เรียกว่าพลิกโอกาสให้เป็นวิกฤต ในแทบทุกครั้งที่ได้เปิดปาก สำหรับ “กระติก อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์” ผู้จัดการส่วนตัว พ่วงตำแหน่งเพื่อนสนิท ของนางเอกสาวผู้ล่วงลับ “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” เพราะเมื่อถูกถามถึงสาเหตุการตายของแตงโมเมื่อไหร่ เป็นต้องมีคำที่ไม่คาดคิดออกมาทุกที ว่านี่หรือคือคนที่เป็นเพื่อนกัน อย่างล่าสุดวันนี้ (3 มี.ค.) “แอนนา ทีวีพูล” เพื่อนสนิทที่นับว่าเป็นเพื่อนได้จริงๆ ของแตงโม ก็ได้มาเปิดเผยคำพูดสุดพีกของกระติก ให้ได้ฟังกันในรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD บอกเลยว่างานนี้ ฟังแล้วสะอึกมาก
“ไม่เชื่อว่าเพื่อนจะไปปัสสาวะท้ายเรือ ตอนแรกๆ มีหลายคนบอกให้ระวัง เพราะเขาก็ค่อนข้างที่จะมีเส้นสายกว้างขวาง ถามว่าเราระวังไหม เราก็ระวังแบบที่เราระวังค่ะ เราก็พูดทุกวัน ไม่รู้จะกลัวอะไรค่ะ เพื่อนตายทั้งคน แต่ทางเขาไม่เคยติดต่ออะไรมา เขาไม่เคยข่มขู่อะไรดิฉันนะคะ เราติดต่อได้แค่กระติกคนเดียวค่ะ ที่เราคุยวันนั้น
ล่าสุดเราก็ได้คุยกับเขาอีกที ก็คือที่นิติเวช ตอนที่จะไปดูศพ เราคิดว่าเขาจะไปดูศพ แต่เขาไปนั่งทำอะไรไม่รู้ค่ะ เขาไม่ได้ไปดู เขาบอกว่านิติเวชปิด แต่จริงๆ เขาไปก่อนดิฉันอีกค่ะ พอรู้ว่าเห็นศพโม เขาก็ไปนั่งรอ ไม่ทราบว่าไปรอทำไม ไปรอเพื่อจะรู้ข่าว หรือว่าไปรอเพื่อจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หรือไปรอเพื่อที่จะรู้ว่า บาดแผลมันเป็นยังไง อยากรู้ว่าเขาไปรอทำไมเหมือนกัน เพราะเขาไปรอก่อน
ถามว่ายังสงสัยอะไรในตัวกระติก คือสงสัยว่าทำไมไม่พูดความจริงเท่านั้นเอง คือยังมีความเชื่อว่า สิ่งที่เขาเล่ามาเนี่ย มันไม่ใช่ทั้งหมด มันอาจจะเป็นแค่บางส่วนบางตอน เพราะว่าเราแปลกใจตั้งแต่วันนั้นแล้ว อันนี้เราพูดกันแบบเปิดเผยเลยนะคะ คือตั้งแต่เราไปถึงท่าเรือ ตอนแรกก่อนเราจะไป เขาก็บอกว่าไม่ต้องไป เขาให้เหตุผลว่าเราเป็นนักข่าว มันฟังไม่ขึ้นเลย ยิ่งเป็นนักข่าวแล้วจะปิดทำไม เขาก็เป็นผู้จัดการ เป็นนักข่าวสิยิ่งดี เพราะจะได้ไปช่วยค้นหา แต่เขาบอกเราเป็นนักข่าว ให้เรากลับบ้านไป มาช่วยอะไรไม่ได้ พอฮิปโปไปเขาก็บอกให้กลับไปเหมือนกันค่ะ
น้ำเสียงเขาก็เหมือนคนกลัว มากกว่าที่จะเป็นเสียงร้องไห้ เสียงมันเหมือนคนกลัว แบบวิตกกังวลอะไรไม่รู้ค่ะ เราก็ยังมีข้อสงสัย เราถึงได้ไปถึงที่สถาบันนิติเวช เพื่อจะไปถามเขากับปาก ซึ่งเขาก็ตอบหมดเลยค่ะ ตอบชัดเจนเลยค่ะ ว่าเขาไล่เรากลับบ้าน เพราะเราเป็นนักข่าว ถ้าเราเป็นอาชีพอื่นคงให้เราอยู่ต่อ เราก็ถามเขาว่า เล่ามาทั้งหมดเนี่ยจริงใช่ไหม สาบานหน่อยสิ เขาบอกเขาไม่จำเป็นต้องต้องสาบานให้เธอสบายใจ
อันนี้พูดได้อีกใช่ไหมคะ เขา (กระติก) บอกเขาก็โกรธเหมือนกัน ที่ทำไมโมจะตายทั้งที ต้องมาทิ้งภาระไว้ให้ฉัน อันนี้ไม่เคยพูดเลยนะคะ แต่ว่าวันนั้นคนอยู่เยอะหลายคน ก็คิดว่าน่าจะมีคนเป็นพยานให้ได้ดิฉันได้ เขาบอกว่าทำไมจะตายทั้งที ต้องมีปัญหาเอาไว้ให้ฉันด้วย”
ส่วนเรื่องการรับงานกินข้าวหรืองานเอ็นเพื่อนไม่รับแน่นอน ถ้ารู้ต้องโวยวายแล้ว
“ถ้าโมรู้ว่าต้องเจออะไรแบบนั้น โมก็จะวี้ดว้าดแบบไม่ยอมอย่างแรงแน่นอน เพราะโมเป็นคนที่ไม่ยอมอ่อน ยอมหักไม่ยอมงอ คือฆ่าฉันเถอะ ถ้าจะให้ทำอะไรแบบนั้น คือโมเป็นคนนิสัยแบบนั้น เขาแอนตี้เรื่องแบบนี้ ถ้าเกิดเขาเป็นคนที่รับงานแบบนี้ เขาคงไม่มีฐานะที่แบบปานกลางอะค่ะ
เขาไม่มีทางยอมแน่นอน เขาจะต้องบอกว่าเอาเรือขึ้นฝั่ง เขาจะต้องรีบกลับ มีคนบอกว่าเขาเมามากไหม คืออีกวันหนึ่งเขาต้องไปออกรายการของพี่คิ้ม (เจนนิเฟอร์ คิ้ม) เขาต้องร้องเพลง เขาไม่มีทางดื่มเยอะ ดื่มหนัก อีกประเด็นหนึ่ง คือการกลับบ้านดึกขนาดนี้ผิดวิสัย ปกติแล้วมีงานเช้าเขาจะรีบกลับไปนอน เพราะเขาจะทานยานอนหลับ แล้วเขาจะนอนเลย มันผิดวิสัย หนูเพิ่งไปล่องเรือกับเขามาวันที่ 15 หกโมงขึ้นเรือ สองทุ่มเรือจอด หนูยังชวนโมกินไรต่อไหม อีกวันหนึ่งไม่มีงานด้วย เขาบอกไม่เอา เดี๋ยวนี้ฉันนอนเร็ว”
เรื่องแชตที่คุยกัน ในเวลาที่น่าจะตกน้ำไปแล้ว มันยังย้อนแย้งกัน ไม่เชื่อว่ากระติกไม่รู้พาสเวิร์ด
“มันย้อนแย้งกันไปหมด กระติกเคยบอกหนู ว่าเขาเข้าโทรศัพท์โมไม่ได้ แต่ไม่เชื่อเลยค่ะ เพราะว่าฮิปโปยังเข้าได้เลย เขาเป็นคนที่บอกพาสเวิร์ดกับคนรู้จัก”