xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป)“ท่านมุ้ย” เผยอยู่กับ “สรพงศ์” จนลมหายใจสุดท้าย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานน้ำหลวงอาบศพแก่ “สรพงศ์ ชาตรี”ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง พ.ศ. 2551 ซึ่งถึงแก่กรรมอย่างสงบในวัย 73 ปี เมื่อวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมาด้วยโรคมะเร็งปอด โดยมี “หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล” เป็นประธานพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ

จากนั้นผู้แทนพระองค์ได้อัญเชิญพวงมาลาหลวงส่วนพระองค์ และพวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง, สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี, สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา, สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ในโอกาสนี้ผู้แทนพระองค์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ประทานพวงมาลาส่วนพระองค์



โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้ากับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของพระเอกตลอดกาล ผู้ที่ถูกขนานนามจากคนในวงการบันเทิงยกให้เป็น “ครูแห่งวงการบันเทิง” อีกหนึ่งคน โดยการจากไปด้วยโรคมะเร็งปอด หลังจากเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าตัวได้ต่อสู้กับโรคร้ายนั้นมาโดยตลอดเวลา แต่แล้วฟ้าก็ได้พรากพระเอกคนดังกล่าวไปจากคนไทยเมื่อวานนี้ (10 มีค. 65) เวลา 15.51 น. ที่ผ่านมา

บรรยากาศในศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร สถานที่จัดงาน เป็นไปด้วยความโศกเศร้า เหล่าคนในวงการบันเทิงอาทิท่านมุ้ย หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล, ท่านชายใหม่ หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล, คุณชายอดัม หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล, สมบัติ เมทะนี, อี๊ด ดวงใจ หทัยกาญจน์, โย ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์, สดใส รุ่งโพธิ์ทอง, ชรินทร์ นันทนาคร, วินัย พันธุรักษ์, จิ๊ก เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์, สมบัติ เมทะนี, กรุง ศรีวิไล, ฤทธิ์ ลือชา, อ้อย จิระวดี อิศรางกูร ณ อยุธยา, ไทด์ เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์, จิ๊บ วสุ แสงสิงแก้ว, จ๊ะจ๋า พริมรตา เดชอุดม, อาร์ต พศุตม์ บานแย้ม, บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี, นก จริยา, จอนนี่ แอนโฟเน่ ต่างเดินทางมาร่วมไว้อาลัย รวมไปถึงแฟนๆ ที่ติดตามผลงานของ “สรพงศ์ ชาตรี” ได้เดินทางมาส่งพระเอกคนดังกล่าวเป็นครั้งสุดท้าย

ซึ่งจะมีพิธีสวดอภิธรรมในเวลา 19.00 น. ของทุกวัน จนไปถึงวันที่ 17 มีนาคม 2565 จากนั้นก็ทำการบรรจุศพเป็นเวลา 100 วัน เพื่อขอรับพระราชทานเพลิงศพในลำดับต่อไป

ทั้งนี้ “ท่านมุ้ย หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล” เสด็จให้สัมภาษณ์หลังพิธีสวดพระอภิธรรมศพ สรพงศ์ ชาตรี ว่า

“จริงๆ แล้วคือว่ามีหลายคนนะครับ ประมาณ 3 คน ที่มาสมัครพร้อมกัน และในตอนนั้นผมกำลังทำเรื่อง ห้องสีชมพู ซึ่งมันก็มีตัวละครเหลืออยู่ตัวหนึ่ง คือมันต้องมีตัวผู้ร้าย ผมก็ถามคุณกัมปนาทนะครับ ว่าคุณจะเล่นเป็นผู้ร้ายได้ไหม เขาก็บอกว่าไม่เอาครับ เพราะว่าเขาอยากจะเป็นพระเอก และพอผมถามคุณดาม ดัสกร เขาก็บอกว่าไม่เอาเหมือนกัน เพราะว่าเขาอยากจะเป็นพระรอง แต่พอถามคุณสรพงศ์ ชาตรี เขาตอบทันทีว่า ผมเล่นครับ และจากวันนั้นผมก็เห็นแววเขาเลย คือเขาไม่เลือกบท ขอให้บทมันดีก็แล้วกัน"

"จากนั้นผมก็ทดลองเขาดูว่าเขาเล่นได้หรือเปล่า เพราะว่าตอนที่เขามาสมัคร เขาแต่งตัวเต็มที่ ผูกเนกไทน์ ใส่เสื้อนอก ผมก็เลยทดลองเขาโดยการบอกเขาว่าให้เขาอุ้มเด็ก ซึ่งก็คือ ตุ๊กตา จินดานุช และกระโดดข้ามท้องร่อง ซึ่งเขาทำได้ทันทีเลย ทั้งๆ ที่ตกอยู่ในน้ำ เสื้อสูทของเขานี่คือเปียกโชกไปหมดเลย ผมก็เลยเห็นแววเขามาตั้งแต่วันนั้น"

"และจากนั้นพอเริ่มถ่ายทำห้องสีชมพู ผมก็ให้เขาเล่นเป็นตัวผู้ร้าย แต่ว่าจริงๆ แล้วมันแทบจะเป็นตัวพระเอกเลยทีเดียว ซึ่งนับจากวันนั้นมาก็ทำให้ผมเห็นแววว่าสรพงศ์สามารถเล่นเป็นพระเอกได้ ส่วนคุณกัมปนาท ก็สูญหายไปจากวงการ เพราะว่าแกเลือกบท นั่นคือครั้งแรกเลยนะครับ”

เผย “สรพงศ์” มีความตั้งใจและความพยายามสูงมาก
“ก็จริงๆ ผมทำเรื่อง มันมากับความมืด และก็เอาคุณไชยาเล่น แต่บังเอิญว่าคุณไชยาเขาติดธุระมาได้ตามคิว ผมก็เลยเอาคนที่อยู่ใกล้ตัวผมมาเล่น เพราะว่าตอนนั้นคุณสรพงศ์แทบจะเรียกได้ว่าทำทุกอย่าง ผมจึงโปรโมทให้สรพงศ์ขึ้นมาเป็นพระเอกแทนไชยา เพราะทุกคนบอกว่าคุณไชยาเป็นพระเอก 2 หรือ 3 ตุ๊กตาทอง ผมจำไม่ได้ แต่ผมบอกว่า คุณดูเด็กคนนี้นะว่าเขาจะได้ตุ๊กตาทองมากกว่าคุณไชยา ซึ่งก็เป็นอย่างที่ผมคาดคะเนไว้ รู้สึกว่าเขาจะได้ 5 หรือ 6 ตัว นี่แหละครับ จำไม่ได้แล้ว"

"เขาเป็นคนที่กล้าได้กล้าเสีย อย่างสมัยโน้นทุกคนไว้ผมยาว ผมให้เขามาเล่นเป็นหมอกานต์ สิ่งแรกที่ทำจับตัดผม มันเป็นสิ่งที่สมัยโน้นเขาไม่ทำกัน เขาต้องไว้ผมยาว ใส่กางเกงขาบาน แต่ว่าสรพงศ์เขายอมตัด ตัดผมออกมาหน้าเขาเปลี่ยน จากเด็กวัยรุ่นไว้ผมยาวกลายเป็นหมอกานต์ ผมสั้นแล้วแสดงได้สมบทบาทมาก เรามองสรพงศ์ในฐานะที่เขามีความตั้งใจ มีความพยายามสูงมาก ไม่ใช่แค่สรพงศ์ ผู้พันเบิร์ดก็แสดงได้เต็มที่ วันนี้แกก็มาอยู่เป็นเพื่อนของเอก ผู้พันเบิร์ดเล่นเป็นพระนเรศวรก็ทิ้งคราบของผู้พันไปหมด กลายเป็นพระเอกสมัยโน้น คือทุกคนมีความตั้งใจ แต่ว่าสรพงศ์มีความตั้งใจอย่างสูงตั้งแต่แรกแล้ว"

"พ่อผมเป็นคนตั้งชื่อให้เขา คือ สร ก็คือ อนุสรณ์ พงศ์ก็คือพี่จี๊ด แล้วชาตรีก็คือชื่อผม ชาตรีจริงๆ แล้วนามสกุลนี้มีแค่สองคนเท่านั้นคือ สรพงศ์ ชาตรี และยมนา ชาตรี ไม่ทราบว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนหรือตายไปแล้วทั้งคู่ เพราะฉะนั้นตระกูลชาตรีรู้สึกจะหมดไปแล้ว สมัยโน้นส่วนใหญ่เขาจะเปลี่ยนชื่อ จะเอาชื่อเดิมมันก็ไม่ค่อยเพราะเท่าไหร่ เพราะคุณสรพงศ์ชื่อ ชิ้น จะเรียกพระเอกชื่อชิ้นมันก็ลำบากเหมือนกัน”

เผยอยู่ด้วยจนลมหายใจสุดท้าย
“ทราบเป็นปีแล้ว แต่ก็มาๆ ไปๆ ตรงข้างปอดก็ตัดทิ้งไปนานแล้ว แต่เป็นคนที่หัวใจเขาเข้มแข็งมากเลย ความดันก็สูงแต่หัวใจยังเต้นอยู่ นี่คือตอนที่เขาตาย ผมอยู่กับเขาตลอดเลย ตั้งแต่ต้นเลย มือจับหัวจนกระทั่งวิญญาณเขาออกจากร่าง"

"กองถ่ายผมก็แทบจะไม่เหลือแล้ว ช่างภาพผมซึ่งได้ตุ๊กตาทองหลายตัว ทีมอาร์ตของผมก็ตายไปแล้ว ผู้ทำเพลงของผมก็ไปแล้ว พูดจริงๆ ก็คือทีมผมไปเกือบหมดแล้ว ถ้าเผื่อจะทำใหม่ก็ลำบาก เพราะว่าพวกนี้ทำงานกับผมมาแต่เด็กเลยทุกคน”













กำลังโหลดความคิดเห็น