เราพัฒนาต่อ อันนี้ควรให้ความสำคัญครับ จะทำให้เราโตขึ้น พัฒนาคอนเทนท์มากขึ้น ส่วนคอมเมนต์ดีก็อย่าทิ้งครับ ชื่นชมกับมัน แฮปปี้กับมัน จะทำให้เรามีพลังบวก มีไฟในการทำต่อครับ”

จากจุดเริ่มต้นถึงตอนนี้ มีรายได้เยอะขึ้นมาก เพราะแบรนด์สินค้าเริ่มมาโฆษณาทางออนไลน์
ปัจจุบันยิ่งเยอะขึ้นมากกว่าเดิมครับ เพราะเมื่อก่อนต้องเข้าใจว่าแพลตฟอร์มออนไลน์ แบรนด์หรือสินค้าต่างๆ ยังไม่ค่อยให้ความสำคัญหรือความสนใจในการทำโฆษณาบนออนไลน์ แต่ปัจจุบันมันเป็นเรื่องปกติมาก ถ้าแบรนด์ไหนไม่ทำโฆษณาออนไลน์ หมายความว่าคุณยังไม่กระจาย หรือทำให้คนรู้จักคุณมากขึ้นในทางออนไลน์ ผมมองว่าตลาดนี้ยิ่งคึกคัก ยิ่งทำให้มีเม็ดเงินมากขึ้น”

ก็ไม่กลัวคนทำเยอะ จะกลายเป็นแย่งเม็ดเงิน เพราะเทียบกับต่างประเทศ การแข่งขันยังน้อยมาก
“ผมมองว่าในประเทศไทยการแข่งขันยังถือว่าน้อย ถ้าเทียบกับอเมริกาหรือประเทศอื่นๆ ในโลก ผมถือว่าน้อยด้วยซ้ำ”

รายได้ขึ้นอยู่กับผลงาน ว่ายอดวิวเยอะ หรือแบรนด์สปอนเซอร์เยอะ ส่วนตัวต่อเดือนมีค่าใช้จ่ายหลักล้าน ก็ต้องหาให้ได้มากกว่านั้น
“จริงๆ ขึ้นอยู่กับครีเอเตอร์ ว่าเขามีผลงานเป็นอย่างไร สปอนเซอร์เป็นอย่างไร บางคนอาจจะมียอดวิวเยอะ ก็ได้รายได้จากยอดวิว บางคนอาจจะมีแบรนด์สปอนเซอร์เยอะ อย่างตัวผมเองก็มีค่าใช้จ่าย เพราะผมเป็นทีมใหญ่ มีมากกว่า 20 คน ค่าใช้จ่ายต่อเดือนก็มากกว่าหลักล้านอยู่แล้ว รายได้ผมก็จำเป็นต้องมากกว่านั้นครับ เพื่อให้ซัปพอร์ตกับสิ่งที่ทำได้”

ไม่เรียกว่าเป็นเสือนอนกิน เพราะยังทำงานอยู่ตลอด ดีใจที่ได้เห็นพนักงานเติบโตไปพร้อมกัน
“ไม่ครับ โน ผมไม่ใช่เสือนอนกิน ผมยังคงทำงานหนัก ยังพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ เสือนอนกินในความหมายของผม คือปล่อยให้เงินทำงานแล้ว แต่ตัวผมเองผมยังทำงานอยู่ครับ ผมยังบริหารทีม และยังหาธุรกิจใหม่อยู่เรื่อยๆ เพื่อทำรายได้ ทำให้พนักงานผม นอกจากเขาจะมีเงินเพื่อเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัว เลี้ยงพ่อแม่แล้ว ผมดีใจทุกครั้งที่ได้เห็น พนักงานที่อยู่กับเรามาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน เขามีบ้าน มีรถ มีทุกอย่างให้กับครอบครัว ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดีมาก สำหรับคนรุ่นใหม่ที่สนใจในการทำคอนเทนต์บนออนไลน์ครับ”

การทำคอนเทนต์แต่ละอันต้นทุนจะมากน้อยก็ต่างกันที่รูปแบบการนำเสนอ
“แล้วแต่นะครับ บางคอนเทนต์ บางคนเนี่ย อาจจะทำให้รูปแบบเป็นหนังสั้น มันอาจจะต้องใช้ทุนทรัพย์ที่เยอะขึ้น รวมไปถึงทีมโปรดักชั่น เขาอาจจะใช้ซัปนอกมาก มันอาจจะขึ้นไปถึงหลักแสนได้ แต่บางอย่างอาจจะมองว่ามันง่าย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคนที่ทำง่าย อย่างใช้กล้องตัวเดียว คนอาจจะมองว่าต้นทุนนิดเดียว แต่จริงๆ กว่าที่เขาจะทำแล้วมันประสบความสำเร็จได้ เขามีการเล่าเรื่องผ่านคอนเทนต์ เขาใช้เทคนิคตรงนั้น มันทำให้เขามีคนดูเยอะ แล้วก็รวมไปถึงการตัดต่อด้วย อาจจะมองว่าต้นทุนน้อย ก็อาจจะไม่ใช่ซะทีเดียวครับ มันหลากหลายรูปแบบไม่เหมือนกัน”

ให้เงินเดือนพนักงานตามเรตปกติ ขึ้นอยู่กับหน้าที่ของแต่ละคน แต่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว
“แล้วแต่ครับ ผมมองว่าก็เหมือนพี่ๆ สื่อครับ เราอยู่สายงานโปรดักชั่น เราก็จะรู้ว่าทีมตากล้อง ทีมตัดต่อ แม้กระทั่งนักแสดงที่จ้างเข้ามาร่วม หรือคนถ่ายทำ รวมไปถึงครีเอทีฟ เรทราคาก็ตามตลาดเหมือนกันหมดครับ แค่เราเปลี่ยนมาเป็นงานบนออนไลน์เท่านั้นเอง ถามว่าพนักงานเราเงินเดือนสูงไหม มันก็แล้วแต่หน้าที่งาน หน้าที่งานผมมีหลากหลายหน้าที่ถ้าอยู่ในพาร์ตของการที่เป็นผู้บริหาร หรือหัวหน้าทีม เขาจำเป็นต้องมีเงินเดือนสูงให้สมเหตุสมผลอยู่แล้วครับ แต่พนักงานธรรมดาก็อยู่ในเรตปกติ ไม่ได้สูงเกินโอเวอร์ครับ

ในทีมไม่มีปัญหาเรื่องเงินเดือน เพราะแต่ละคนรู้หน้าที่ของตัวเอง ถ้าอยากได้เพิ่มก็ต้องย้ายสเต็ปขึ้นไป
“ทำไมไม่ได้เท่าหัวหน้า ที่กำลังเป็นประเด็นพูดกันบนออนไลน์ใช่ไหม จริงๆ เราคุยกัน แต่ละคนเขารู้อยู่แล้ว ว่าหน้าที่ของเขาคือหน้าที่อะไร แล้วเขาก็รู้ว่าเขาอยู่ในเรตไหน ศักยภาพที่เขาทำได้ ถ้าเขาอยากได้ในเรตที่มากขึ้น นั้นหมายความว่าเขาต้องย้ายสเต็ป ย้ายลำดับงานขึ้นมา เช่นเดียวกับงานในองค์กรทั่วๆ ไปครับ

ส่วนเรื่องนินทาเจ้านายนั้นเรื่องปกติครับ มันมีอยู่แล้ว ปฏิเสธไม่ได้หรอกครับเรื่องการนินทา ซึ่งพูดตรงๆ ในตอนที่ผมทำงานประจำ ผมก็มีสภาวะนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เลเวลในการจัดการ หรือความสัมพันธ์มันเป็นยังไงมากกว่า ผมไม่ได้พาดพิงถึงใคร แต่ผมมองว่ามันเป็นเรื่องปกติในองค์กร ที่มันมีการพูดถึงในเรื่องที่ดีหรือไม่ดี หรือความสมเหตุสมผลในการปฏิบัติ”

บริหารจัดการทีมงานแบบองค์กร ตามรูปแบบของบริษัท มีการคัดและดูพฤติกรรมก่อน ถ้ามายด์เซ็ตไม่ได้ ก็ทำงานด้วยกันไม่รอด
“ตามรูปแบบขององค์การปกติเลยครับ เรารับสมัครแล้วคัดมา แล้วก็ดูตามพฤติกรรม ก่อนที่จะเข้ามาทำงานด้วยกันได้ ก็จำเป็นต้องคัดอยู่แล้ว ว่าแต่ละคนมีความสามารถ มีมายด์เซ็ตเป็นยังไง ถ้ามายด์เซ็ตไม่ได้ ทำงานไปก็ไม่รอดครับ (ของเราเป็นรูปแบบบริษัทชัดเจนไหม?) ใช่ครับ ถ้าไม่เป็นรูปแบบบริษัทชัดเจน ก็อยู่ที่การคัดเลือกคนครับ ถ้าคัดได้คนที่ดี มีมายด์เซ็ตที่ดี มันก็ไม่มีปัญหา ถามว่าทีมเรามีปัญหาอะไรบ้างไหม ปัญหาเรามีครับ แต่เราก็แก้ด้วยสิ่งที่มันเกิด มันเกิดปัญหาอะไร เราก็แก้ตรงนั้น ค่อยๆ แก้ ค่อยๆ ปรับไป”

ส่วนตัวเริ่มต้นมาจากตัวคนเดียว ตอนแรกๆ ก็โดนโกงโดนหักหลังเหมือนกัน
“ผมสตาร์ทจากตัวผม แล้วก็รับสมัครคนเข้ามาครับ ช่วงเริ่มต้นพูดตรงๆ ผมไม่อยากจะย้อนไปถึงมันนะ แต่ผมก็โดนหักหลัง รับเงินไปเพื่อจะไปจ่ายลูกค้า แต่เขาเอาเงินไปแทน ก็เกิดการตัดออกเหมือนกันครับ ตามหลักการของการทำงานบนองค์กร ไม่ควรมีการฉ้อโกงอย่างนี้ ผิดกฎก็จำเป็นต้องออกครับ”

ให้กำลังใจ “คิวเท” บอกตอนเกิดเรื่องน้องมีโทร.มาปรึกษา ขอให้ผ่านได้ด้วยดี
“จริงๆ ผมพูดตรงๆ ผมไม่อยากจะพูดถึงเคสของน้องคิวเทเยอะ เพราะทุกคนสามารถติดตามบนออนไลน์ได้อยู่แล้ว แต่ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ทำงานร่วมกับน้องเยอะ ก็เป็นกำลังใจให้กับน้อง ตอนที่เกิดเรื่องตั้งแต่แรก น้องก็ได้พูดคุยกับเรา เราก็เสนอทางออก แชร์ๆ กัน เพราะผมก็เคยเจอเคสแบบนี้บ้าง แต่ไม่ได้หนักเท่าน้อง ก็อยากเป็นกำลังใจให้กับน้องครับ ให้น้องผ่านมันไปได้ด้วยดี คือจริงๆ น้องก็อยู่ในรูปแบบบริษัทอยู่แล้วครับ แต่แค่ผมว่าเป็นเรื่องของคนในองค์กรมากกว่าครับ”









กำลังโหลดความคิดเห็น