"พุฒ-จุ๋ย" ร่ำไห้ โดนด่ายับ ใจดำไม่ไปงาน "แตงโม" เจอสาปแช่งขอให้ตาย เผยที่ไม่ไปเพราะไม่สนิทและติดงานและได้มีการแสดงความเสียใจแล้ว อีกอย่างอยู่ในขบวนการทำลูก ต้องระวังตัวห้ามติดโควิดห้ามเครียด จึงไม่อยากไปอยู่ในกลุ่มคนหมู่มาก
จากประเด็นดรามา ชาวเน็ตวิจารณ์ยับสำหรับคู่รักคนบันเทิง “ดีเจพุฒ พุฒิชัย เกษตรสิน” และ “จุ๋ย วรัทยา นิลคูหา” ที่ไปออกรายการแฉ แล้วตอบคำถาม "มดดำ คชภา ตันเจริญ" เรื่องไปงานศพ “แตงโม ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงศ์” ไหม ซึ่ง จุ๋ย ได้ตอบกลับไปว่า "ไม่ได้ไป เพราะว่าหนูไม่ได้ทำงานร่วมกับน้อง แต่ก็แสดงความเสียใจด้วยวิธีอื่นค่ะ" ฝั่งสามี ดีเจพุฒ พยักหน้าไม่ได้พูดอะไร
จากนั้นก็กลายเป็ตสตอรี่ดรามา ชาวเน็ตวิจารณ์ต่างๆนานส โดยเฉพาะ ดีเจพุฒ ที่ชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์จับผิดทำนองว่าเคยร่วมงานกันก่อนแตงโมก่อนเสียชีวิต ในละครเรื่องใบไม้ที่ปลิดปลิว ซึ่งวันนี้ (15 มี.ค.65) จุ๋ย-พุฒ ได้นัดสื่อและแฟนคลับมาฟังการเคลียร์ใจในประเด็นนี้ผ่านทางไลฟ์ว่า….
จุ๋ย : “จุ๋ยขออนุญาตเล่าไปในส่วนของวันที่ถ่ายรายการแฉ”
พุฒ : “มีประเด็นดรามาที่เราไปออกรายการแฉ มีช่วงนึงที่พี่มดดำได้โยนคำถามก่อนที่จะออกเบรกโฆษณาเป็นช่วงเวลาสั้นมาก วันนั้นพี่มดดำถามจุ๋ย”
จุ๋ย : “เดี๋ยวจุ๋ยขอเล่าตรงนี้ พอดีว่าส่วนนึงที่รายการได้แจ้งมา ก็กำลังได้คุยกันแบบออกรสออกชาติเกี่ยวกับเรื่องการใส่ซองเงิน การให้เงินในหีบซองสักอย่าง เอาจริงๆแล้วจุ๋ยก็นั่งฟังด้วยความเคารพอยู่ แล้วก็ใจความนึงที่พี่มดดำพูดว่าพวงหรีดเจ้าภาพเขาไม่รับ ไม่ต้องส่งหรีด ซึ่งจุ๋ยก็ตกใจเพราะได้สั่งพวงหรีดไปแล้ว เรากลัวว่าจะเป็นภาระแก่เจ้าภาพทางงาน ที่ถ้าเราส่งไปแล้วเขางดรับในทุกกรณี ซึ่งตอนแรกเราไม่ทราบ เมื่อเรารู้วันเวลากำหนดงานของน้องโมเป็นวันที่เท่าไหร่และที่ไหนแน่ๆ เราก็จัดการสั่งไป แล้วก็สั่งกำชับไปด้วยว่าน้องเป็นพิธีแบบคริสต์ ขอใช้พวงหรีดที่เป็นดอกไม้ที่สวยที่สุด เพื่อให้ไปประดับในงานแล้วมีความสวยงาม อันนี้คือความตั้งใจแรกของจุ๋ย
ซึ่งจะส่งไปในชื่อ พุฒิชัย และ วรัทยา แต่เมื่อวันน้ันได้ฟังพี่มดดำพูดว่าเขางดรับหรีด ตอนนั้นเป็นเวลาสี่ทุ่มครึ่ง จุ๋ยก็ตกใจมาก หันไปหาผู้จัดการส่วนตัวให้แคลเซิลพวงหรีดหน่อยพอดีเจ้าภาพเขาไม่รับจุ๋ยไม่ทราบจริงๆ กำลังสื่อสารกับผู้จัดการ หันมาอีกทีพี่มดดำกำลังถามเรา จุ๋ยก็ได้ยินไม่ถนัดว่าจะทำอะไร แล้วจุ๋ยก็ถามว่าอะไรนะคะพี่มดดำ แล้วพี่มดดำก็ถามว่าจุ๋ยจะไปงานศพหรือเปล่า ด้วยความสัจจริงและความจริงที่จุ๋ยเขาใจว่ามันเป็นสิ่งที่เราพูดไปตามความเป็นจริง แต่ว่าจุ๋ยไม่ได้อธิบายขยายความอะไรมาก เพราะว่ามันเป็นช่วงเวลาสั้นๆของท้ายรายการที่มดดำจะปิดเบรกแล้ว แล้วโยนมาให้กับแขกรับเชิญที่กำลังนั่งรอที่จะเข้ารายการในช่วงนั้น”
“จุ๋ย” เผยไม่งานศพ “แตงโม” เพราะไม่สนิทกันเป็นการส่วนตัว
จุ๋ย : “จุ๋ยก็ตอบพี่มดดำไปว่าโดยส่วนตัวแล้ว จุ๋ยไม่ได้ทำงานร่วมกับน้อง จุ๋ยคงไม่ได้ไปแล้วก็ขอแสดงความเสียใจเป็นวิธีการอื่น สำหรับจุ๋ยตั้งแต่ได้ทราบข่าวน้องโมว่าน้องเสียชีวิตแล้วจริงๆจุ๋ยตกใจมาก เป็นคนในวงการที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ ถึงแม้ว่าด้วยบริบทและภาระหน้าที่ของการเป็นแสดงด้วยกันแล้วจุ๋ยไม่ได้ร่วมงานกับน้องทั้งเรื่องเป็นจริงๆจังๆเหมือนนักแสดงท่านอื่นๆ แต่จุ๋ยก็มีความรู้สึกเสียใจเหลือเกินต่อการจากไปของน้อง ก็ลงทันทีในสตอรี่ว่าเสียใจด้วยอย่างมากๆรู้สึกเศร้ามากๆกับข่าวนี้ ถ้าใครได้เห็นสตอรี่อันนั้นนะคะ (เปิดสตอรี่ที่ลงให้ดู) เรารู้สึกเสียใจกับการสูญเสียอยู่แล้ว
ในวันที่ 26 มีนาจุ๋ยก็ลงไปเลยว่า จุ๋ยขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวน้องโม หลับให้สบายนะน้องโม คือเศร้ากับข่าวจริงๆ มันเหมือนอะไรไม่ออกถึงแม้ว่าเราจะเป็นเหมือนคนไกลๆที่ผ่านไปผ่านมากันในวงการบันเทิง แต่เราก็รู้สึกว่าครั้งนี้เป็นการสูญเสียของคนในวงการบันเทิง ซึ่งเราก็ร่วมเสียใจไปแล้ว
แล้วในวันที่พี่มดดำถาม จุ๋ยก็ตอบตามความเป้นจริง และตอบในส่วนของจุ๋ย ไม่ได้หมายถึงในส่วนของพุฒ จุ๋ยทราบว่าพุฒเล่นกับน้องโม ก็เข้าใจว่าเดี๋ยวพี่มดดำคงถามพุฒและให้พุฒตอบในเชิงของพุฒ แต่ว่าในเหตุการณ์วันนั้นพี่มดดำก็ต้องตัดจบ”
ด้วยการพูดคุยในรายการเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้สื่อสารออกไปแล้วคนเข้าใจผิด เกิดเป็นดรามาทั้งในประเทศและต่างประเทศ ถูกมองว่าเป็นคู่สามีภรรยาที่ไม่มีน้ำใจ
พุฒ : “มันเป็นช่วงเวลาสั้นมากครับ เป็นช่วงที่พี่มดดำกำลังจะส่งออกเบรกแล้ว คำถามที่พี่มดดำถามก็ไม่ได้ถามพุฒต่อ ซึ่งพุฒก็พร้อมที่จะตอบอยู่แล้วว่าไปหรือไม่ไป ไม่ไปเพราะเหตุผลอะไร แต่เนื่องด้วยทางรายการตัดออกเบรกไปแล้ว คนก็เลยเข้าใจว่าเราสองคนกลายเป็นคู่สามีภรรยาที่ตอบออกมาแบบนี้ได้ยังไง ไม่มีน้ำใจเลย ทั้งตัวพุฒเองก็ทำงานร่วมกับพี่โมมา ก็เลยเป็นเรื่องราวที่ดรามาในตอนนี้ที่ทำให้เราสองคนต้องออกมาพูดกัน มีทั้งดรามาทั้งในไทยและชาวต่างชาติด้วย วันนี้ก็เลยขออนุญาต ให้พื้นที่ตรงนี้ในการเคลียร์เรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลเลย”
จุ๋ย : “จุ๋ยได้อธิบายในส่วนของเหตุการณ์ในรายการแฉไปแล้ว และจุ๋ยก็รู้สึกว่าจุ๋ยเป็นคนที่ไม่ได้อยากโกหกหรือพูดจาให้สวยงาม ตอนนี้เหมือนมีคนมาบอกว่าเราพูดไปแล้วมันฟังแล้วมันสะดุด เหมือนใจร้าย คือจุ๋ยตอบไปตามความเป็นจริง ไม่เคยร่วมงานกับน้องจริงๆ แต่ว่าขอแสดงความเสียใจในวิธีการอื่นและคือไม่มีใครรู้ว่า ณ วันที่เรารู้ว่าน้องเสียชีวิตแล้วเรารู้สึกเศร้าและอินไปกับข่าวน้องเหมือนที่ทุกคนอินอยู่เหมือนกัน จุ๋ยก็สวดมนต์ ไหว้พระ อุทิศส่วนกุศลให้น้อง เราทำได้ในสิ่งที่เราทำ เมื่อคืนก่อนที่จะรู้ข่าวดราม่าซะอีก จุ๋ยก็มีการสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ และเอ่ยชื่อน้อง อุทิศส่วนกุศลไปให้ จุ๋ยคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้น้องได้ในขณะที่เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าในชีวิตหลังความตายมันจะเป็นยัง แต่จุ๋ยเชื่อว่าบุญกุศลที่จุ๋ยได้ทำถ้าอุทิศบอกชื่อน้องไป น้องคงได้รับไม่มากก็น้อย แล้วก็เป็นใจของเราจริงๆที่เราอยากอุทิศส่วนกุศลให้น้อง อยากให้น้องมีความสุขในภพภูมิที่น้องอยู่ตอนนี้ อันนี้คือในส่วนของจุ๋ยและจุ๋ยก็ได้ทำแล้ว”
“พุฒ” บอกวันที่ทราบข่าวก็ลงสตอรี่แสดงความเสียใจ แต่ที่ไม่ได้ไปงานศพเพราะติดงาน
พุฒ : “ในส่วนของพุฒเองมีคนมาบอกว่าเล่นละครเรื่องใบไม้ที่ปลิดปลิวกับพี่แตงโม แล้วทำไมถึงไม่ไปที่งานแสดงความไว้อาลัย ขอบอกตรงนี้ว่าคือถามว่าในวันที่เรารู้ว่าพี่แตงโมตกเรือแล้วยังหาไม่เจอ วันนั้นถ่ายละครยังคุยกับพี่ คุยกับจุ๋ย คุยกับทุกคนอยู่เลยว่าขอให้เจอๆ ขอให้มีปาฏิหาย์ แล้วพอผ่านเวลาไปแล้วได้ทราบข่าวพร้อมๆกับทุกคนว่าเจอพี่โมเป็นศพแล้ว บอกตรงๆว่าเราก็เสียใจ เราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน เป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ผมกับจุ๋ยเสียใจมากๆกับการจากไปของพี่แตงโม และวันที่เราทราบข่าวพุฒเองก็.. หลายๆคนที่ไม่ได้ตามไอจีพุฒก็จะไม่เห็นว่า
วันที่ทราบข่าวพุฒก็ลงเป็นไอจีสตอรี่เหมือนกัน ก็คือภาพๆนี้ บอกว่าหลับให้สบายนะพี่โม (โชว์รูป) แต่ว่าคนที่ไม่ได้ตามก็อาจจะไม่ได้เห็นว่าเราได้แสดงความเสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นนะครับ แล้วก็มีคนเข้ามาว่าเราเยอะมากเลยครับ ว่าทำไมพุฒถึงไม่ไปงานศพพี่โม ก็คือตัวพุฒเองมีภารกิจมีภาระหน้าที่ มีละครที่ต้องถ่าย มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องรับผิดชอบก็เลยไม่ได้ไป แต่ว่าเราก็แสดงความเสียใจอะไรอยู่นะครับ เหมือนที่จุ๋ยบอกว่าเราสองคนก็ส่งพวงหรีดไปแต่ว่าทางงานเขาก็ไม่ได้รับก็เลยอยากจะอธิบายตรงนี้ให้ทุกคนได้เข้าใจด้วยว่าสาเหตุที่เราไม่ได้ไปเป็นเพราะอะไรนะครับ”
ขอร้องทุกคนเสพข่าวอย่างมีสติเพราะตอนนี้ประเด็นไปไกล ถูกคอมเมนต์สาปแช่งในพื้นที่ส่วนตัว
พุฒ : “แล้วก็มีเรื่องที่เรารู้สึกว่าตอนนี้มันไปกันใหญ่มากๆ แล้วกับกระแสดรามาที่มันเข้ามาถึงตัวเราอันนี้ขอหยิบยกบางคอมเมนต์ที่เข้ามาคอมเมนต์ในพื้นที่ส่วนตัวของเรานะครับ อย่างเช่นที่บอกว่าเดี๋ยววันไหนถึงคิวงานศพของพวกคุณ ฉันจะรอดูว่ามีคนไปร่วมงานไหม หรือ ไปตายซะ หรือ รอมึงตายมั่ง กูจะนั่งหัวเราะ คือผมว่าตอนนี้ประเด็นมันกลายเป็นไปไกลมากๆ แล้ว
ก็เลยอยากจะขอร้องทุกๆ คนที่ตอนนี้ไม่ว่าจะเสพข่าวจากทางไหนก็แล้วแต่หรือตัวศิลปินดาราท่านไหนก็แล้วแต่ก็อยากให้มีสติกันนิดนึงนะครับ เราก็มีความรู้สึกทางใจเหมือนกัน บางทีเราเจออะไรแบบนี้มาถามว่าเรารู้สึกแย่ไหมเราก็รู้สึกแย่นะครับ”
อีกเหตุผลใหญ่ก็คือตอนนี้ตนทั้งคู่กำลังอยู่ในกระบวนการทำลูก จึงไม่อยากไปในพื้นที่ที่คนเยอะ และอยู่ในภาวะเครียด
พุฒ : “และอีกเรื่องหนึ่งที่เราสองคนไม่อยากจะมาพูดถึงตรงนี้แต่ว่าวันนี้ก็อยากเล่าให้ฟัง คือเราสองคนอยู่ในช่วงโปรเซสที่กำลังจะเตรียมตัวมีน้องกัน คุณหมอก็แนะนำว่าอยากให้หลีกเลี่ยงที่ไปในที่ที่คนเยอะเยอะด้วยเพื่อที่จะได้เซฟที่สุดในขั้นตอนกระบวนการทางการแพทย์ในการที่จะเตรียมมีน้อง”
จุ๋ย : “คือต้องบอกว่าการไปร่วมงาน เราทราบมาว่าต้องมีญาติพี่น้อง เพื่อนสนิท แฟนคลับ คนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้มาก ทราบมาว่าเขาอาจจะต้องลงทะเบียนหรือมีความยุ่งยากในการตรวจ ATK ในลักษณะที่เราเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องในวงการที่อยู่รอบนอกเรารู้สึกว่าเราอยากจะให้พื้นที่นั้นให้กับคนที่เขาสนิทกับน้องโมจริงๆ คนที่น้องโมอยากจะเห็นหน้าเขาจริงๆ ค่ะ แล้วก็ไม่ไปทำความเดือดร้อนไม่ไปแย่งพื้นที่ในการที่จะร่วมไว้อาลัยกับน้องเป็นครั้งสุดท้าย ถามว่าเราดูไหมเราดูภาพจากบรรยากาศในการไลฟ์ในวันนั้นอยู่แล้ว รู้สึกว่างานสวยงามจังเลยและทุกคนที่ไปพูดถึงน้องในทางที่ดีมากๆเลยซึ่งในลักษณะของการเป็นรุ่นพี่ในวงการเรารู้สึกว่าเราชื่นชมในความกตัญญูแล้วก็ชื่นชมในความที่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งแข็งแรง แล้ววันนี้ที่ตัดสินใจมาพูดเรื่องนี้ก็คืออยากให้สังคมได้เห็นว่าบางทีการอินเกินไปหรือการมีส่วนร่วมในการคอมเมนต์แต่ไม่ได้รู้เรื่องในชีวิตของเราสองคนจริงๆ ว่าเราสองคนต้องเผชิญอะไรบ้าง
เอาจริงๆ แล้วจุ๋ยก็อยู่ในโปรเซสที่ห้ามเครียดเลยเราก็ต้องดูแลตัวเองไม่ให้ติดโควิดถ้าสมมติว่าจุ๋ยติดโควิดทุกอย่างที่จุ๋ยทำมามันจะสูญเปล่าหมดเลยแต่ใช้เวลาเป็นปีๆ ในการทำเรื่องแบบนี้ แต่ว่าจุ๋ยก็ไม่สามารถอธิบายได้ในรายการแฉ ตั้งนั้นวันนี้ก็เลยอยากมาบอกให้ฟัง (เสียงเครือ) จริงๆไม่อยากร้องไห้แต่ว่ามันเกิดเรื่องในขณะที่จิตใจเราอ่อนแอมากๆ”
วอนอย่าคอมเมนต์หรือพูดจาแย่ๆต่อกัน “แตงโม” คงไม้แฮปปี้
จุ๋ย : “จุ๋ยอยากจะพูดอะไรบางอย่าง คือจุ๋ยรู้สึกว่าการสูญเสียของน้องโมเราได้อะไรหลายๆ อย่างจากสิ่งที่น้องเคยพูดไปแล้ว มีหลายคนบอกว่าชีวิตโมเหมือนหนังสือเล่มหนึ่งที่ควรอ่านและเป็นบทเรียนที่น้องเคยพูดว่าน้องเองก็ไม่ไหวเหมือนกันในช่วงที่ได้รับคอมเมนต์แย่ๆ หรือมีคนพูดจาแย่ๆ ก็เลยคิดว่าอ้าว..หนังสือเล่มนั้นบทเรียนเล่มนั้นไม่ได้บอกอะไรกับคนที่รักโมหรือคนที่กำลังอินกับข่าวโมเลยหรอ คือจุ๋ยเชื่อว่าน้องคงไม่อยากให้การสูญเสียของน้องมาเป็นเรื่องราวแบบนี้ ซึ่งจุ๋ยเชื่อว่าน้องรับรู้ได้ว่าเราสองคนเสียใจมากๆ เราเป็นคนที่ไม่ได้สนิทไม่ได้มีเบอร์โทรศัพท์ ไม่มีไลน์น้องไม่เคยคุยกันเลยตั้งแต่อยู่ในวงการมา 20 กว่าปีคือเจอกันผ่านๆ ตามงานมากๆ
(สัญญาณอินเตอร์เน็ตกระตุก)…พี่คิ้มแล้วก็ร้องไห้ๆ หนักมาก แล้วก็ส่งให้เพื่อนดู แก ฉันร้องไห้หนักมาก เหมือนเขามาเป็นเพื่อนสนิทฉันเลย ฉันอินมากๆ ตามดูทุกวัน รู้สึกสงสารในโชคชะตา แล้วรู้สึกว่าวันนี้คนรักโมมากๆ เราอยากให้โมได้เห็นภาพนี้เหลือเกิน เป็นคนที่อยู่หนึ่งในความอินของการสูญเสียของน้อง”
เสียใจและตกใจ พยายามไม่โมโห ขออภัยให้กับทุกคน ไม่ถือโทษโกรธ อโหสิกรรมให้หมดและไม่อยากให้ห่วงกรรมหรือเศษกรรมที่เกิดจากการทำร้ายจิตใจกัน
จุ๋ย : “แต่ว่าจุ๋ยก็ต้องเอาตัวเองออกจากข่าวเพราะว่าไม่งั้นสุขภาพจิตเราก็ต้องเสีย ก็ต้องเสพพอประมาณและในเรื่องของการให้ความเห็น จุ๋ยจะพยายามให้ความเห็นอะไรที่น้อยมากๆ ไม่อยากให้กระทบกับความรู้สึกของใคร ถ้าเป็นเรื่องของเราสองคนเราสามารถให้ความคิดเห็นได้ อย่างเช่น ถามว่าเราไปไหม เราไม่ได้ไป แต่ถ้าถามว่า อย่างอื่นๆ ในเรื่องของงานศพเราก็เลยไม่ได้ให้ความคิดเห็นไป เราก็พูดในส่วนที่พี่มดดำถามในวันนั้น จุ๋ยก็ไม่นึกว่าเรื่องราวเหล่านั้นมันจะเป็นประเด็น ก็ยังคิดไม่ออกมาจะต้องพูดคำพูดไหน ซึ่งจะให้ถูกใจทุกๆ คน
จุ๋ยเลยอยากบอกว่า สิ่งที่มันมีการสูญเสียไปแล้ว หนังสือบทหนึ่ง หรือบทเรียนที่มีคนใช้เฮดสปีดในการด่าว่ากัน ด่าทอกัน โดยที่อาจจะไม่ได้รู้ความในใจทั้งหมดที่เราได้ทำ หรือเบื้องหลังเบื้องลึกจริงๆ ที่เรากำลังเผชิญอยู่ ก็ต้องบอกว่าจุ๋ยมีภาระหน้าที่ในการทำงาน ทั้งเรื่องส่วนตัว ทั้งเรื่องของงาน หลายๆ อย่างที่ไม่สามารถจะพูดได้ ณ วันนั้น บางอย่างก็เป็นเรื่องส่วนตัว วันนี้ถ้าไม่มีเหตุการณ์นี้ก็คิดว่าคงไม่ได้จำเป็นจะต้องมาบอกกันนะคะ
ด้วยความที่จุ๋ยก็ต้องดูแลตัวเองเพื่อไม่ให้ติดโควิด อะไรหลายๆ อย่าง คุณพุฒเองเขาเป็นคนที่อยู่กับจุ๋ยตลอดทั้งวัน เขาก็ต้องดูแลตัวเองเพื่อให้เขาไม่นำความเสี่ยงมาให้จุ๋ย
ดังนั้นอะไรที่เราตัดความเสี่ยงไปได้ การไปรวมกลุ่มกับคนหมู่มาก ร้อยคนขึ้นไปสองร้อยคนขึ้นไป เราก็จำเป็นจะต้องทำในบทบาทหน้าที่ของความเป็นเราค่ะ แต่ถามว่าเราใจดำหรือไม่ได้รู้สึกสูญเสียหรือเสียใจต่อการจากไปของน้องไหม มันไม่จริงเลย ก็เลยอยากจะมาบอกให้ฟัง
อีกอย่างหนึ่งคือ อยากให้ใช้สติในการคอมเมนต์ คือตอนนี้มันลามไปถึงต่างชาติคือชาวเวียดนาม จุ๋ยก็ไม่สามารถสื่อสารกับเขาได้ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง ก็ค่อยข้างอึดอัดกันพอสมควร แต่ก็อยากให้คนไทยเข้าใจในความเป็นเรา 2 คน และขอยืนยันตรงนี้ว่าเรา 2 คน ไม่เคยมีปัญหาใดๆ กับคนในวงการหรือนอกวงการ หรือว่าพี่น้องที่เป็นนักแสงดเลย และคิดดีกับทุกคน
ครั้งนี้ถึงมันจะทำให้จุ๋ยเสียใจและตกใจ แต่จุ๋ยพยายามไม่โมโห ไม่โกรธ ไม่เคืองกับข้อความใดๆ ขออภัยให้กับทุกคน ไม่ถือโทษโกรธ อโหสิกรรมให้หมดทุกอย่างนะคะ ขอให้ตรงนี้เป็นอภัยทาน และไม่อยากให้ห่วงกรรมหรือเศษกรรมที่เกิดจากการทำร้ายจิตใจกัน พูดไม่จริงต่อกัน ส่อเสียดต่อกัน ใช้วาจาที่ไม่เป็นมิตรต่อกัน จุ๋ยอโหสิกรรมให้ทุกคนที่คอมเมนต์มา ที่พูดมา
ขอบคุณกำลังใจจากเพื่อนๆ จากแฟนคลับ และคนที่ใกล้ชิดที่เข้าใจในความเป็นตัวเรา ว่าเราไม่เคยมีจุดประสงค์ไม่ดีกับใคร และก็ไม่เคยมีปัญหากับใคร ไม่ได้เคยรู้สึกกับใครที่ไม่ดี ส่วนเราสองคนชื่นชมน้องในฐานะนักแสดงคนนึง ในฐานะลูกกตัญญูคนนึง ในฐานะผู้หญิงที่ต่อสู้กับคำว่าร้าย กับสิ่งที่ต้องโดนในโซเชียลคนนึง เราเข้าใจมากๆ
ผ่านดรามามาเยอะแต่ไม่เคยต้องออกมาอธิบายแบบนี้ แต่ครั้งนี้กระทบจิตใจตนมากๆ วอนใครคอมเมนต์แง่ลบ สาปแช่ง ช่วยลงคอมเมนต์ด้วย
แล้ววันนี้ก็เข้าใจมากๆ ยิ่งกว่า จริงๆ จุ๋ยก็ผ่านการดรามามาเยอะ แต่ว่าก็ไม่เคยต้องออกมาอธิบายอะไรแบบนี้ แต่ว่าอันนี้จุ๋ยอยากให้มันเป็นพื้นฐานของสังคม อยากให้คิดไตร่ตรอง และเข้าใจกันด้วยความเข้าใจจริงๆ นะคะว่ามันมีอะไรบ้าง อย่าให้การอินในเรื่องบางเรื่อง หรือการมองอะไรแค่เพียงฉาบฉวยตัดสินคนจากภายนอก แล้วก็ใช้คำวาจาเฮดสปีดในการทำร้ายกัน คืออยากให้มันจบที่เราสองคน
ที่ตัดสินใจออกมาวันนี้ การพูดของเราอาจจะช่วยให้ใครหลายๆ คนคิดได้ไม่มากก็น้อย 1 คน 2 คน 3 คนก็ยังดีนะคะ อันนี้เป็นสิ่งที่มุ่งหวังและตั้งใจที่จะมาไลฟ์ในครั้งนี้ ก็ไม่รู้หรอกว่าการไลฟ์ในครั้งนี้จะส่งผลดีหรือผลเสีย ไม่ได้ออกมาแก้ตัวค่ะ แต่ออกมาพูดในความเป็นจริงที่เราสองคนเผชิญอยู่
กับคำพูดเฮดสปีด แช่งกัน การใส่ดาบในคอมเมนต์ ไล่ให้ไปตาย การที่เข้าไปคอมเมนต์ในหน้าที่การงานของเรา จุ๋ยก็มีฟีตแบ็คมาว่า เจ้าของงานเขาก็อยากให้เราลบข้อความเหล่านั้น
มันกลายเป็นผลกระทบต่างๆ ที่สุด และที่สุดของที่สุดคือเป็นผลกระทบทางจิตใจที่ช่วงเวลานี้จุ๋ยไม่อยากเครียดเลย ไม่อยากจะมีอะไรมากระทบจิตใจแต่ก็ต้องมีจนได้ (เสียงสั่น) ก็ถือว่ามันเป็นบททดสอบละกัน จุ๋ยต้องผ่านมันไปให้ได้
แต่อย่างที่บอกจุ๋ยให้อภัยจริงๆ เลย และขอให้ตรงนี้เป็นอภัยทานและเป็นสิ่งที่ดีเป็นบุญกุศลต่อไปจะได้ไม่มีเศษกรรมกระเด็นไปติดอยู่ที่บุคคลใดเลย อันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลเรื่องของกฎแห่งกรรม ก็ฝากไว้แต่เพียงเท่านี้
พุฒ : ขอบคุณพี่ๆ น้องๆ ทุกคนที่มานั่งฟังนะครับ เราได้พูดถึงเรื่องประเด็นดรามาที่เกิดขึ้นนะครับ สุดท้ายนี้เรา 2 คนของแสดงความเสียใจกับครอบครัวของพี่แตงโมอีกครั้งหนึ่งกับการจากไป ขอให้พี่แตงโมขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ในภพภูมิที่ดี หวังว่าเราจะมีโอกาสได้เจอกันอีกในชาติต่อๆ ไปครับผม
จุ๋ย : ในส่วนของเรา สวดมนต์อวยพร อุทิศส่วนกุศลให้โมเป็นอย่างดี และก็คงระลึกถึงในหลายๆ ครั้งที่เราได้ทำบุญทำกุศลเพื่อให้น้องได้มีความสุขในภพภูมิที่น้องอยู่ และได้เป็นนางฟ้านางสวรรค์ อยู่ในอ้อมกอดของพระเจ้าอย่างที่น้องเชื่อมั่น จุ๋ยกับพุฒก็เสียใจมากๆ กับการจากไปของน้อง
และคิดว่าเรื่องราวของเราในวันนี้เป็นหนังสืออีกหน้าหนึ่งที่เกิดจากเรื่องนี้ให้ทุกคนได้ดูและพิจารณานะคะ ก็หวังว่าอยากให้ทุกคนได้ดูโดยปราศจากอคตินะคะ และอยากให้ทุกคนลดเฮดสปีดในการทำร้ายคนต่อๆ ไป ถ้าสำหรับใครที่ได้กล่าววาจาล่วงเกินกันมาแล้วก็ขออโหสิกรรมให้ ขอย้ำจริงๆ ค่ะ ขอขอบพระคุณมากเลยค่ะ”
