เข้าสู่วันที่สองของงานสวดอภิธรรม “อาต้อย เศรษฐา ศิระฉายา” ศิลปินแห่งชาติ หลังเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565 สิริอายุ 77 ปี ซึ่งวันนี้ (22 ก.พ. 2565) เวลา 18.45 น. มีพวงมาลาพระราชทานจาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณโดย นายชลิต มนิตยกุลเป็นผู้เชิญมาวางหน้าหีบศพ ที่ศาลา 1 วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร
สำหรับบรรยากาศภายในงาน มีคนที่รักและเคารพอาต้อยเดินทางมาร่วมฟังสวดอภิธรรมมากมายเช่นเคย อาทิ ปิ่น ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์, ก้อย ทาริกา ธิดาทิตย์, ไก่ วรายุฑ มิลินทจินดา,ซูโม่กิ๊ก เกียรติ กิจเจริญ, ตุ๊ก เดือนเต็ม สาลิตุล, ทาทา ยัง, บอย โกสิยพงษ์, สุกี้ กมล สุโกศล แคลปป์, นภ พรชำนิ, ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์, ปริศนา กล่ำพินิจ, ดีเจแมน พัฒนพล กุญชร, หนูเล็ก ก่อนบ่ายฯ, โยโกะ ทาคาโน่, เก๋ ชลลดา เมฆราตรี, กรีน อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล ฯลฯ โดยมี นายบุญเกียรติ โชควัฒนากรรมการผู้อำนวยการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน), สถานีโทรทัศน์ช่อง 7HD และ มูลนิธิภัทรมหาราชานุสรณ์ ในพระอุปถัมภ์ฯ ร่วมกันเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรม ทั้งนี้ทางงานได้มีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยของทุกคน
ด้าน “ไก่ วรายุฑ” ที่ผูกพันกับอาต้อยมากว่า 30 ปี อีกทั้งยังเคยร่วมงานละครกันมากว่า 30 เรื่อง ได้เปิดใจต่อการสูญเสียครั้งนี้ พร้อมเผยว่าอาต้อยจะอยู่ในความทรงจำตลอดไป
“ไก่กับอาต้อยร่วมงานกันตอนที่อาต้อยเข้ามาเล่นละคร เราก็ค่อนข้างสนิทกัน มีกลุ่มแชร์ที่เอาไว้พูดคุยสังสรรค์กัน เจอกันทุกเดือน และเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศกัน ก็ทำให้เราเกิดความรัก และสนิทสนมกว่าคนที่ร่วมงานกัน เพราะเราได้ไปเที่ยว กินนอนอยู่ด้วยกันเป็นอาทิตย์ๆ พี่ต้อยตลก สนุกสนาน มองโลกแง่ดี ช่างยิ้ม ช่างคุย สมัยก่อนแรกๆ ที่โชว์ตัว เรากับอูม วิยะดาก็ขึ้นร้องเพลงกับพี่ต้อย วรายุฑกับวิยะดาสามารถทำให้เศรษฐาล่มได้บนเวที พี่ต้อยบอกไก่ทีหลังฉันจะไม่ร้องกับแก(หัวเราะ) อยู่กับพี่ต้อยจะมีแต่ความสุข มีแต่เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม
พี่ต้อยจะยังอยู่ในใจ พี่ต้อยเขาอยู่ในเสียงเพลง อยู่ในใจของเราทุกคน โอเคท่านจากเราไปแต่ร่างกาย แต่จิตใจ หัวใจเราจะยังอยู่กับพี่ต้อย เราคิดถึงเมื่อไหร่ก็จะดูรูป คิดถึงเมื่อไหร่ก็ฟังเพลง เราก็จะได้ยินเสียงพี่ต้อยอยู่ พี่ต้อยป่วยเป็นอะไรพวกเราก็รู้ ติดตามข่าวตลอด ก็เศร้าใจ เสียใจในสิ่งที่พี่ต้อยป่วย การจากไปทุกคนเสียใจ แต่พี่เขาอยู่ก็คงทรมานไปอีกนาน พี่ต้อยไปที่ดีๆ แล้ว อยู่ต่อก็ทรมานไปอีกตั้งเยอะแยะ เพราะฉะนั้นพวกเราระลึกถึงตลอด เจอหน้าเพื่อนฝูงก็พูดคุยกันแต่เรื่องพี่ต้อย”
บอกเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของทั้งวงการบันเทิงและวงการเพลง
“พี่ต้อยเป็นคนดี เป็นคนจริงใจ ไม่เคยเห็นเขาโกรธใครเลย พี่ต้อยเอ็นดูและรักทุกคน ยิ่งน้องๆ ยิ่งใครอยากไปปรึกษาหารือ พี่ต้อยจะให้คำปรึกษาตลอดเวลา แต่ตอนที่เขาทุกข์ เขาไม่เคยมาเล่าหรือมาระบายให้ใครฟัง เขาจะแค่บอกว่าเฮ้ยไก่ พี่ป่วยว่ะ พี่ไม่สบายว่ะ พูดแค่นั้น แต่แกก็มารวมกลุ่ม สนุกสนานกันอยู่ พี่ต้อยแกเป็นคนชอบเล่นไลน์เหมือนกันนะ เราจะทักกันโน่นนี่นั่น คุยกันถามกันตลอดเวลา ส่งสติ๊กเกอร์ พูดคุยกันในโทรศัพท์ตลอด
จนสุดท้ายอี๊ฟเลยสั่งพ่อเขาไม่ให้เล่นไลน์ ไม่ต้องตอบใครแล้ว ก็เลยห่างไป แต่เราก็ตามดูอยู่ตลอดเวลา เราก็จะคุยอัปเดตเรื่องสุขภาพ แต่ไม่ได้เจาะลึก แต่เรายังติดต่อกันอยู่ วันนี้พี่อย่างนี้ วันนี้พี่อย่างนั้น ก็คือคุยกันประมาณนี้ ไม่ได้เจาะลึก
ก็เรียกว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของทั้งวงการบันเทิง วงการเพลง แกเป็นศิลปินที่เป็นศิลปินแห่งชาติ เป็นอะไรที่ทุกคนยอมรับ ทุกคนรัก การสูญเสียพี่ต้อยไป คือการสูญเสียสิ่งมีค่าของวงการบันเทิง แต่ถึงตรงนี้เราก็ต้องทำใจ และเขาจะยังอยู่กับเราไปตลอด เขาร้องเพลงให้เราฟังเมื่อไหร่ก็ได้ถ้าเราอยากฟังเพลงเขา”
เผยเคยห่วง “เปี๊ยก อรัญญา นามวงศ์” มากกว่า เพราะเคยสโตรกต้องส่งโรงพยาบาลด่วน
“พี่เปี๊ยกเนี่ย เราห่วงก่อนพี่ต้อยจะป่วย เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่พี่เปี๊ยกนั่งกินข้าวกันแถวสีลม พี่เปี๊ยกกำลังจะยกช้อนขึ้น แต่ช้อนหล่น ทุกคนตกใจมากเลย อ๊อฟ (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) ไวมากโทรศัพท์ทันที พี่ไก่ พี่หน่อย เอารถตู้ออกไปส่งที่โรงพยาบาล แต่ก็ไม่เป็นอะไรมาก ก็อยู่จนมาถึงปัจจุบันนี้ เป็นสโตรก แต่เราถึงโรงพยาบาลก่อน ทุกคนอยู่ด้วยกันตอนนั้น หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขารักกันมากนะ ด้านจิตใจเขาอาจเศร้า อาจจะนิ่งไป แต่เราว่าอี๊ฟเป็นคนตลก เป็นคนสนุก อี๊ฟพูดคุยกับพ่อแม่ได้ทุกเรื่อง เพราะฉะนั้นหลานลูกก็คงจะทำให้พี่เปี๊ยกหายเศร้าได้ ในระยะแรกอาจจะหนักหน่อย แต่ต่อไปก็อาจจะเบาลง
พี่ต้อยเป็นบุคคลที่ทุกคนรัก เพื่อนในกลุ่มเรารักและห่วงหาอยู่ตลอดเวลา เวลาเราไปไหนไปเที่ยวกันพี่ต้อยจะสร้างความสนุกสนาน สร้างเสียงหัวเราะให้เราตลอดเวลา ไม่ว่าจะไปทำบุญที่อินเดีย หรือจะไปที่ไหนก็จะมีเสียงหัวเราะให้ แดดร้อน ฝนตกยังไง ก็ทำให้เรารู้สึกไม่เหนื่อยไม่ร้อน เราจะพยายามคิดอยู่เสมอว่าพี่ต้อยยังอยู่กับเรา ความเสียใจมันก็มี แต่เราต้องทำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นพี่ต้อยยังอยู่ในหัวใจของทุกๆ คน ที่รักและคิดถึงพี่ต้อย”
ด้าน “ดีเจแมน พัฒนพล กุญชร”เผยใกล้ชิดและคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เจ้าตัวเป็นเด็ก เหมือนคนในครอบครัว
“วันนี้ก็มากับคุณพ่อคุณแม่นะครับ อาต้อยเป็นเหมือนคุณพ่อได้เลย เพราะน่ารักกับครอบครัวผมตั้งแต่ยังเด็ก ตั้งแต่คุณยายผม ยายอี๊ด สินินาฎ อาต้อยก็เรียกว่าแม่ และอาต้อยจะมาแซยิดคุณยาย เราจะเห็นตั้งแต่เด็กจนโต ตอนนั้นก็ประกวดเอเอฟ อาต้อยเป็นผู้ใหญ่ที่ทรงคุณค่ามากๆ ครับ และผมก็ชอบใช้เพลงอาต้อยในการลงเพลงหรือว่าจีบสาวตั้งแต่เด็ก ภาพจำของผมอาต้อยเป็นคนที่มีศิลปะในการพูด และเป็นคนที่น่ารักมากๆ กับพี่น้องวงการบันเทิง รวมถึงคนปกติด้วย
อาเป็นคนอัจฉริยะในการพูด ในการสนทนา เป็นไอดอลในการทำพิธีกรของเรา เป็นทุกอย่าง เราก็สนิท อี๊ฟก็เป็นเพื่อนของเราด้วย เราก็รู้สึกว่าวันนี้เรามาแสดงความเสียใจให้กับบุคลากร ศิลปินแห่งชาติ อาต้อยคู่ควรมากๆ ครับ”
เผย “อาต้อย” จะไปร่วมงานสำคัญของครอบครัวตนมาตลอด
“ตั้งแต่จำความได้คืองานคุณยาย พอเราเริ่มมีครอบครัว เริ่มทำนู่นทำนี่ก็เริ่มเจออาต้อยน้อยลงเรื่อยๆ ครับ แต่เราก็ยังเห็นข่าว หรือเวลาเราลงเพลงในไอจี อย่างเพลงทศกัณฑ์เราก็จะแท็กหาอาต้อย บอกว่าเป็นเพลงของอาต้อย เศรษฐา ศิระฉายา ตลอด เรารู้สึกผูกพันมากๆ แต่วันนี้เป็นการไปที่เร็วมาก แต่ก่อนเรายังสามารถไปเยี่ยมกันได้ หรือเรายังไปไหนมาไหนได้ แต่เดี๋ยวนี้มันลำบากมากๆ ลำบากจริงๆ ครับ เพราะฉะนั้นก็รู้พร้อมกับทุกคนเลยตอนที่อี๊ฟลงไอจี”
เจออาต้อยครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่จำไม่ได้เลย ถ้าเจอสวัสดีตัวเป็นๆ น่าจะเป็นงานของลุงแป๊ะสามีป้าจิ๋ม คือต้องเป็นงานใหญ่ ซึ่งนานมากๆ แต่ภาพจำคืออาต้อยมาปลงผมตอนที่เราบวชที่วัดพระราม 9 ที่ผมลงในไอจีก็คืออาต้อยมาคนแรกๆ เลย เรารู้สึกว่าจะเห็นอาต้อยเสมอในวันสำคัญของครอบครัวเรา โดยเฉพาะยาย แม่ เราจะเห็นแบบนี้ แต่ถามว่าสนทนากับอาต้อยนานขนาดไหน ไม่ค่อย
แต่เราจะรู้เสมอว่าอาต้อยจะเรียกยายว่าแม่ และทำให้ยายหัวเราะ และจะเรียกแม่เราว่าอีป๋อง คือเป็นเรื่องที่เราจะเห็นมาตลอด เราก็เลยรู้สึกผูกพันกับอาต้อยไปด้วย จริงๆ แล้วเราเสพงานอาต้อยเหมือนคนอื่นเลยคือในทีวีทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรหรือย้อนดูตั้งแต่เอเอฟ หรือพิธีกรที่อาต้อยทำเมื่อก่อน เราจะเสิร์จดูว่าทำไมผู้ชายคนนี้พูดอยู่บนเวทีโดยที่ไม่เคอะเขิน พูดแล้วเป็นธรรมชาติ เป็นสุภาพบุรุษที่นิ่มนวลมาก”
บอก “อี๊ฟ พุทธิดา” คือตัวแทนของ “อาต้อย” ได้เป็นอย่างดี
“คืออาต้อยเป็นตัวอย่างให้กับวงการบันเทิงอยู่แล้ว อาต้อย ยาย แม่ เพื่อนแม่ทุกคนผมดูเป็นตัวอย่างหมด เพราะคนสมัยรุ่นอาต้อย รุ่นแม่ รุ่นยายคือเขาทำงานอย่างเดียว ไม่มีเรื่องข่าว คือเขาตั้งใจทำงานตริงๆ ตรงต่อเวลา และรักในอาชีพที่เขามีอยู่ เขาถึงอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้เกือบทุกท่านที่เราได้เห็น ไม่ได้มาเร็วไปเร็ว
เมื่อกี้ได้เจออี๊ฟกับสามีเขาครับ ก็คุยกัน แต่เราไลน์คุยกันอยู่แล้ว ก็บอกว่าสู้ๆ นะเพื่อน คือรู้เลยว่าเหมือนที่อาต้อยเคยให้สัมภาษณ์ไว้ในหลายๆ รายการก็คือคนที่อยู่เขาจะคิดถึงมากที่สุด ตอนนี้มีทางเดียวคือเราเป็นกำลังใจให้อี๊ฟและครอบครัวและหลาน อาต้อยรักหลานมากครับ เราบอกได้เลยว่าครอบครัววงการบันเทิงก็ไม่ได้กว้างมาก เราก็เป็นหนึ่งในลูกหลานดารา ซึ่งโตมาพร้อมๆ กันไม่กี่คน เราก็จะดูแลกันต่อไปในอนาคต เพราะเราก็มีกันไม่เยอะเท่าไหร่
อาต้อยก็ไปเป็นเทวดาบนสวรรค์ ผมว่าอาต้อยน่าจะเจ็บและเหนื่อยมากๆ นะครับ อยากให้อาต้อยได้ไปพักบนฟ้า ผมว่ามีจริงข้างบนน่ะอาต้อยไปสร้างเสียงหัวเราะให้เทวดานางฟ้า หรืออาต้อยจะกลับมาเกิดอีกก็ไม่รู้ แต่ว่าอยากให้อาต้อยมีความสุขมากๆ นะครับ และผมเชื่อว่าอี๊ฟเป็นผู้นำครอบครัวที่ดีมากๆ อยู่แล้ว เขาเหมือนอาต้อยมากครับ แม้กระทั่งหน้าเขา ดีเอ็นเออาต้อยอยู่กับอีฟ อีฟก็ยังเป็นตัวแทนอาต้อยได้เกือบ 100% ครับ”