ทำเอาคนที่อยู่ในเหตุการณ์ และดู Live ผ่านสื่อต่างๆ แทบหยุดหายใจ สำหรับวินาทีขณะที่ “กระติก”นำพวงมาลัยมากราบขอขมา “ภนิดา ศิริยุทธโยธิน”คุณแม่ของนางเอกสาว “แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์”ที่ สน.เมืองนนทบุรี เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ซึ่งตั้งแต่วันที่เกิดเหตุแตงโมพลัดตกเรือกลางแม่น้ำเจ้าพระยา วันนี้เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้มีโอกาสพบหน้ากัน
ในขณะที่แม่ของแตงโมยินดีรับพวงมาลัยขอขมาจาก “ไฮโซปอ ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์”และ “โรเบิร์ต”ก่อนที่ทั้งสองคนจะก้มกราบเท้าแม่และสวมกอดกัน พร้อมสัญญาว่าจากนี้จะดูแลแม่ให้ดี เหมือนเป็นลูกชายอีกคน แต่งานนี้มีเงิบ เมื่อถึงเวลาที่กระติกนำพวงมาลัยมายื่นให้แม่เพื่อขอขมา แต่แม่ไม่รับและได้ยื่นคืน พร้อมยกมือ พูดว่า “หยุด เดี๋ยวแม่ถามกระติกเอง”ก่อนเถียงกันสนั่น
แม่ : “คุณแม่จะถามกระติกเองค่ะ แม่ขอถามนะคะ คุณแม่ยังไม่ได้รับพวงมาลัยของน้องกระติก คุณแม่ขอถามก่อนว่า วันนี้วันที่ 4 แล้ว หนูไม่เคยติดต่อคุณแม่เลย ว่าโมตกน้ำ ด้วยเหตุใด ติกมีปัญหาอะไรคะ ปิดบังอะไรไว้ หนูรู้ว่าคุณแม่รักลูกแค่ไหน แล้วพ่อก็ไม่อยู่ เขาก็รักคุณแม่มาก แล้วหนูมีปัญหาอะไรถึงไม่บอกคุณแม่ ลูกแม่ตกน้ำ บอกคุณแม่สิ”
กระติก : “หนูขอโทษจริงๆ หนูก็ควบคุมสติไม่ได้ หนูเสียใจ หนูเสียใจจริงๆ ที่ไม่ได้โทร.หาแม่เป็นคนแรก หนูยอมรับอันนี้ หนูสติแตกมากๆ หนูเสียใจค่ะ กับการจากไปของโม”
แม่ : “นี่วันที่ 4 แล้วนะคะ เราเห็นกันมาตลอด เพราะหนูเป็นผู้จัดการแตงโม ถูกไหมคะ แล้วทำไมถึงพูดว่าไม่บอกคุณแม่ เพราะคุณแม่ไม่ใช่นักประดาน้ำ”
กระติก : “หนูสื่อสารไม่เก่ง คุณแม่ก็รู้ว่าหนูสื่อสารไม่ได้จริงๆ ณ ตอนนั้นหนูสติแตกค่ะแม่ หนูไม่รู้จะคุยกับแม่ยังไง ไม่รู้จะเริ่มยังไง หนูเสียใจ หนูยอมรับ หนูยอมให้แม่ว่าหนู แต่หนูเสียใจจริงๆ”
แม่ : “วันนี้มีท่านสื่อมวลชนเยอะแยะเลย คุณแม่ไม่เห็นกระติกร้องไห้สักครั้งเดียวเลย จริงๆ กระติกนี่ต้องร้องไห้ฟูมฟายด้วยซ้ำไป”
กระติก : “หนูเป็นมนุษย์นะ หนูขออธิบายนะ การแสดงออกต่างกันนะแม่ หนูอยู่ผู้คนเดียว หนูร้องไห้ฟูมฟายได้ แต่หนูอยู่ต่อหน้าคนอื่นอย่างนี้ หนูทำไม หนูพูดจริงๆ หนูเสียใจ”
แม่ : “คุณปอยังทำได้เลย”
กระติก : “อันนั้นคุณปอแม่ แม่ต้องเข้าใจหนูด้วยนะ ว่าหนูเป็นคนแบบนี้ หนูอธิบายไปแล้ว ถ้าหนูอ่อนโยนกว่านี้ มันก็คงจะดีกว่านี้ใช่ไหมแม่ แม่อยากเห็นอย่างนั้นใช่ไหม”
แม่ : “ไม่ใช่ๆ แม่พูดตรงๆ นะ ปิดบังอะไรไว้หรือเปล่า”
กระติก : “หนูไม่ได้ปิดบังอะไร”
แม่ : “เอาน้องโมไปทำอะไร”
กระติก : “คุณแม่ คุณแม่คุยกับตำรวจนะคะ หนูให้ปากคำกับตำรวจไปหมดแล้ว วันหนึ่งความจริงกระจ่าง คุณแม่จะรู้เอง วันนี้ตอบอะไรให้ไม่ได้ หนูพูดได้ว่าหนูไม่มีอะไรปิดบังคุณแม่เลย หนูอยากให้โมตื่นมานะ จะได้มาอธิบายกับแม่ ว่ามันเกิดอะไร แต่โมเขาไม่ตื่นขึ้นมาแล้ว ทุกวันหนูนอนคิดถึงโม”
แม่ : “กระติกอธิบายสิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
กระติก : “หนูให้ปากคำกับตำรวจไปหมดแล้ว หนูชวนโมไปลงเรือเท่านั้นเอง แล้วเขาเดินไปฉี่ โดยที่เขาไม่ได้บอกหนูด้วยซ้ำ เห็นอีกทีคือเขาตกไปแล้ว อันนี้คือสั้นๆ แล้วก็ได้ใจความเลยแม่ ทำไมหนูถึงรู้สึกว่า สังคมลงโทษหนูขนาดนี้ หนูชวนเพื่อนไปนั่งเรือ คิดถึงเขาในแง่ดี เฮ้ย…ไปนั่งเรือดีๆ สวยๆ แต่มันเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน หนูไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้น หนูพูดก็เหมือนหนูมานั่งอธิบายแก้ตัว แต่มันคือเรื่องจริง เรื่องที่จริงกว่านี้ไม่มีอีกแล้วแม่ มันไม่มีจริงกว่านี้อีกแล้ว ให้หนูเล่าเป็นพันๆ ครั้งมันก็คือเรื่องจริง”
แม่ : “หนูไม่ได้ดูแลน้องโมในฐานะผู้จัดการใช่ไหม คุณรู้ไหมว่าการเป็นผู้จัดการดาราที่ดังเนี่ย เขาดูแลกันยังไง คุณนั่งเล่นโทรศัพท์ คุณไม่ได้ดูแล ว่าน้องโมจะปวดปัสสาวะ จะไปฉี่ตรงไหน”
กระติก : “คุณแม่…เขาไม่ได้บอกใครเลย ตามให้การคือเขาไม่ได้บอกใครเลย ทุกคนเป็นพยานให้ได้ มีแซนคนเดียวที่รู้ เพราะว่าหนูก็ยืนใกล้ปอกับพี่เบิร์ต เขาไปตอนไหนเรายังไม่รู้เรื่องกันเลยแม่ รู้อีกทีคือได้ยินเสียงตะโกนมาว่า เฮ้ย โมตกน้ำ ให้หนูอธิบายกี่ทีหนูก็พูดได้แค่นี้ เพราะหนูรู้แค่นี้จริงๆ แม่ หนูรู้แค่นี้จริงๆ”
แม่ : “แล้วหนูทำอะไรอยู่คะ”
กระติก : “หนูดูวิวแม่ คือ…ในใจหนูนะ หนูมีสองหมวกเนาะ หนึ่งคือหนูเป็นเพื่อนเขา สองคือผู้จัดการ วันนั้นเราไปเที่ยวกัน เราไม่ได้ทำงาน ถ้าวันนั้นเป็นการทำงาน เราดูแลนักแสดงอย่างดี โอเคตรงไหน เอาอะไร คุยกับทีมงาน แต่วันนั้นเราชวนกันไปเที่ยว ไปถ่ายรูป หนูไปในฐานะเพื่อน ถ้าหนูเป็นผู้จัดการ แล้ววันนั้นมีเหตุการณ์แบบนี้ โอเคหนูยอมรับนะ หนูทำงานตรงนั้นได้ไม่ดี แต่เราเป็นเพื่อน หนูก็มีสิทธิ์ที่จะแบบ เที่ยวของหนู สักกี่นาทีของหนู หนูว่าเขาก็ไม่ได้สนใจหนูด้วยตอนนั้น
หนูพูดตรงๆ หนูอยากให้แม่เข้าใจในมุมของหนู จะโทษหนูยังไงก็ได้นะ แต่หนูพูด อันนี้คือจริงที่สุดแล้ว หนูก็ไม่รู้จะพูดยังไง ถ้าให้พูดกว่านี้คือมันไม่จริงแล้วแม่ หนูอยากให้โมไปเข้าฝันแม่นะ แล้วอธิบายเหตุการณ์นั้นให้แม่ฟังด้วยตัวเอง ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่มันทำแบบนั้นไม่ได้ ต้องเป็นหนูที่มานั่งอธิบายเองหนูเข้าใจ เหมือนแม่ก็ไม่เชื่อ เพราะหนูออกมาช้าเอง ตอนนี้หนูผิด หนูผิดเลยนะสองอย่าง หนูไม่โทร.หาแม่ แล้วอีกอย่างหนึ่งคือหนูไม่กล้าพอที่จะเจอแม่ แล้วก็ช้าไปเกือบทุกเรื่อง หลายวันแล้วยังไม่โทร.”
แม่ : “วันนี้วันที่ 4 วันที่ไปที่นิติเวช เราก็ไป แม่ไม่เห็น แต่มีคนเห็นว่าหนูไป เราก็อยู่ใกล้กันแค่นั้น คุณแม่ไปดูศพน้อง แต่หนูไม่เข้าไปดูศพน้อง”
กระติก : “หนูไม่เข้า เพราะว่าเจ้าหน้าที่บอกว่าปิดแล้ว ปิดแล้วค่ะคุณแม่ หนูมีพยานค่ะ”
แม่ : “หนูนั่งอยู่ตรงนั้นนานแล้ว ตอนพวกเพื่อนๆ เข้าไปดูเนี่ย เขาก็แห่กันเข้าไปดูทั้งหมด ทำไมหนูไม่เข้าไปดู”
กระติก : “แม่ให้หนูจำภาพโมแบบดีๆ เถอะแม่นะ หนูไม่ได้อยากเข้าไปนะแม่ ให้โมมันไปจากหนู ให้จำภาพดีๆ แม่”
แม่ : “โอเคตรงนั้นที่คุณพูดนี่ก็ถูกต้อง แต่ว่ามันเป็นการแสดงออกซึ่งความแปลกประหลาด มหัศจรรย์สำหรับคุณแม่มาก กระติกเป็นแม่อีสเตอร์ แม่ก็รักอีสเตอร์ลูกคุณ คุณแม่ซื้อเปียโนวันเกิดจำได้ไหม คุณแม่ซื้อเปียโนให้อีสเตอร์ แล้วกระติกเป็นอย่างนี้กับคุณแม่ได้ยังไง(ร้องไห้) น้องโมตกเรือ 5-10 นาที หรือครึ่งชั่วโมงหนูโทร. แม่ก็จะให้อภัยนะ แต่นี่ 4 วันเราถึงได้เจอกัน วันที่เจอศพน้องโมก็ไม่เห็นคุณ จะให้คุณแม่คิดยังไง คุณมีอะไรปิดบังคุณแม่หรือเปล่า”
กระติก : “หนูขอโทษ หนูไม่ได้มีอะไรปิดบังเลยค่ะแม่ ไม่มีอะไรสักนิดหนึ่ง อย่างที่หนูอธิบายแม่ไป คือหนูยอมรับว่าหนูช้า แล้วหนูก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หนูก็โดนสังคมลงโมทุกวันนี้ เพราะสิ่งที่หนูไม่กล้า ไม่กล้าที่จะโทร. นึกไม่ทัน ช็อก ตั้งสติไม่ได้”
แม่ : “แต่หนูไปที่อู่เรือได้นะ น้องโมตกน้ำ แต่หนูไปที่อู่เรือพี่ปอเขาได้”
กระติก : “สิ่งที่หนูบอก หนูคิดแต่การค้นหาไงแม่”
แม่ : “ตอนหนูอยู่ที่อู่เรือ คุณแม่มาที่ท่าน้ำ”
กระติก : “หนูไม่รู้ หนูไม่รู้เลย หนูไม่รู้ค่ะแม่”
แม่ : “รู้สิ มีเด็กๆ ของคุณมาเชิญคุณแม่ไปอีกท่าน้ำหนึ่ง”
กระติก : “หนูไม่รู้ค่ะ คุณแม่เราเถียงกันแบบนี้มันไม่จบหรอก”
แม่ : “คุณแม่ไม่ได้เถียง แม่แค่อยากจะเล่าความในใจของคุณแม่ ที่แม่สงสัย แล้วหนูจะตอบความจริงหรือความเท็จก็ตาม มีอยู่ในสำนวนคดีที่ตำรวจมีแล้ว แม่แค่อยากจะเห็นหนู คนๆ นี้เหรอที่บอกว่ารักลูกคุณแม่ เป็นผู้จัดการลูกคุณแม่ เมื่อลูกแม่ตาย หนูยังไม่ไปดูศพเลย ทำไมไม่ช่วยน้องโม”
กระติก : “แม่หนูช่วย แม่ถามเพื่อนๆ หนูโทร.หาพี่โบไง”
แม่ : “โมตกไปลึกแล้ว จะโทร.หาพี่โบทำไม”
กระติก : “เพื่อนๆ เขาก็ช่วยกันตามหา ในคลิปก็มีเราวนกันตามหาหลายรอบนะแม่นะ เราทำจนสุดความสามารถ ตะโกน โม โม จนสุดเสียงเลย”
แม่ : “คนตกไปในน้ำ ไปตะโกนเขาจะได้ยินไหม”
กระติก : “ก็จะให้หนูทำยังไงแม่”
แม่ : “กระโดดลงไปสิ”
กระติก : “แม่!”
แม่ : “กระโดดลงไปช่วยก็ได้ ถ้าคุณว่ายน้ำเป็น”
กระติก : “หนูว่ายน้ำไม่เป็นแม่”
แม่ : “อันนี้ไม่ทราบ คุณต้องแสดงความช่วยเหลือ คุณปล่อยให้น้องโมลงไปในน้ำ”
กระติก : “คุณแม่หนูเสียใจนะ”
แม่ : “ในปอดเนี่ยเขาเต็มไปด้วยทราย เขาลงไปถึงพื้นดินพื้นทรายเลย เขาพยายามตะเกียกตะกายนะ”
จากนั้นกระติกก็เอาพวกมาลัยกราบที่ตักแม่ แล้วแม่ก็รับไว้ ก่อนจะกราบเท้าแม่ และพนมมือไหว้อีกครั้ง
พี่ชาย : “พี่จะบอกให้นะ ที่พวกเราพูด ที่เราเสียใจ เราเป็นเพื่อนใช่ไหม แต่พี่กับแม่เป็นคนในครอบครัว พี่จะเสียใจมากกว่าพวกเราขนาดไหน เราลองคิดดูนะ คำเสียใจของพวกเรา มันเท่ากับคนในครอบครัวไหม”
แม่ : “คุณแม่ให้อภัยพี่ปอแล้วก็พี่เบิร์ตนะคะ แต่กระติกคุณแม่ยังไม่ให้อภัย จนกว่าคดีนี้จะสิ้นสุด จะพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ได้มีความผิดแล้วสิ่งที่สำคัญ คือแม่ขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่านเลย ที่มาทำข่าวคุณแม่ ตั้งแต่แรก แล้วก็สุภาพเรียบร้อย โทร.ไปหาคุณแม่ก็น่ารักและให้เกียรติคุณแม่ คุณแม่ก็ให้เกียรติพวกคุณทุกคนด้วย แม่ขอบคุณมากเลยค่ะ แล้วข่าวที่เอาไปลงก็เร็วมาก ขอบคุณมากๆ เลยที่ช่วยเผยแพร่สิ่งนี้ ซึ่งเราก็ยังไม่ทราบ ว่ามันเป็นความผิดข้อไหน แต่มันเป็นความผิดอยู่แล้วล่ะ เราต้องรอตำรวจ แม่ก็ขอขอบคุณทุกท่าน สำคัญที่สุดคือขอขอบคุณท่านตำรวจที่สภ.เมืองนนทบุรีนี้ทุกท่านเลย ที่ให้การดูแลเอาใจใส่คุณแม่อย่างดี ให้คำแนะนำทุกสิ่งทุกอย่าง ที่คุณแม่นิ่งๆ ได้อย่างนี้ เพราะคุณตำรวจเป็นคนแนะนำให้คุณแม่นิ่งๆ ปกติคุณแม่ไม่ได้เป็นคนนิ่งๆ อย่างนี้นะคะ”
เผยไม่รู้จัก “แซน” กับ “จ็อบ” เลยปล่อยให้เป็นหน้าที่ตำรวจ แต่ให้อภัย “ปอ” กับ “โรเบิร์ต” ส่วน “กระติก” ขอยังไม่ให้อภัย อยากรอจนสิ้นสุดคดี ให้พิสูจน์ได้ก่อน ขอบคุณตำรวจและสื่อมวลชนที่ช่วยทุกอย่าง
แม่ : “ไม่รู้จักค่ะ ก็เลยไม่ทราบว่าจะยังไง แต่คุณปอนี่ได้คุยกันหลายครั้งแล้ว คุณปอได้พยายามแสดงความขอโทษหลายครั้งกับคุณแม่ ประมาณ 4-5 ครั้งได้ พยายามติดต่อ แต่คุณแม่ไม่รับสายเอง ทีนี้แม่ก็ตัดสินใจ 9 โมงเช้าเขาโทร.มา แม่ไม่ได้รับ มีท่านรองฯ แนะนำคุณแม่ว่าคุยกันไปเถอะ มันจะดีกว่าที่เราไม่คุยกัน จะให้อภัยหรือไม่ให้อภัย อยู่ที่ใจเรา เขามีความผิดอยู่แล้ว แต่ถ้าเขาอยากขออภัย เราก็ควรจะคุยกัน ควรจะให้อภัยเขา อยู่ที่ใจคุณแม่ เพราะฉะนั้นก็มีบางคนที่คุณแม่ให้อภัย และบางคนที่ไม่ให้อภัย ส่วนอีก 2 ท่าน คุณแม่ไม่รู้จักค่ะ เรื่องรูปคดีแม่ก็ไม่ได้ติดตามเลย แม่ตามเรื่องน้องโมอย่างเดียว วันนี้ก็ไปดูน้องมา เป็นภาพที่สงสารมาก น้องโมสวยๆ (ร้องไห้) ตอนนี้มันเปลี่ยนไปเยอะแล้ว เปลี่ยนไปเยอะมาก ทุกวันนี้ก็ยังทำใจไม่ได้ คงอีกนานค่ะ”
พี่ชาย : “ก็ขอบคุณทางตำรวจทุกท่านที่ช่วย แล้วก็สื่อมวลชน และขอบคุณคุณปอ คุณเบิร์ต และคุณกระติก ที่มาในวันนี้ มาขอโทษคุณแม่ ตอนนี้ผมไม่มีอะไรจะพูด ผมได้แต่ขอบคุณทุกคนจริงๆ ขอบคุณมากครับ”