xs
xsm
sm
md
lg

“ตุ๊กกี้” รับเกือบเป็นไบโพล่าร์ รักษาร่วม 2 ปี ยังต้องกินยาจากแพทย์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ตุ๊กกี้” เผยรับการรักษาอาการโรคไบโพล่าร์มาร่วม 2 ปี เพราะเริ่มทำให้คนรอบข้างอึดอัด เหตุอารมณ์ขึ้นสุด ลงสุด ไม่มีตรงกลาง โชคดีที่มีสามีและเพื่อนๆ คอยอยู่เป็นเพื่อนให้กำลังใจ เชื่อรักษาหายได้ แต่บอกทำตามคำแนะนำของหมอไม่ค่อยได้ เพราะวิถีการทำงานที่ขัดกับคำสั่งแพทย์

หลายคนยังคงสงสัยที่ตลกสาวร่างเล็ก “ตุ๊กกี้ สุดารัตน์ โพธิ์น้ำคำ” ออกมาโพสต์ก่อนหน้านี้เป็นภาพใบรับรองแพทย์ พร้อมกับแคปชั่นว่า มันก็แค่โรคๆ นึง ทำให้หลายคนอดเป็นห่วงและอดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าตัวเป็นโรคอะไรกันแน่ ซึ่งล่าสุดสาวตุ๊กกี้ก็ได้มาเผยแล้วว่ารับการรักษาโรคไบโพล่าร์มากว่า 2 ปีแล้ว เหตุจากโควิดที่ผ่านมานั่นเอง

ไปปรึกษาหาหมอมาค่ะ เพราะดูแลตัวเองมา 2 ปีแล้วค่ะ โรคนี้มันมากับโควิด ตุ๊กกี้มีภาวะความเครียดถึงขั้นสูงสุดค่ะ และรู้สึกว่าตัวเองเวลาทำอะไรก็ตามผลกระทบมันเกิดกับคนรอบข้าง ก็คือไม่รู้จักระงับตัวเอง ไม่มีเลเวล มนุษย์เรามีเลเวลคืองอน โกรธ โมโห โมโหมาก ปรากฎว่าตุ๊กกี้คือ 1 แล้วไป 10 เลย ก็เลยรู้ว่าตัวเองผิดปกติ ก็ต้องตัดสินใจไปหาคุณหมอค่ะ สืบเนื่องจากต้องตื่นเช้าทุกวัน ทีนี่้วันนั้นลิสต์เพลงที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือมันดังขึ้น แล้วอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้ ก็เลยจอดรถในปั้ม แล้วก็ร้องไห้เหมือนเป็นเรื่องใหญ่โตมาก ก็โทร.หาคุณบูบู้ (สามี) ว่าไม่ปกติ ช่วยคุยเป็นเพื่อนหน่อย

ก็ขับรถไปถึงเวิร์คพ้อยท์ เสร็จงานก็เลยปรึกษาหมอ เพราะภาวะความเครียดมันล้นอกค่ะ มันไม่มีที่ระบาย จริงๆ แล้วระบายมาตลอดตั้งแต่มีชีวิตอยู่ คือต้องมีแพลนไปเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นเที่ยวกับเพื่อนๆ ไปแฮงค์เอาต์หรือว่าไปไหนๆ ก็ตาม แต่ทีนี้พอโควิดทุกอย่างมันโดนตีกรอบว่าต้องอยู่ตรงนี้ ต้องดูแลตัวเอง ไปไหนมาไหนไม่ได้ แล้วก็มีการกักตัว ความเครียดมันเลยสะสมเยอะ มันไม่ได้ระบายออก จนอีกนิดนึงก็จะเป็นไบโพล่าร์นะคะ”

บอกทำตามที่หมอแนะนำไม่ได้ เพราะจัดกับการทำงาน
“ตอนแรกคุณหมอก็ถามสารทุกข์สุขดิบว่านอนยังไง กี่โมง แน่นอนภาวะการนอนเรามันน้อยค่ะ และเป็นคนนอนไม่หลับ พอนอนไม่หลับติดต่อกัน คือไม่เคยนอนกลางวัน และนอนดึกตื่นเช้า พึ่งกาแฟ พึ่งเครื่องดื่มชูกำลังทุกชนิด มันเลยทำให้ตัวเราเปลี่ยนไป เป็นคนที่ทำงานทางด้านพฤติกรรมที่กระทบสมองเยอะมาก ปรากฎว่าเรื่องความสนุกสนานในชีวิตมันหายไป ก็เลยมีความเครียดมาก ต้องพึ่งพาอาศัยคุณหมอ

แต่คุณหมอก็ให้คำแนะนำมาค่ะ แต่การห้ามของคุณหมอมันสวนทางกับการทำงานของเรา เช่นห้ามดื่มเครื่องดื่มชูกำลังทุกชนิด ต้องนอนตั้งแต่ 1 ทุ่ม และ 11 โมงถึงบ่ายโมงต้องงีบ ก็ขอบคุณคุณหมอที่ให้คำแนะนำรักษาอย่างดีค่ะ แต่วิถีการทำงานของเรามันไม่ได้ ตอนนี้กำลังรักษาอยู่ค่ะ ต้องพึ่งพายา ถามว่ายังไม่ถึงขั้นเป็นไบโพล่าร์ใช่ไหม อันนี้คุณหมอน่าจะปลอบใจอยู่ค่ะ (หัวเราะ) แต่ว่ารู้ตัวนะ คืออารมณ์เราขึ้นสุด ลงสุดตลอด มันไม่มีคำว่าพอดี ถ้าเกิดรู้สึกว่าไม่พอใจ ไม่ได้ดั่งใจจะทำร้ายคนรอบข้าง แต่ก็กินยามานานแล้วค่ะ แต่ยาของคุณหมอที่ซีเรียสๆ เลยเพิ่งจะมากินค่ะ”

บอกต้องหันมามองตัวเองเพราะคนในทีมเริ่มประชุมกัน
“สืบเนื่องจากน้องๆ สมาชิกในวงเขาเหมือนอึดอัด และเรียกประชุมทีมว่าพี่ตุ๊กกี้เปลี่ยนไป เราจะใส่ใจคนรอบข้างมากถ้าเกิดมีคำว่าเปลี่ยนไป คนรอบข้างพูดมันคือเรื่องใหญ่มาก สุดท้ายเรื่องนี้พี่บูบู้รู้มาตลอด แต่บูบู้รู้เพราะเราจะทำกับเขาคนเดียว แต่เราเริ่มทำกับคนวงกว้างไปเรื่อยๆ พอน้องในวงทั้ง 7 คนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเราเปลี่ยนไป ก็เลยกลับมาดูตัวเอง แต่จุดพีกที่สุดคือวันที่ร้องไห้นั่นแหละค่ะ เวลาดิ่งมันดิ่งมากๆ เลย

คือเป็นคนที่ถ้าได้ทำงานความแบบนี้จะไม่มี แต่ถ้านั่งนิ่งๆ มันจะมา ไม่มีลิมิต มีแต่ 1 กับ 10 เลยค่ะ ก็คงต้องห้ามอยู่คนเดียวค่ะ ต้องมีอะไรทำตลอดเวลา ถามว่ายากไหมที่ต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น คือเป็นคนยอมรับตัวเองมาก และรับฟังความคิดเห็นคนรอบข้าง พร้อมจะเปลี่ยนแปลง ที่ไปหาหมอเพราะมันพีกก็เลยไป แต่ตลอดเวลา 2 ปีที่มันเกิดขึ้นก็พยายามบอกคุณบูบู้ว่าถ้ามากไปสะกิดนะ”

เผยโชคดีที่มีคนคอยให้กำลังใจและอยู่ด้วยในเวลาที่ต้องการ
“คือสิ่งนึงที่ตัดสินใจไปหาหมอก็เพราะเห็นใจคนรอบข้าง กลัวคนรอบข้างไม่เข้าใจ และพยายามจะให้คนรอบข้างรู้ว่าเราไม่สบายนะ เรากำลังดูแลตัวเองอยู่ และการโพสต์ใบรับรองแพทย์วันนั้นหนูโล่งอกมากเลยนะคะ เพราะว่าหนูเก็บไว้ในใจมา 2 ปี ไม่พยายามบอกเพราะกลัวเขาคิดว่าเราคิดไปเอง แต่พอถึงขั้นที่ต้องพบแพทย์แล้วก็เลยต้องบอกว่าเราไม่สบาย ก็ต้องขอบคุณมากๆ ขอบคุณที่เข้าใจและขอบคุณที่ช่วยอยู่เป็นเพื่อนในทุกๆ ครั้งเวลาจะโทร.คุยกับใคร มีที่ระบาย มีที่ปรับทุกข์ และมีที่ทำให้มีความสุข

ตอนนี้ต้องขออนุญาตฝากถึงคน 3 คนนะคะ เป็น 3 คนที่เข้ามาในชีวิตตอนที่พีกมากๆ ขอบคุณน้องอาร์ม (กรกันต์ สุทธิโกเศศ) ผู้ที่ทำงานด้วยกัน และเขาจะเป็นคนสะกิด เป็นคนบอกว่าธรรมชาติพี่ตุ๊กกี้จริงๆ แล้วมันคืออะไร คนที่สองขอบคุณน้องอุล (ภาคภูมิ จงมั่นวัฒนา) เป็นคนที่รับโทรศัพท์ทุกครั้งเมื่ออยากจะคุย ขอบคุณมากที่เป็นเพื่อนคุยตลอด และอีกหนึ่งคนที่เพิ่งเข้ามาในชีวิตเมื่อ 3 เดือน เป็นคนที่ทำให้มีเสียงหัวเราะ เป็นคนที่พาเราลืมเรื่องเครียดๆ ขอบคุณมากๆ เลยน้องภูมิ โฟร์คิง (ภูมิ รังษีธนานนท์) ที่อยู่เป็นเพื่อน จะดึกดื่นโทร.เมื่อไหร่ก็รับ ขอบคุณมากๆ 3 คนนี้ก็เลยทำให้รู้สึกว่านอกเหนือจากการแบ่งภาระจากบูบู้แล้ว 3 คนนี้ก็เป็นคนทำให้ตุ๊กกี้มีรอยยิ้มและมีกำลังใจมากขึ้นค่ะ”

บอกยังต้องกินยาอย่างต่อเนื่อง ต่อจากนี้ขั้นตอนรักษามีอะไรบ้าง
“ตอนนี้กินยาค่ะ คุณหมอบอกว่า 1 เดือนตรวจ 2 เดือนตรวจ แต่ตอนนี้รู้สึกว่ามันยังปกติ ถ้าพีกเมื่อไหร่ก็ไปได้เสมอ ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะคะ คุณหมอให้กำลังใจ และทำให้รู้สึกว่าโรคนี้เป็นโรคปกติ เดี๋ยวก็หาย จริงๆ หนูขอบคุณยาที่คุณหมอให้นะคะ แต่หนูนอนมากไม่ได้ค่ะ เพราะนอนมากแล้วหนูอ๊อง (หัวเราะ) นอนมากแล้วมันจะซึมๆ เหมือนคนไม่สร่างสักที คุณหมอให้มา 1 แต่หนูขอกินแค่ครึ่งเดียวนะคะ (หัวเราะ)

หนูฝากบอกคนที่ไม่เป็นดีกว่าค่ะ ให้สังเกตคนที่เป็น และพยายามพูดคุยกับเขา บางคนแค่เล่าเขาก็ได้ระบายแล้วค่ะ บางคนเขาไม่ได้ต้องการคำตอบ แต่เขาอยากเล่าให้ฟังเพื่อได้ระบายออกจากอก เพราะฉะนั้นแล้วสำหรับคนที่เป็นอยู่ หนูเป็นกำลังใจให้นะคะ เชื่อเถอะค่ะว่าโรคนี้มันหายได้ นอกเหนือจากคุณหมอแล้ว ตัวเรานี่แหละค่ะ และอะไรก็ตามที่เป็นกำลังใจให้ทุกคน หนูส่งใจให้ทุกคนนะคะ สู้ๆ เดี๋ยวทุกอย่างมันจะหายไป เดี๋ยวมาแล้วมันก็ไปค่ะ”







กำลังโหลดความคิดเห็น