“กระติก - แซน” เคลียร์ปม “แตงโม” พลัดตกเรือ ยันแตงโมปัสสาวะท้ายเรือจริง ก่อนเสียหลักพลัดตกเรือ ไม่มีการผลัก ทะเลาะกันบนเรือ วอนให้สังคมเข้าใจถ้าทำแบบนั้นก็เหมือนตนทุบหม้อข้าวตัวเอง เงินก็หายไปเหมือนกัน ย้ำถึงใส่บอดี้สูทก็แหวกข้างฉี่ได้ ร่ำไห้โทษตัวเองดูแลเพื่อนไม่ดี “แซน” ยันวินาทีร่วงเกิดขึ้นเร็วมาก จนคว้าตัวไม่ทัน ก่อนย้อนสื่อพี่ไม่เคยปัสสาวะแบบใส่บอดี้สูทหรือ? ด้านตร.เผยออกหมายจับแค่ 2 คนเท่านั้นคือ “ไฮโซปอ-เบิร์ต” อาจต้องเข้าเครื่องจับเท็จในบางกรณี
กรณี “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์”พลัดตกเรือสปีดโบ๊ตจมในแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่คืนวันที่ 24 ก.พ. ก่อนต่อมาจะพบร่างลอยเหนือน้ำในวันที่ 26 ก.พ. ท่ามกลางกระแสคาใจของสังคมถึงสาเหตุการเสียชีวิตของนางเอกชื่อดัง ล่าสุดคนใกล้ชิดที่อยู่บนเรืออย่าง “กระติก อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์”ผู้จัดการส่วนตัว และ “แซน วิศาพัช มโนมัยรัตน์”ที่เห็นเหตุการณ์แตงโมตกเรือ ได้เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมที่สภ.เมืองนนทบุรี ในวันนี้ (27 ก.พ.) เบื้องต้นทั้งคู่ยืนยันตรงกันว่าแตงโม ปวดเบาจึงไปปัสสาวะที่ท้ายเรือ ตลอดการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน กระติกก็ร่ำไห้เป็นระยะๆ ลั่นไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ไม่มีเรืองการผลัก ทำร้ายบนเรือ เพราะตนก็คงไม่ทุบหม้อข้าวตัวเอง
กระติก: “เริ่มต้นคือปอเจ้าของเรือเขาเป็นเพื่อนกระติกมานานแล้ว ชวนว่ามาเจอกันหน่อย อยากเจอเพื่อนเก่า เราคุยมาเรื่อยๆ ผ่านการเมนต์รูป เราก็โอเค ไประดมเพื่อนที่รู้จักกันอยู่แล้ว หนึ่งในนั้นก็มีโมแล้วก็แซน แซนมาทีหลังเป็นตัวสำรอง ตอนแรกชวนโม แข แล้วก็น้อยโหน่ง แล้วกระติก เป็น 4 คน แต่แขติดงานกลับมาไม่ทัน ก่อนจะไปลงเรือวันหนึ่งเขาก็แจ้งว่าไม่ทัน เราเลยชวนแซน เป็นปุ๊บปั๊บทัวร์ เพราะคนน้อยไม่สนุก ก็นัดกันถ่ายรูปใส่ชุด นี่คือจุดเริ่มต้น
พอถึงวันเรานัดกัน 16.00 น.ติกไปแต่งหน้าแต่งตัวที่บ้านโม ก็ออกมาพร้อมกันก่อนหน้านั้น คือเราก็แจ้งนะ ว่าปอมีเรือ 2 ลำ ทุกคนไปลงไหม ก็คือเซย์เยสหมด วันนั้นติกกับโมไปเลต เพราะแต่งตัวช้า ไปถึงตอน 16.45 น. ปอเขาก็ขี้เกียจรอแล้ว เลยงั้นเดี๋ยวเอาเรือไปเติมน้ำมันก่อน ค่อยมารับแซนก็ออกไปกันรอบแรก
ซึ่งเราไปเจอเพื่อนปออีกสองคน แต่ปอเขาแจ้งก่อนนะ ว่าเดี๋ยวกูเอาเพื่อนไปด้วย 2 คนนะ แต่เราก็เข้าใจในฝั่งเขา ไม่งั้นเขาจะเป็นผู้ชายคนเดียวกับผู้หญิง 4 คน แต่คือน้อยโหน่งมาไม่ทัน กลายเป็นเหลือผู้หญิง 3 คน พอออกไปเติมน้ำมันรอบแรกเสร็จ ก็กลับมารับแซน แล้วก็ออกไปล่องเรือ ล่องไปเรื่อยๆ จนถึงร้านอาหาร เราก็ทานข้าวกินปกติ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ถึงร้านออกจากท่าเรือ 17.00 น. ถึงร้านอาหารประมาณ 18.30 น.
ทานอาหารสั่งกับข้าวมา 8 อย่าง ก่อนกลับก็ไปเข้าห้องน้ำปัสสาวะ เพราะระยะทางมันไม่ได้สั้นๆ ก็วางแผนกันเข้าห้องน้ำ เพราะบนเรือไม่มีห้องน้ำ ทุกคนไปยกเว้นโม ติกก็ชวนว่า เฮ้ย…มึงไม่ไปห้องน้ำเหรอ มันก็บอกว่าไม่ไป ไม่ปวด เขาก็นั่งสาละวนกับการเล่นโทรศัพท์ เราก็โอเคไม่ได้คะยั้นคะยอเพื่อน เสร็จแล้วขากลับก็ลงเรือกันไป เขาก็มีแวะถ่ายรูประหว่างทาง ปอก็บอกว่าอันนี้คืออะไรๆ จนเกิดเหตุ
ไทม์ไลน์คือออกจากร้านอาหารประมาณ 20.00 น.จำเวลาไม่เป๊ะมาก แต่ว่าเหตุเกิดประมาณ 22.30 น.คือเราก็มีการหยุดเรือนะ เพื่อที่จะถ่ายรูปด้วย เรือมันโคลงรูปมันจะออกไม่ดี จะเบลอไปหมด เลยมีการถ่ายใหม่ค่อนข้างใช้เวลา กินเวลาไปประมาณสัก 2 ชั่วโมง ซึ่งตอนโมไปปัสสาวะท้ายเรือเนี่ย เราไม่เห็น ไม่รู้ เพราะ ณ ตอนนั้นหยุดถ่ายรูปแล้ว เหนื่อยแล้ว อยากกินบรรยากาศ อันนี้เป็นช่วงขากลับนะ ออกจากสะพานพระราม 8 กำลังจะเข้าอู่เรือแล้ว เหตุเกิดตอนนั้น
แต่ระหว่างนั้น เราได้ยินเพื่อนบ่นว่าปวดฉี่ เฮ้ย…ปวดฉี่ เราก็ว่าเพื่อนนะ ว่าเมื่อกี้กูชวนทำไมมึงไม่ไป (เสียงสั่นเครือ) มันก็บอกว่ามันไม่ปวด ติกก็บอกว่ามันไม่ปวดแต่มันมีฉี่อยู่ในกระเพาะ ทำไม่มึงไม่ฉี่ กูชวนทำไมมึงไม่ไปซึ่งโอเคก็จบไป เขาก็ไม่ได้แสดงอาการว่าไม่ไหว เราก็ไม่ได้สนใจแล้ว เราสนใจแต่วิวแล้วตอนนั้น เพราะเราเสียเวลากับการถ่ายรูปเยอะ เราไม่ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศเลย วันนั้นบรรยากาศดีมากนะ เราก็มองข้างทาง
ได้ยินเสียงอีกทีคือแซนเขาตะโกนแล้ว คือเรือมันไปข้างหน้า ไม่มีใครหันหลัง แต่แซนเขาอยู่ข้างหลังอยู่ แล้วเขานั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ท้ายเรือ แล้วโมเดินไป หลังจากนั้นติกไม่รู้ ติกไม่เห็นแม้กระทั่งตอนโมเดินไปนะ เพราะว่าสุดท้ายที่เราคุยกัน ติก ปอ คนอื่นๆ เราอยู่ข้างหน้าในการพูดคุยกัน แล้วก็แยกย้ายกันไปชมบรรยากาศ หลังจากนั้นไม่รู้แล้วว่าโมหายไป ติกได้ยินแซนตะโกน เฮ้ย…โมตกเรือ แล้วก็ได้ยินคุณจ็อบตะโกนต่อ พี่ๆ มีคนตกเรือ เอาภาพที่ติกเห็นนะ ปอเขาเทคพวงมาลัยหมุนกลับ แล้วก็จะเป็นกระบวนการตามหา แล้วอันนี้คือในมุมที่ติกเห็น หลังจากนั้นจะเป็นแซน”
เผยจังหวะที่แตงโมตกเรือ ยันถึงใส่บอดี้สูท แต่จังหวะรีบๆ ก็แหวกข้างปัสสาวะได้
แซน: “ลักษณะการตกคือพลิกด้านข้างลง (เขาไปปัสสาวะด้านหลัง?) ใช่ค่ะ เขาเกาะขาเราสองข้างแล้วหันหลังออกท้ายเรือ หันหน้าชนกัน แซนนอนเล่นมือถืออยู่ ตอนนั้นมีการดื่มนิดหน่อย แต่โมเมาไหมไม่ทราบ คือเขาเดินมาไม่ได้บอก แต่นั่งลงไปเลย ทุกอย่างมันเร็วมาก คือไม่สามารถที่จะบอกว่าแป๊บหนึ่งหรืออะไรได้เลย (ชุดบอดี้สูทถอดได้เหรอ?) พี่ๆ ไม่เคยเหรอคะ (หัวเราะ) ไม่เคยต้องปัสสาวะแบบรีบๆ ในชุดบอดี้สูทเหรอคะ ถ้าเคยก็คงจะทราบว่าทำยังไง อธิบายไปมันก็ไม่สุภาพเท่าไหร่”
กระติก: “ “เขาไม่บอกนะ ติกไม่ทราบทุกคนมองไปข้างหน้ารู้อีกทีคือตกไปแล้วติกมารู้จากแซนว่ามันมาฉี่คือติกว่าเขาว่าเล่นอะไรกันหรือเปล่าแซนก็ว่ามันบอกให้กูไม่บอกอะเราก็เข้าใจเขาแล้วเลยเลิกว่าเขาก็คือจุ๊ๆอะคนมันฉี่ใครจะมาประกาศผู้ชายอยู่ด้วยซึ่งเราเข้าใจตอนนั้นเลยไม่ได้เบลมอะไรเขาแล้วเราก็ไปวุ่นอยู่กับการค้นหาระหว่างค้นหาเขาก็เล่าให้ฟังว่ามันมาแล้วก็นั่งเลยติกก็คือนึกภาพตามความเป็นไปได้มันก็มีติกเลยเชื่อในตรงนี้ประเด็นอื่นติกไม่ทราบแล้วเราอยู่ในเหตุการณ์แต่ว่าเราไม่เห็นตอนเพื่อนเราตกลงไป
คนขับเรือเขาจะสลับกันแต่ติกไม่ได้สนใจภาพที่ตืกเห็นเลยก็คือพี่เบิร์ตเขายืนอยู่ที่พวงมาลัยแล้วปอเขาก็ไปเทคหันกลับทุกครั้งที่พี่เบิร์ตอยู่ที่พวงมาลัยจะมีปอเป็นโค้คเหมือนเขาสอนกันอันนี้ต้องถามสองคนนั้นอีกทีว่ากิจกรรมตรงนั้นคืออะไรติกไม่ได้สนใจตรงนั้น”
ยันแตงโมไม่ได้บอกว่าจะฉี่
กระติก : “เขาไม่ได้บอกจะฉี่ ให้หยุดเรือหน่อย ทุกคนยืนมองข้างหน้า มารู้จากแซนว่าเขาไปฉี่ คนจะฉี่ใครมาจะประกาศ เพราะมีผู้ชายอยู่ด้วย แซนเล่าว่ามาถึงโมก็นั่งเลย เร็วเหมือนที่เขาบอก ติกนึกภาพตาม ความเป็นไปได้มันมี ติกเชื่อตรงนี้ ประเด็นอื่นติกไม่ทราบ เพราะเราไม่เห็นตอนเพื่อนตกลงไป ภาพที่ติกเห็นเลยคือพี่เบิร์ต ยืนอยู่ตรงพวงมาลัย ปอก็ไปเทคพวงมาลัยเพื่อหัน ทุกครั้งที่พี่เบิร์ตอยู่ที่พวงมาลัย จะมีพี่ปอเป็นโค้ช เหมือนเขาสอนกันมา แต่ติกไม่ได้สนใจตรงนั้น”
ยันปอเป็นเพื่อน คัดมาดีแล้ว
กระติก : “ปอเป็นเพื่อนกับทุกคน ติก แซน สนิท ติกคัดมาแล้ว ว่าต้องสนิท ไม่งั้นขี้เกียจแนะนำ ดูแล มันภาระเรา จ๊อบกับเบิร์ตเพิ่งรู้จักวันนั้น เขาเป็นเพื่อนคุณปอ ติกก็โอเค เข้าใจพ้อยท์ ไม่งั้นมีแค่เขาคนเดียว แล้วจะคุยอะไรกับเรา เราเป็นผู้หญิง ทุกคนก็ไม่ติดว่าปอมีเพื่อนไปด้วย ก็ทำความรู้จัก แนะนำตัว แต่เราคุยกับปอมากกว่า ติกคุยกับพี่เบิร์ตเรื่องธุรกิจ ทำโน่นทำนี่มากกว่า แต่ส่วนใหญ่ ติก ปอ โม แซน จะคุยกันเยอะเพราะมีเรื่องคุยกันมาก ปอเป็นเจ้าของเรือ ปอชวนติกคนเดียว แล้วให้ชวนเพื่อนเก่าๆ ติกก็บอกว่าติกรวมพลได้แล้วนะ แล้วมันโควิด เราไม่ชวนคนแปลกหน้า มีการตรวจ ATK ให้กัน เราก็หลอนเหมือนกัน จริงๆ เรา น้อยโหน่งจะนัดกันอยู่แล้ว แต่พอมีปอเข้ามาก็เลยไปกับปอ เพราะเขามีเรือ เราจะได้ภาพ แล้วโมเป็นดารา เขาก็สนใจอยู่แล้ว”
ไม่มีการรับงานบนเรือ โทษตัวเองดูแลเพื่อนไม่ดี ขอให้เข้าใจความรู้สึกสูญเสีย
กระติก : “ไม่มีเรื่องงานอะไรเข้ามาเกี่ยวเลยสักนิดหนึ่ง ติกก็เข้าใจนะ ติกก็ต้องขอโทษทุกคน ที่ไม่ได้ออกมาพูดอะไร เพราะเรายังไม่พร้อม สภาพจิตใจเรามันสนใจอยู่กับเพื่อน ก็งงๆ ว่าสรุปเรารู้สึกยังไงดี (ร้องไห้) เราจะนั่งฟูมฟายที่เพื่อนเราหายไปได้ไหม มันก็ไม่ได้ ทุกคนมารอรุมถามเรา ติกอยากมีเวลาร้องไห้ให้โม แต่เราไม่มีเวลาตรงนี้เลยอะ คนอื่นเขาเสียเพื่อนไป (สะอื้น) เขาได้นั่งร้องไห้คิดถึงอาลัยเพื่อน แต่ของติกไม่มีเลย ติกต้องมานั่งเตรียมตัวตอบคำถาม มานั่งรีเช็กว่าตอนนั้นเราอยู่ตรงไหนอะไรยังไง
ติกอยากขอความเห็นใจทุกคน ไม่มีใครอยากเสียเพื่อน ติกตอบอะไรไม่ได้มาก เพราะเราไม่ได้เห็นเขาลงไป หลายคนอาจจะโทษว่าทำไมดูแลเพื่อนไม่ดี ติกเข้าใจนะ ติกก็โทษตัวเองตรงนั้นเหมือนกัน แต่ว่า ณ ตอนนั้น เราก็อยากมีเวลาของตัวเอง ที่จะชมวิวอะ นึกออกไหม ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นเลย”
ไม่ได้รับงานใดๆ ทั้งสิ้น ลั่นไม่มีเรื่องทะเลาะหรือผลักกัน เพราะไม่อย่างนั้นก็เหมือนทุบหม้อข้าวตัวเอง
กระติก : “ถามว่าโมรู้ไหมว่ามีอีก 2คน ติกบอกนะ เขาก็ไม่มีอะไร เขาไม่ได้สนใจสองคนนั้นอยู่แล้ว เขาสนใจแค่ว่ามีติก มีคนรู้จักเขา สองคนนั้นเขาเป็นคนเฟรนลี่ เขาก็ไม่ได้ทำท่ารังเกียจ เขายินดีที่จะรู้จักทุกคนนะคะ ไม่มีการรับงานใดๆ เลยทั้งสิ้น เป็นการไปเที่ยวลงเรือแบบเพื่อนชวนเพื่อน เพื่อนซื้อเรือ เป็นเจ้าของเรือ เราก็ไป ไม่มีเรื่องประเด็นเงินหรืออะไรเลย อันนี้ติกก็ไม่เข้าใจว่ามันมาได้ยังไงเหมือนกัน รายละเอียดตรงนี้ติกแสดงความบริสุทธิ์ใจกับทางตำรวจไปหมดแล้ว ทุกคนรับทราบหมดแล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นยังไง
มันไม่มีทางที่จะเกิดประเด็นนั้นขึ้น เรารักกัน (เสียงสั่น) เขารับลูกเราเป็นลูกบุญธรรมเนาะ แล้วถ้าโมเสียชีวิตไป พี่ต้องเข้าใจนะ ว่าเงินติกก็หายไปเหมือนกันนะ งานติกอะไรติกลูกต้องเข้าโรงเรียน เพราะเขาช่วยเหลือมาตลอด ถ้าเราผลักเขาหรือเราทะเลาะกัน มีอะไรเกิดขึ้น ติกทุบหม้อข้าวตัวเองนะคะ งานในวงการบันเทิง..โอเคทุกคนทราบ ว่ารายได้มันค่อนข้างดี แต่ตรงนี้ของติกไม่มีแล้วนะ ติกลำบากนะ คนเรามันจะหาความลำบากมาให้ตัวเองเหรอ อยากให้คิดตรงนี้นิดหนึ่งค่ะ”
ไม่สนิทคุณแม่ของแตงโม เลยไม่ได้โทรหาเข้าใจอาจเคืองตน แต่ก็อยากให้เข้าใจหัวอกตนเหมือนกัน
กระติก: “ประเด็นที่หนึ่งติกสนิทกับคุณพ่อมากๆ พ่อจากไปแล้ว เพราะฉะนั้นเราจะหาคนที่สนิทที่สุดก่อน แล้วเราตั้งใจช่วยเพื่อน ก็หาเจ้าหน้าที่ แม่ประดาน้ำไม่เป็น แม่ไม่มีอุปกรณ์ใดๆ แล้วเราอยู่กันคนละบ้าน ต้องบอกตามตรงว่าไม่ได้สนิทกับคุณแม่มาก ขนาดที่จะกวนหรือโทร. ไม่ได้โทร.ค่ะ ถ้าคุณแม่เคืองนี่คือติกเข้าใจคุณแม่นะ แต่คุณแม่ก็ต้องเข้าใจในมุมติก ว่าหัวติกมีแต่คุณพ่อเลยอะ ถ้าคุณพ่ออยู่ คุณพ่อต้องมาตรงนั้นแน่นอน คุณพ่อช่วยเราได้ เพราะคุณพ่อกว้างขวาง เราคิดว่าคุณแม่หลับ จะตื่นมารับไหมก็ยังไม่รู้ เอาจริงๆ ไม่ได้คิดถึงด้วยซ้ำ ไม่ได้คิดว่าจะไม่โทร.หา คือมันไม่มีเลย ไม่มีว่าไม่ต้องโทร.ดีกว่า หรือเอ๊ะโทร.ดีไหม มันคือศูนย์”
แซนยันทำทุกทางที่คิดออกแล้ว ฟาดกลับกู้ภัยบอกไม่มีข้อมูลทั้งที่มาถามตนถึง 3 รอบ
แซน: “ยังไม่ทราบเลยว่าเขาพบศพตรงไหน ไม่ได้ตามโซเชียลเลย ตอนนั้นแจ้งทุกเจ้าหน้าที่ที่จะสามารถช่วยได้ 191 โทร.ให้เพื่อนที่อยู่บนบกช่วยแจ้งทุกอย่าง มีหลักฐานการโทร.ออกทุกอย่าง ทำทุกวิถีทางในเวลานั้น ยังงงว่าทำไมกู้ภัยถึงไม่มีข้อมูล เขาโทร.มาถามข้อมูลเกิน 3 รอบ มีหลักฐานด้วยนะ ไม่ใช่ว่าพูดลอยๆ งงว่ากู้ภัยไปไหน ในช่วงระยะเวลาแรกที่โทร. ทำไมถึงใช้เวลานานมาก เหตุการณ์ตรงนั้นเรานอนเล่นโทรศัพท์แบบสบายๆ ไม่ได้สังเกตอะไรเลย โฟกัสกับมือถือ รู้อีกทีตอนที่โมกำลังลุก แล้วก็เหมือนเสียหลักแล้วก็ตก ก็ตะโกนว่าโมตกน้ำ ค่อนข้างกรี๊ดอะค่ะ ตกใจ แล้วก็รีบกลับเรือช่วยกัน”
กระติก: “แซนอยู่ตรงนี้ จ๊อบอยู่ด้านซ้ายของแซน พอได้ยินก็บอกไปทางข้างหน้า เพราะคนขับอยู่ข้างหน้า สิ่งที่ติกเห็นคือ ปอเทคพวงมาลัย เราก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เล่นอะไรกัน เขาก็เล่าให้ฟัง หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ทะเลาะกันเองแล้ว เราหาคนก่อน ที่จะมานั่งหารายละเอียด แล้วก็ทราบว่าเขาฉี่ แต่จับขาจับอะไรที่ เป็นตอนหลังแล้ว เพราะมันเสียเวลา ถ้าเรามัวแต่ไปนั่งถาม รู้แค่ไปนั้งฉี่แล้วตก ซึ่งความเป็นจริงไปได้มันมี ติกไม่รู้นะ ว่าเรือมีห้องน้ำ ถึงเคลียร์ตัวเองบนร้านอาหาร”
โง่ไม่ใส่ชูชีพ เพราะมองว่าเป็นอุปสรรคในการถ่ายรูป
กระติก: “ติกไม่รู้ว่าในเรือมีห้องน้ำ ถึงเคลียร์ตัวเองที่ร้านอาหารว่าต้องฉี่ ประเด็นคือเราไปถ่ายรูป ใส่แจ็กเกตไป ถอดเข้าถอดออกเป็นร้อยรอบ เราคิดว่าชูชีพเป็นอุปสรรคกับเรา ไม่รู้โง่หรือเปล่าด้วยซ้ำ มันเป็นอุปสรรค แล้วรูปออกมาไม่ดี ไม่มีใครเตือนใคร เราคาดไม่ถึง มันเป็นเหตุการณ์ที่เราไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ถ้าเรารู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเราก็จะใส่ อีกอย่างเราไม่ได้เล่นบานาน่าโบ๊ต การขับก็ค่อนข้างเซฟ ไม่ได้ขับฉวัดเฉวียนก่อให้เกิดอันตราย”
แซน: “พอตกลงไป เรือก็วิ่งไปข้างหน้า เราพยายามมอง แต่ตอนนั้นฝั่งขวาของแซนมือเขาก็จับเรือ มือถือเท่าที่ทราบน่าจะอยู่ในกระเป๋าของเขา”
ติก: “ลูกติกนอนอยู่บ้านโม ของโมก็ไปเก็บบ้านโม แค่นั้นเอง หลังจากนั้นแม่บ้านเก็บตรงไหน เราก็ไม่รู้แล้ว มันไม่ใช่ของเรา”
ตร.: “โทรศัพท์คุณโม ให้ทางปอท.เก็บรักษา และข้อมูลไม่ไปไหน ทุกอย่างพิสูจน์ได้”
ย้ำไม่เคยแตะต้องโทรศัพท์ ของส่วนตัวของแตงโม
กระติก: “เรื่องโทรศัพท์ โมเขาค่อนข้างหวงตรงนี้ เราไม่ได้สนใจของคนอื่น ของใครของมัน เราเกี่ยวข้องกันเป็นเพื่อน เรื่องส่วนตัวไม่แตะต้องกันเลย เขาไม่รู้ของเรา เราไม่รู้ของเขา ทุกครั้งถ่ายรูปแล้วหน้าจอล็อกก็ยื่นไปให้เขากด เราไม่ได้มานั่งจำอะไรพวกนี้ ไม่ได้สนใจของคนอื่น อยากให้เข้าใจว่ามันไม่มี เชื่อหรือไม่เชื่อก็ให้ทางกฎหมายออกมาชี้แจงเอง ติกไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ยืนยันไม่ได้จับ ไม่ได้แตะต้อง เราเอาไปคืนก็จบ แล้วของเพื่อนเรา เรารักษาของไว้ให้ แค่นั้นเอง”
แซน: “ตอนโมปัสสาวะ โมจับขาสองข้าง เขาตกไปอีกทางเอื้อมไม่ถึง ไกลพอสมควร เขาตกข้างเรือ ถ้าเรายื่นตัวไปก็อาจหน้าทิ่มไปด้วย เราขึ้นมาทรงตัวยังลำบากเพราะไม่มีที่เกาะ”
เผยเหตุไม่บอกว่าคนตกเรือคือแตงโมในตอนแรก
กระติก: “ตอนนั้นเราคิดว่าชีวิตคนสำคัญกว่า คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าเขาคือใคร คุณช่วยเขาขึ้นมาก่อนก็ได้(ร้องไห้) แล้วค่อยถามว่าเขาเป็นใคร ติกไม่ทราบหลักหรอกตอนนั้น เรามีเรือที่สามารถออกไปได้เราก็คิดว่าเราควรทำอะไรที่ทำได้ก่อน เราไม่รู้หรอกเขาคือกู้ภัยหรืออะไร แต่เราไม่เห็นเครื่องมือเขา ปอก็บอกว่าเราต้องช่วยโมสิ เพราะเขาไม่มีเครื่องมือมา เรารู้สึกว่าเออใช่ ปอก็ด่ากลับมา แล้วไปช่วยหาโม ตะโกนกันสุดเสียง ช่วงนั้นติกมีขึ้นไปเข้าห้องน้ำ เพราะติกไม่ไหว ติกแยกกับเรือแล้ว”
โต้หายไปเป็นวันๆ ไม่ช่วยตามหา แต่กลับบ้านแตงโมเพราะคิดว่าอีกฝ่ายอาจกลับบ้านแล้ว ต้องปรึกษาทนายเพราะประเด็นสังคมเริ่มตีมาที่ตนแล้ว
กระติก: “ติกปวดท้องเข้าห้องน้ำ หลังจากนั้นก็กลับไปที่เรือไม่ได้แล้วเพราะเขาออกไปหาต่อ เป็นติกกับพี่เบิร์ตมาเฝ้าเรา เราโทรหารุ่นพี่เราคนนึง เขาประสานพี่บีม ศรัณยู ให้ออกมาช่วย เขามารับเรา เราก็นัดว่าจะกลับตรงอู่เรือจุดแรกที่เราออก ข้าวของอยู่ตรงนั้นหมด ติกโทรตามเรือเอง เพราะของติกอยู่ตรงนั้น มันต้องรอพักนึงเลย ติกจำไทม์ไลน์ไม่ได้ ว่ากี่โมงถึงได้กระเป๋ากลับมา อยู่ตรงนั้นเกือบตี 4 ได้เราล้าแล้ว และคิดถึงลูก ลูกอยู่บ้าน (ร้องไห้)
เรากลับบ้านโม เราไม่ได้คิดเรื่องการให้ปากคำเลย เพราะเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องไปที่ไหน ใจเราเหมือนเพื่อนกลับบ้าน มันติดเรือใครไป แล้วส่งขึ้นบก ไปตั้งหลักที่บ้านหรือเปล่า เราไม่รู้อะไรเลย ในหัวเราก็มีความหวังไปเรื่อยๆ ส่วนอีกวันนึง ตั้งใจจะมา พอตั้งใจจะมาประเด็นเยอะไปหมด ประเด็นสังคมอะไรเอย มันเริ่มหนักแล้ว เรารู้สึกว่าต้องปรึกษาใครสักคน เลยทำให้มันช้า เพราะข้างนอกนี่คือหนักมาก ซึ่งติกไม่ได้เข้าไปอ่านอะไรเลย ไม่รู้ว่าต้องออกมา เราค่อนข้างตั้งสติ เพราะเพื่อนบอกว่ากระแสเริ่มมาที่ติก ติกไม่กล้าเข้าไป”
แซนไม่รู้แตงโมจับขาตลอดหรือเปล่า เพราะมัวแต่เล่นโทรศัพท์
แซน: “เราไม่ทราบว่าเขาจับขาเราตลอดเวลาหรือเปล่า ที่รู้คือเขาจับขาเราไว้ เราก็นอนเล่นมือถือต่อ ไม่ได้สนใจจริงๆ รู้แค่ว่าเขาเดินมานั่งจับๆ เขาก็ทำธุระส่วนตัวเนอะ แซนขอโทษที่ทำให้เหมือนดูประมาทแต่เราไม่ได้คิดถึงตรงนั้นจริงๆ”
ด้าน “พล.ต.ท. จิระพัฒน์ ภูมิจิตร” ผบช.ภ.1 เผยว่าได้สอบปากคำไปแล้ว 8 ปาก บนเรือสปีดโบ๊ต 5 คน เจ้าของอู่เรือ 2 และพยานอีก 1 คน ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน เบื้องต้นออกหมายจับ 2 คน คือไฮโซปอ และเบิร์ต คนขับเรือ แจ้ง 3 ข้อหา ต่อมาผู้การภาค 1 เดินทางไปสอบปากคำเพิ่มเติมกับกระติก และแซน รอผลที่ชัดเจนจากการชันสูตรเพื่อประกอบสำนวนในการทำคดี ได้รวบรวมหลักฐานละเอียดแล้ว
“พยานที่เราสอบเป็นพยานบุคคล เราก็ต้องสอบตามที่เขาให้ปากคำ ว่าจะให้ปากคำยังไงก็ได้ ซึ่งในประเด็นที่สื่อมวลชนสงสัย หรือสังคมสงสัย เจ้าหน้าที่ตร. พนักงานสอบสวนก็ไม่ได้ทิ้งประเด็น พยานคนไหนที่ไม่มีน้ำหนัก ก็ประสานกองพิสูจน์หลักฐาน เอาเข้าเครื่องจับเท็จในบางกรณี เจ้าหน้าที่ปอท. เก็บรวบรวมข้อมูลโทรศัพท์แต่ละท่านเป็นหลักฐานในสำนวนแล้ว เพื่อให้ทราบทีละประเด็น ประเด็นที่สงสัยว่ามีการติดต่อ มีค่าจ้างมา เพื่อรับงานเอ็นหรือไม่ ก็ค่อยๆ ดูไปทีละประเด็น
การสงสัยว่าเกิดเหตุการณ์บนเรือ มีอะไร เราก็ทำการสอบสวน สิ่งที่ให้ประโยชน์ได้มากที่สุดคือผลชันสูตรพลิกศพ ตรวจพยานหลักฐานต่างๆ บนเรือที่เกิดเหตุ การสอบสวนก็คืบหน้า พยานหลักฐานถูกรวบรวมไว้ในสำนวนละเอียด ก็ให้ความเชื่อมั่นว่าเราทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการแทรกแซง พยานหลักฐานอะไรเป็นประโยชน์กับสำนวนเก็บหมด
เราจะติดตามความคืบหน้าคดีนี้ทุกวัน
ส่วนตอนนี้มีผู้โดยสารบนเรือ และเกิดเหตุพลัดตกเรือไปเสียชีวิต ใครจะเป็นคนประมาทบ้าง ก็ขออนุญาต เราอยู่ในกระบวนการสอบสวนทั้งหมด ตอนนี้ศาลออกหมายจับ 2 คน เบื้องต้นก็ดำเนินคดี 2 คน
ถามว่าเพราะเหตุใดถึงเปลี่ยนรพ.ในการชันสูตร จริงๆ ไม่ได้เปลี่ยนรพ.ชันสูตร เพราะเป็นหน้าที่รพ.ในพื้นที่ใกล้ที่เกิดเหตุ
ส่วนหลังจากนั้นส่งไปชันสูตรพลิกศพที่นิติเวชรพ.ตำรวจได้ ตอนนี้พื้นที่กรุงเทพฯ มีรพ.ตร. รามาฯ ศิริราช และธรรมศาสตร์ ที่ส่งไปรพ.ตร. เป็นหน้าที่และมีรายละเอียดที่เราต้องกางให้ทางนิติเวชตรวจสอบหลายเรื่อง ทั้งสาเหตุการตาย บาดแผลที่ปรากฏบนตัวผู้เสียชีวิต ภายใน กระเพาะ ลำไส้ ที่มีสารพิษตกค้างหรือไม่ ต้องตรวจละเอียด ตรงนั้นเลยเป็นหน้าที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ซึ่งตอนนี้ผลการชันสูตรอย่างเป็นทางการยังไม่ได้ออกมา ก็เร่งอยู่ทุกวัน ต้องใช้เวลา
สองคนที่ถูกออกหมายจับ เราจับกุมตามหมายจับ รวบรวมตามพยานหลักฐาน ต่อไปนี้ก็อยู่ที่พยานหลักฐานที่จะปรากฏ ที่สืบสวน สอบสวนต่อไป ส่วนจะมุ่งไปทางอุบัติเหตุหรือจงใจก็ขอให้อยู่ในการสอบสวน เราทำตรงไปตรงมา จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย”