หลังจากเกิดข่าวการสูญเสียนักแสดงสาว “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” จากการพลัดตกเรือดลางแม่น้ำเจ้าพระยา สองเพื่อนสนิทและผู้ดูแล เชียร์ ทิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์ , โม อมีนา พินิจ และ ฮิปโป ฉันท์ชนะ ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องทั้งหมดทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บSHOW ออกอากาศทางช่องวัน 31 โดยทั้งหมดไม่ปักใจเชื่อว่า แตงโมจะไปปัสสาวะที่หลังเรือ และวอนขอให้เกิดความยุติธรรมในเรื่องนี้กับแตงโมด้วย
ทราบข่าวได้ยังไง?
ฮิปโป : “จากพุดเดิ้ลเลขาพี่แอนนาโทร.มาถามว่าพี่โมตกน้ำหรอ เราคิดว่าเป็นเฟกนิวส์ที่ดาราจะโดนกัน ไม่เกิน 15 นาทีพุดเดิ้ลโทร.กลับมาอีกรอบ ปลายสายได้ยินเสียงพี่แอนนา พุดเดิ้ลบอกว่าเจ๊จริงนะ พี่กระติกบอกว่าตกจริงๆ ได้ยินเสียงรู้ว่าตกที่สะพานพระราม 7 แม่น้ำเจ้าพระยา ความรู้สึกแรกคือใจเราร่วงอยู่ตาตุ่ม เรารู้ว่าแม่น้ำเจ้าพระยาต่อให้ใครตกไปทีมชาติไทยก็ตามยากมาก เพราะกระแสน้ำในช่วงกลางคืนมันเชี่ยวมาก พี่แอนนาบอกว่าให้รีบมาที่เกิดเหตุก่อนไม่รู้อยู่ตรงไหนแต่ให้รีบมาก่อน ก็รีบขับรถออกมาเลยตามหา วนหาเกือบครึ่งชั่วโมงก็มาเจอกับโม อมีนาพอดีตอนนั้นประมาณเกือบเที่ยงคืน”
โม : “กำลังจะปิดไฟนอน กลุ่มพี่เอ ศุภชัยโทร.มาว่าพี่โมตกน้ำ เราก็บอกไม่ใช่มันอยู่ภูเก็ต เช็กไปเช็กมามันลงรูปดีเลย์นิ เลยโทร.หาพี่ฮิปโปก่อนว่าอยู่ไหนเดี๋ยวไป ก็วนหากัน วนทุกท่าเรือ”
วนหาทุกท่าเรือ ทำไมไม่โทร.ไปถามคุณกระติก?
โม : “ไม่รับสาย ไม่รับสายใครเลย”
ฮิปโป : “ไม่รับสาย ส่วนโลเกชั่นเราได้จากการที่นักข่าวไลฟ์สด สิ่งแรกที่เราไปคือเราจะไปหาพี่กระติกก่อน ดูว่าเขารู้สึกยังไง เพราะเรารู้สึกว่าคนที่อยู่เหตุการณ์ต้องช็อกตกใจที่เป็นเพื่อนสนิทแน่ๆ”
เจอคุณกระติก?
โม : “ไม่เจอ”
ฮิปโป : “ไม่เจอ เราก็เดินคุยกันมาเอาไงต่อ ไม่มีใครเลย”
โม : “มีแต่เจ้าหน้าที่ เขาเหมือนงมเข็มในมหาสมุทรในแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่รู้จุดเลย ปกติเขาจะมีเส้นทางการเดินเรือ อย่างน้อยถ้าพวกคุณแจ้งเจ้าหน้าที่เขาจะได้รู้ว่าช่วงไหน แต่นี่เขาวนหาทั่ว”
เขาบอกเจ้าหน้าที่มาช้า?
โม : “เจ้าหน้าที่เยอะมาก”
ฮิปโป : “นักข่าวถึงแล้ว เจ้าหน้าที่ถึงแล้ว เราว่าไม่ช้าเลย เพราะตรงนั้นที่เราไปถึงเกือบเที่ยงคืน ตรงนั้นคือเยอะมากมองหาใครไม่เจอ น้องที่เป็นช่างแต่งหน้าประจำพี่โมเดินมาบอกว่าพี่เงียบๆ นะ ให้เราเดินไปท่าเรือบางศรีเมือง”
โม : “ไปแล้วเจอพี่เบิร์ตคนเดียว”
ฮิปโป : “ไปถามพี่เบิร์ตว่าพี่ติกละ เขาบอกไม่รู้ครับ เขาอยู่คนเดียว มันสะเทือนใจตรงที่พี่เบิร์ตถามกู้ภัยว่าพี่เจอหรือยัง พี่ทำยังไง”
โม : “พี่ผมขอลงเรือด้วยได้ไหม ไปช่วย พี่ผมขอร้อง โมทำอะไรไม่ถูกเลย”
เจอกระติกตอนไหน?
โม : “ไม่เจอ”
ฮิปโป : “เราส่งโลเกชั่นให้เพื่อนทุกคนที่ท่าเรือบางศรีเมือง ตี 1 กว่าๆ พี่กระติกตอบไลน์มาในกลุ่มทำงานของแตงโมว่าไม่ใช่จุดจมน้ำ เราถามว่าแล้วแม่อยู่ไหน เขาบอกกลับไปรอที่บ้านเลย เราถามว่าแม่กลับไปรอที่บ้านทำไมเราอยู่กับพี่เบิร์ต”
ถ้าแค่เพื่อนร่วมงานไปด้วยกัน จะอยู่จนหาร่างเขาเจอไหม?
โม : “โมอยู่กันยันเกือบ 6 โมงเช้า”
ฮิปโป : “ปูเสื่อนอนอยู่ข้างโป๊ะนั้นเลย พวกเราก็โดนนะ มึงเป็นนักประดาน้ำเหรอ ช่วยอะไรเขาได้ ไปรอที่บ้าน”
ตอนที่กระติกโทร.หาน้ำเสียงเป็นอย่างไรบ้าง?
โม : “เย็นชามาก”
ฮิปโป : “เราไปเจอตัว พอบอกว่าเราอยู่กับพี่เบิร์ตพี่กระติกเลยโทร.หา เราถามว่าแม่อยู่ไหนจะไปหา เขาอธิบายโลเกชั่น เราเดินสวนกับพี่เปิ้ล - พี่จูนที่กำลังมาช่วย มีทั้งหมด 3 คนไปด้วยกัน เขาบอกเส้นทาง ช่วงตี 1 กว่าๆ ลงรถมาเจอแก๊งเพื่อน 5 คนของเขา เราถามว่าพี่กระติกอยู่ไหนคะ เขาเลยสวนถามเราว่าแล้วคุณเป็นใคร เราบอกว่าเป็นผู้จัดการแตงโมนะ เขาเลยชี้ให้ไปหาพี่กระติก เราวิ่งเข้าไปคุยถามว่าพี่กระติกเกิดอะไรขึ้นทำไมโมถึงตกน้ำ เขาบอกว่าโมบอกว่าปวดเยี่ยว ไปเยี่ยวท้ายเรือ แล้วพลัดตกน้ำ แล้วพี่เห็นไหมว่าตกยังไง เขาบอกไม่เห็นกูอยู่หน้าเรือ กูไม่รู้เรื่องอะไร กูไม่เห็นๆ พูดไม่เห็นอย่างเดียว”
เค้าร้องไห้มั้ย?
ฮิปโป : “เขาอาการเคร่งเครียดแต่ไม่ได้มีน้ำตา รู้ว่าเครียดแต่ไม่มีน้ำตา เหมือนมีอะไรสักอย่างอยู่ในใจ”
ตอนที่โทร.ไปน้ำเสียงเขาเป็นยังไง?
โม : “เขาไม่รับสายโมตั้งแต่แรก แต่วันที่เจอร่างพี่โม เราไปอยู่นิติเวชตลอด ก็เจอพี่ติกที่นิติเวช พี่ติกร้องไห้เข้ามากอดหนูแล้วบอกว่า โมกูขอโทษนะที่ไม่ได้บอก ขอโทษจริงๆ ไม่รู้จะทำยังไง ทำไม่ถูกแล้ว เราก็กอดเสร็จแล้วก็เดินออกมาโทร.หาฮิปโปเลยว่ามาที่นี่ เอาพี่แอนนามาด้วย กระติกอยู่นี่เร็วๆ พวกเราไม่เคยคิดว่าจะเจอกระติกตรงนี้เพราะว่าเราไม่เคยเจอตัวเลย เราไม่รู้เลยว่ากระติกทำอะไรอยู่ไหน อยู่ตรงไหน ตอนไหน เขาไปนิติเวชแต่เขาไม่ได้เข้าไปเจอพี่โมเหมือนที่พวกเราเข้าไปเจอ เราตั้งใจไม่ชวนด้วยแหละ เรารับไม่ได้ แต่เราไปไหว้เจ้าหน้าที่ว่าหนูขอ”
เห็นไลฟ์กระติกและแซนรู้สึกยังไงบ้าง?
เชียร์ : “ไม่โอเคเลยค่ะ เรารู้สึกว่าปกติความสมเหตุสมผลหรือความจริงมันจะมีเหตุและมีผลที่ไม่ว่าพูดยังไงมันเชื่อมกันได้หมด เชียร์รู้สึกว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นมันหาเหตุและผลไม่เจอ ไม่ว่าจะเป็นกี่ข้อความ กี่เรื่อง กี่เหตุการณ์ พอเอามาเรียงกัน มันเรียงกันไม่ได้เลย”
สนิทกันมานาน คิดว่าคนอย่างแตงโมจะไปฉี่ท้ายเรือไหม?
เชียร์ : “คนเราแล้วผู้หญิงเป็นประจำเดือนด้วย อันนี้ข้อมูลที่เรารู้กันมา ตามภาพที่เห็นด้วย”
โม : “สำหรับโม พี่โมเป็นคนอั้นฉี่ได้เก่งมากและเป็นคนฉี่เป็นที่เท่านั้น”
ฮิปโป : “ถ้าจะฉี่จริงๆ ไม่ไหวแล้ว เขาต้องอยู่กับคนที่เขาสนิทมากจริงๆ”
ชุดมีแป๊กไหม?
ฮิปโป : “เราไปคุยกับพี่ไทด์ เอกพันธ์ ที่เป็นคนพบศพ ก็คือเรียกว่าเป็นชุดว่ายน้ำ ไม่มีแป๊กเลย”
โม : “เราตัดเรื่องการปัสสาวะออกเลย ข้างหลังมีใบพัดพี่เราโดนใบพัดทั้งร่างแล้วค่ะถ้าอย่างนั้น อีกอย่างพี่โมฝังยาคุม มีประจำเดือนอะไรก่อน เราเป็นคนรู้”
ใครขอให้แม่ปิดข่าวใครเป็นคนพูด?
ฮิปโป : “หนูเอง มันอาจจะเป็นการเข้าใจผิดทางแม่และเรา หลังจากที่เจอพี่กระติกทราบเรื่องหมดแล้ว เราก็ย้ายทุกคนคุยกันว่ามาที่โป๊ะพระราม 5 ก็นั่งคุยกัน เห็นเขากำลังไลฟ์สดแม่พี่โม เราเลยบอกนุชไปรับแม่ดีกว่าเพราะแม่ยังไม่รู้เรื่องอะไรที่เรารู้มา แม่ต้องได้ความจริงข้อนี้จากเราก่อนเพราะเราเป็นคนไปตามเรื่องมาว่าเรื่องเกิดขึ้นอะไรบ้าง แม่จะได้วิเคราะห์ พิจารณา แล้วไปตอบคำถามนักข่าวถูกต้อง พอนุชไปถึงแม่น่าจะยังจำนุชไม่ได้ หรือเกิดจากการช็อกตกใจนุชบอกแม่จำหนูได้ไหม เชื่อใจหนูนะเดี๋ยวหนูพาไป พาไปคือมาเจอเรา สิ่งที่เราคุยคือแม่ขาหยุดให้สัมภาษณ์ก่อนนะคะ ตอนนี้แม่ยังไม่รู้ความจริง แม่ก็เลยพูดไปว่าทำไมให้แม่ปิดข่าว เลยบอกว่าไม่ได้ให้แม่ปิดข่าวแต่แม่ต้องมาฟังข้อมูลตรงนี้ก่อน ในฐานะเราเคยเป็นนักข่าวข้อมูลที่ถูกต้องสำคัญ”
ฟังกระติกสัมภาษณ์แล้วรู้สึกยังไง?
เชียร์ : “ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้ออกจากปากคนเป็นแม่เลยนะ คนเป็นแม่ควรจะเข้าใจดีที่สุดเมื่อลูกเราเกิดอะไรขึ้น แต่คำนี้ไม่ควรเกิดขึ้นเลย ไม่ควรออกมาจากปากของคนเป็นแม่เลย มีคำนึงที่เชียร์งงคือต้องไปเตรียมตัวกับการตอบคำถาม ย้อนกลับมาคำพูดเชียร์เลยคือความจริงมันจะเล่าได้ไม่ต้องเตรียมอะไรเลย อะไรมันสำคัญกว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเราอีกเหรอนั่นคือชีวิตนะ บวกไปอีกนั่นคือเพื่อนเรา”
คิดว่าไงที่เขาบอกเรื่องเงิน ที่เขาบอกถังแตก?
โม : “ไม่หรอกค่ะ จริงๆ กระติกมีงานประจำนะคะ”
ฮิปโป : “ถ้าเขาบอกว่าเงินเขาหาย เงินเราก็ต้องหายด้วยสิ แต่ทำไมเราไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย”
เชียร์ : “ตอนนี้ทุกอย่างสะท้อนไปตัวคุณหมด ไม่มีใครตัดสินอะไรจากสิ่งที่ไม่ได้ยินจากปากคุณ มันสะท้อนไปเพราะตัวคุณเอง”
ข่าวลือที่บอกว่ารับงานเอ็นฯ?
โม : “คอนเฟิร์มว่าพี่โมไม่มี แต่กระติกไม่รู้ค่ะ”
ฮิปโป : “คอนเฟิร์มโม เพราะว่าเราเคยถามกับแอนนา เขาเคยถามรับงานทานข้าวไหม แค่ทานข้าวธรรมดา มันง่ายจะตาย 50,000 บาท เธอก็ได้แล้ว สบายๆ แตงโมพูดว่า เธอเข้าใจไหม ว่าถ้าเรารับต่อไปเราก็ต้องรับไปเรื่อยๆ คนก็จะตราหน้าว่าคือดาราที่รับงานกินข้าว ฉันไม่ทำหรอก กลับกันถ้าเขารับงานทานข้าวเขาจะมีหนี้ไหม เขาจะต้องมานั่งไลฟ์สดขายของไหม เปิดท้ายขายของไหม”
ทำไมวันนั้นไม่ไปกับโม?
ฮิปโป : “ตารางการทำงานมันถูกเปลี่ยน เปรียบเทียบง่ายๆ พี่กระติกคือ MD คือผู้ถือคิวและรับงานทั้งหมด แอนนาคือ AE ที่เป็นคนขายงานโดยไม่หักเงินสักบาทเดียว ฮิปโปคือ AR คนดูแลศิลปินที่จะต้องไปงานทุกงานยกเว้นงานส่วนตัว เช่น พี่หนิงทานข้าวกับแตงโมหนูไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ ในตารางคือแตงโมกลับจากภูเก็ตหลังจากพักผ่อนเยี่ยมญาติถึงวันเสาร์ วันอาทิตย์แตงโมมีคิวสวอปจมูกเพื่อถ่ายละครในวันอังคารและวันพุธ ดังนั้นวันจันทร์แตงโมว่าง ในการพูดมาไม่มีเลยว่าแตงโมจะไปทำอะไร วันพฤหัสบดี เราทราบมาว่าโมมีไปทานกับพี่กระติกในการลงเรือ ในความเข้าใจลงเรือคือเรือสำราญ”
แตงโมไม่รับงาน แต่มีคนรับงานแทนหรือเปล่า?
โม : “อันนี้โมว่าความยุติธรรมบนโลกมันมีนะคะ ยังเชื่อในกฎหมายไทยอยู่”
ฮิปโป : “อันนี้ขอไม่ให้ความคิดเห็นว่ามีใครรับแทนไหม เพราะเราไม่รู้จริงว่า ณ โมเมนต์นั้นเขาทำอะไรกันบ้าง เขาแค่บอกเราว่าวันพฤหัสบดีพี่โมกับพี่ติกมีลงเรือไปทานข้าวนะ เพราะยังไงโมก็ต้องกลับมา วันศุกร์มีถ่ายรายการที่ต้องร้องเพลง”
เชียร์ : “ปาฏิหาริย์มันไม่เกิด แต่ขอให้ความจริงกับความยุติธรรมมันเกิดได้ไหม มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ กระบวนการเผยให้เรารู้สักทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันเกิดอะไรขึ้นกับพี่เรา”
ล่าสุดคุณแม่ออกมาบอกว่ามีหลักฐานที่ “แตงโม” ถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจ?
ฮิปโป : “อันนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับคุณแม่ มันเลยยังคลาดเคลื่อนเข้าใจผิด หลักฐานบางอย่างเราก็ไม่รู้จริงๆ”
โม : “หลังจากเจอร่างเรามืดแปดด้านกัน ไม่รู้จะทำยังไง มีเพื่อนจำนวนนึงมุ่งตรงไป สภ.นนทบุรีเลย เราไปนั่งคุยที่นั่นนานพอสมควรถึงจะรวมตัวไปนิติเวชต่อ”
ตอนที่ไป สภ.นนทบุรี กระติกอยู่แถวนั้นไหม?
โม : “ไม่อยู่ ไม่เห็น โมมาเจอที่นิติเวชแล้ว ล่าสุดเมื่อวานโมไปนิติเวชกับพี่เบิร์ตอีกรอบนึง พูดคุยกับพี่เบิร์ตนิดหน่อยแล้วก็แยกกัน จะมารับเขาอีกทีวันที่พี่เขาไปโบสถ์ค่ะ”
เวลา “แตงโม” รับงานเงินเข้าใคร?
ฮิปโป : “เข้าแตงโมค่ะ เราจะเข้าบัญชีนำเงินหัก 10% เพื่อไปทำบุญในทุกๆ การทำงานของโม”
เชียร์ : “ถ้าเป็นเงินสดเราไม่รู้แล้วนะ พูดกันตามตรง เรื่องนี้ขอให้ความยุติธรรมมันเกิดเถอะ มันนอกเหนือที่เราจะรู้กันได้แล้ว ต้องฝากกระบวนการจริงๆ”
ข้อความในใจถึงเพื่อนที่เรารัก?
ฮิปโป : “เขาเป็นคนพูดกับเราตลอดว่าคนจะรักเขาไหม ดาราอยากจะคุยกับเขาไหม เขาเป็นคนไม่มั่นใจเลย เขารู้สึกว่าทุกคนไม่รักเขา ถ้าเขาอยู่อยากบอกว่าทุกคนรักเขามาก สิ่งที่เกิดขึ้นเรารู้สึกว่าไม่สมควรเกิดกับเขา เขาผ่านอะไรมาเยอะมากๆ ทำไมต้องเจอเรื่องขนาดนี้ถึงกับต้องเอาชีวิตกันเลยหรอ แต่ถ้าเขาฟังอยู่อยากบอกว่าทุกคนรักเขามาก”
โม : “โมจะพูดกับพี่เสมอตั้งแต่เจอกันแรกๆ จนถึงทุกวันนี้ว่ามีอะไรให้บอก หนูไฝว้ให้ทุกอย่าง ทุกเรื่องไม่ต้องออกหน้าเองเลยเดี๋ยวทำให้ แต่ถ้าเมื่อไหร่มีความสุขมีชีวิตที่ดี พี่อยู่ของพี่ไม่ต้องนึกถึงหนูก็ได้ ไม่เป็นไรเลย ที่ผ่านมาโมไม่ได้เจอพี่เขาจะชอบโทษตัวเองตลอดว่า มึงหน้ากูยังไม่สวย คือเขาไม่ชอบให้ใครเห็นตอนที่เขาไม่สวย เขาสวยแล้วเขาถึงจะให้เจอ เมื่อมกราคมที่ผ่านมาโมเจอเขาบ่อยมาก โมบอกว่าถ้าหนูรับปริญญาโท พี่ต้องมา แต่พี่มาไม่ได้”
เชียร์ : “การจากลาเป็นเรื่องปกติมาก เราแค่ไม่คิดว่าคนๆ นึงที่ไม่เคยคิดร้ายกับใคร โคตรสู้ชีวิตมาตลอด สิ่งที่มันเกิดในห้วงสุดท้ายไม่คิดว่าเขาจะต้องเจอ มันหนักหนาสาหัสขนาดนี้ แต่แค่บอกว่าสิ่งที่พี่เป็นมันไม่สูญเปล่าเลยพี่ เชียร์เชื่อว่ามันจะตอบให้พี่ด้วยความยุติธรรมอะไรบางอย่างแน่นอน พี่อาจจะเคยพูดว่าทำไมต้องให้เกิดการสูญเสียก่อนคนถึงจะรักจะชื่นชม คนรักพี่อยู่แล้ว วันนี้มันมีค่ามากสำหรับพี่ การที่พี่เป็นพี่ไม่เสียเปล่าแน่นอน มันมีคุณค่าสำหรับพี่เสมอ”
โม : “ไม่ต้องกลัวเลย เพื่อนทุกคนสู้เพื่อพี่จนกว่าพี่จะได้ความยุติธรรมแน่นอน”