xs
xsm
sm
md
lg

(กว่าจะเป็น) "ทอม ครูซ" ซูเปอร์สตาร์อารมณ์ร้าย ชายผู้คลั่งความสมบูรณ์แบบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นอกจากจะเป็นผู้จัดการส่วนตัว "ไอลีน เบอร์ลิน" นักบริหารธุรกิจการแสดงยังเปรียบเสมือนกับแม่อุ้มบุญของ "ทอม ครูซ" หลังเธอได้ดูแลเด็กหนุ่มจากนักแสดงโนเนมจนกลายเป็นดาราคนดังระดับซูเปอร์สตาร์

42 ปีผ่านไป ไอลีน เบอร์ลิน ในวัย 86 ปีได้มานั่งพูดคุยพร้อมกับเปิดเผยถึงตัวตนของนักแสดงดังในมุมที่หลายคนไม่เคยรับรู้รวมถึงภาพถ่ายบางส่วนของนักแสดงคนดังให้ชาวโลกได้ประจักษ์ในความหล่อเหลาของเจ้าตัว


แรงกดดันวัยเด็กสู่ความอารมณ์ร้อน
"ไอลีน เบอร์ลิน" กับ "ไซมอน" สามี ได้พบกับ "ทอม ครูซ" ครั้งแรกในปี 1980 เมื่อตอนที่เขาพยายามดิ้นรนหนีออกมาจากบาดแผลวัยเด็กที่มักถูกพ่อทำร้าย

ชีวิตในวัยเด็กของ "ทอม ครูซ" ต้องถือว่าไม่ดีมากนัก เมื่อมารดาของเขา "แมรี ลี" ต้องแยกทางกับ "โธมัส ครูซ มาโพเธอร์ที่ 3" ผู้เป็นบิดา ในขณะที่เขาอายุได้ 14 ปี

เขาเคยเรียนเพื่อจะเป็นบาทหลวงในโรงเรียนสอนศาสนานิการโรมันคาธอลิก ในรัฐโอไฮโอ แต่มีรายงานว่าเขาถูกไล่ออก หลังจากเล่นพิเรนทร์ด้วยการขโมยเหล้าจากตู้เก็บเหล้าร่วมกับนักเรียนคนอื่นๆ

2 ปีต่อมาหลังหย่า แม่ของเขาจะได้แต่งงานใหม่มีพี่สาวน้องสาวอีก 3 คนและอยู่ร่วมกับ แจ็ค เซาธ์ พ่อใหม่ของเขาในรัฐนิวเจอร์ซี ที่ซึ่งเขาได้มีส่วนร่วมในการผลิตงานระดับไฮสคูลเรื่อง Guys and Dolls ซึ่งเป็นตัวจุดประกายความฝันใหม่ที่มุ่งมั่นอยากเป็นนักแสดง

แต่งานเดียวที่เขาได้รับในช่วงเวลานั้นคือการได้รับบทเล็กๆในเรื่อง Endless Love ที่เขาต้องเล่นเป็นตัวรองร่วมกับนักแสดงดังอย่าง บรู๊ค ชีลด์ส

“เขาบอกกับเราว่าเขาอยากให้เรามาช่วยดูแลงานในวงการให้เขาและช่วยเขาหาเอเจนต์ฮอลลีวูดให้ เขาเซ็นสัญญากับเราหลังวันเกิดอายุครบ 18 ปี”

“ตอนนั้นเขาพยายามจะเลี้ยงดูตัวเองด้วยการเป็นพนักงานเสิร์ฟ เขาไม่มีเงินพอที่จะเช่าห้องอยู่ เราเลยบอกเขาว่าเขาสามารถย้ายเข้ามาอยู่ในอพาร์ตเมนท์กับเราได้ ลูกชายของเราเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว เราเลยยกห้องลูกชายให้ทอมมี่ได้ใช้ และเมื่อเขาต้องการใช้รถเราก็ให้เขาใช้รถคาดิลแลคสีฟ้าของสามีฉัน”

“เขายังมีช่วงเวลาที่ลำบากกับแม่ด้วย แต่แม่ก็ยังคงมาเยี่ยมเขาที่บ้านของเรา หรือไม่เขาก็ใช้รถเราขับไปหาแม่ที่นิวเจอร์ซี”

ส่วนความรู้สึกดีที่ ไอลีน เบอร์ลิน มีต่อ ทอม ครูซ ในตอนนั้นเธอได้ระบุว่า “เขาเป็นคนน่ารัก ให้เกียรติ มีมารยาท และเขามักจะเรียกฉันว่า ‘คุณผู้หญิง’ ( มาดาม ) และเรียกสามีฉันว่า ‘คุณผู้ชาย’ ( เซอร์ )”

ไอลีน ยังได้เปิดเผยเรื่องราวมากมายโดยเฉพาะนิสัยส่วนตัว กับอารมณ์ฉุนเฉียวของ ทอม ครูซ ที่มีข่าวออกมาให้ได้พูดถึงอยู่เรื่อยๆ นั้น ไอลีน มั่นใจว่าส่วนหนึ่งมาจากการที่เขาถูกพ่อทำร้ายร่างกายมาตั้งแต่เด็ก

“ทอมมี่ค่อนข้างอารมณ์ร้าย เขาเก็บกดความโกรธแค้นที่ได้จากพ่อของเขาเอาไว้มาก เขามักอารมณ์เสียและสามารถโกรธได้เลยเพียงแค่ดีดนิ้ว มันราวกับว่ามีบางอย่างคุกรุ่นอยู่ข้างในตลอดเวลาและรอเวลาที่จะระเบิด ฉันรู้ว่ามันมาจากความไม่มั่นคงทางจิตใจของเขา”

“ฉันเคยเอารูปภาพและงานเขียนต่างๆเกี่ยวกับเขาที่ลงในนิตยสารวัยรุ่นทำเป็นอัลบัมมาให้เขาดูในวันเกิดอายุครบ 19 ปี แต่เขาตะคอกใส่ฉันว่า ‘ผมไม่อยากลงนิตยสารวัยรุ่น’ เขาบอกฉันว่าเขาคิดว่าเขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ใช่ไอดอลวัยรุ่น เขาขว้างอัลบัมใส่ฉันแรงมากแล้วมันก็มาโดนแก้มฉันอย่างแรง”

โดยเรื่องดังกล่าวก็สอดรับกับคำสัมภาษณ์ของนักแสดงดังในปี 2006 เมื่อเขาเคยพูดถึงพ่อของเขาว่าเป็นพวก “ชอบรังแกคนอื่น และขี้ขลาด” โดยอธิบายว่า “เขาเป็นคนประเภทที่ ถ้ามีอะไรผิดพลาด เขาจะเตะคุณก่อนเลย มันเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตให้เห็นเลยว่าเขาจะกล่อมคุณยังไง ทำให้คุณรู้สึกปลอดภัย แล้วจากนั้นก็ ตู้ม!”


คลั่งความสมบูรณ์แบบ

ที่ผ่านมาแม้ดาราคนดังจะเคยปฏิเสธว่าไม่เคยทำศัลยกรรม แต่ก็มีข่าวลือว่าเขาไปศัลยกรรมจมูก ปลูกผม และทำฟันวีเนียร์มา นอกจากนั้นยังลือกันว่าเขาไปเติมฟิลเลอร์ที่หน้ามา หลังมีคนเห็นเขาหน้าบวมระหว่างไปร่วมชมเกมเบสบอลที่ซานฟรานซิสโก

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไอลีน เบอร์ลิน ก็ระบุว่าถ้าเขาไปทำศัลยกรรมมาจริงๆ เธอก็ไมได้รู้สึกประหลาดใจนัก...“ทอมมี่ ชอบที่จะสร้างออร่าให้กับตัวเอง ฉันคิดว่าเขาคงจะทำอะไรก็ตามที่ช่วยคงความอ่อนเยาว์ของตนเองไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้และจะสู้ทุกทางเพื่อให้ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ”

แม้ ทอม ครูซ จะไม่มั่นใจในหน้าตาบางส่วนของตนเองมากนัก แต่เขาก็หลงใหลในรูปลักษ์ของตนเองอยู่ไม่น้อย เพราะในการถ่ายภาพเฮดช็อตครั้งแรกนั้น เขาใส่เสื้อผ้าแต่งตัวเรียบร้อย แต่เขาก็จะเตรียมตัวถ่ายภาพด้วยการเดินไปมาในชุดชั้นใน

“เรามีผนังที่เป็นกระจกเงาและเขาก็จะเดินไปเดินมาในกางเกงในตัวจิ๋วแล้วก็ทำท่าเบ่งกล้ามงอแขนไปมาพร้อมกับชื่นชมรูปลักษณ์ของตนเองในกระจก”

“ฉันอายเหมือนกันนะ แต่เขาก็ชอบโชว์รูปร่างตัวเอง เขาภูมิใจกับมันมากแต่เขาก็เป็นพวกนิยมความสมบูรณ์แบบ เพราะเขาห่วงแค่เรื่องที่เขาตัวเตี้ย เขาสูงเพียง 170 ซม. เขาบอกว่าเขาอยากได้รองเท้าเสริมส้นที่จะทำให้เขาดูสูงขึ้น”

“อย่างตอนที่ถ่ายภาพเฮดช็อตครั้งแรก ลูกค้าอยากให้คุณถ่ายภาพเฮดช็อตแค่รูปเดียว แต่ทอมมี่เป็นพวกชอบความสมบูรณ์แบบ เลยจัดไปหลายช็อต ถ่ายทั้งวัน”

อย่างไรก็ตามความสมบูรณ์แบบที่เขาเลือกจะถ่ายภาพหลายช็อต ก็ทำให้เขามีภาพหลายภาพได้เลือก ก่อนจะส่งไปให้เอเจนต์ได้พิจารณา และก็ต้องตื่นเต้นเมื่อสุดท้ายเขาได้เซ็นสัญญากับหนึ่งในบริษัทที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮอลลีวูดอย่าง Creative Artists Agency (CAA)

“เขาแสดงออกหลายอารมณ์ มีทั้งสีหน้าเหยียด, เย่อหยิ่ง, ข้องใจ, เศร้า ฉันเห็นเขาในทุกอารมณ์ แต่สิ่งที่ฉันไม่เคยเห็นเลยคือการแสดงออกซึ่งความสุขที่แท้จริงในตัวทอมมี่ เขาเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูงมาก มุ่งมั่นที่จะเป็นดารา สิ่งเหล่านี้ทำให้เขากลายเป็นคนที่คลั่งในความสมบูรณ์แบบ ตอนที่ฉันเป็นผู้จัดการให้เขาสิ่งเหล่านี้ได้ขับเคลื่อนเขาและฉันมั่นใจว่ามันคือสิ่งที่ขับเคลื่อนทำให้เขาเป็นเขาในทุกวันนี้”


ข้อเรียกร้อง 11 ข้อ

นอกจากนั้นเธอยังเล่าถึงเรื่องที่ ทอม ครูซ ที่เป็นเพียงนักแสดงหน้าใหม่สั่งให้เธอร่างข้อเรียกร้อง 11 ข้อจากภาพยนตร์สร้างชื่อของเขาในปี 1983 เรื่อง Risky Business ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เธอเริ่มเอะใจกับความเจ้าระเบียบรอบคอบเจ้าบงการที่บ่มเพาะกลายเป็นนิสัยของเขาในทุกวันนี้

“ฉันจำได้เลยวันที่ ทอมมี สั่งให้ฉันพิมพ์ข้อเรียกร้องต่างๆ โดยเริ่มจากเงิน ซึ่งเขาเรียกร้องที่ 75,000 ดอลลาร์”

ทอม ครูซ ยังเป็นนักแสดงที่ขอเรียกเก็บเงินก่อน และไม่มีใครได้เงินมากกว่า หากนักแสดงหญิงได้เงินมากกว่าทอม เขาก็จะส่งบิลไปเรียกเก็บเงินเป็นครั้งที่สอง “ถ้าเขาใช้ภาพถ่ายหรือภาพวาดของใครในภาพยนตร์ เขาก็ต้องการให้ทำแบบเดียวกัน หรือทำให้ใหญ่กว่า”

นอกจากนั้นหากเขาต้องบินไปยังสถานที่ถ่ายทำที่ไหน เขาต้องได้ตั๋วบินไป-กลับแบบเฟิร์สคลาส และยังรวมถึงห้องพักระดับเฟิร์สคลาสและห้องแต่งตัวที่เพียบพร้อมที่สุด ซึ่งถูกระบุไว้ในลิสต์ด้วย

แม้เขาจะมีข้อเรียกร้องต่างๆ มากมาย แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง โดย ไอลีนเผยว่าเขาไม่มั่นใจที่จะโทรหา เพิร์ลแมน เองเพราะเธอถือว่าเป็นคนที่มีอำนาจเหนือกว่าเขา ในขณะที่เขาเป็นเพียงหน้าใหม่ในวงการ “เขาเอาแต่ใจตัวเองมากทุกอย่างหมุนรอบตัวเขาเลย”

ทอม ครูซ ขึ้นแท่นเป็นนักแสดงหลักตอนที่เขายังอยู่ในความดูแลของ ไอลีน กับการรับบทนักเรียนนายร้อยในภาพยนตร์เรื่อง Taps ปี 1981 ซึ่งเขาได้แสดงร่วมกับ จอร์จ ซี. สก็อตต์, ทิโมธี ฮัตตัน และฌอน เพนน์ ซึ่งมีอยู่ฉากหนึ่งที่เขาจงใจจินตนาการสร้างความแค้นในจิตใจในฉากอันเป็นที่น่าจดจำ

“เขาบอกฉันว่าก่อนที่จะถ่ายทำฉากกราดยิง เขาขังตัวเองในตู้เสื้อผ้าแล้วคิดว่ามีคนมาข่มขืนน้องสาวเขา”

นอกจากนั้นยังมีวิธีอื่นในการเข้าถึงบทบาทของ ทอม ครูซ โดย ไอลีน ได้เล่าให้ฟังถึงตอนที่ ทอม ครูซ มากินอาหารกลางวันกับเธอและสามีระหว่างพักการถ่ายทำที่สถาบันทหาร Valley Forge ใน เพนซิลเวเนีย ซึ่งเขารู้สึกไม่พอใจอย่างมากเมื่อพนักงานเสิร์ฟถามคำถามเขา

“พนักงานเสิร์ฟได้ถามเขาว่า ‘คุณเป็นหนึ่งในนักแสดงเหรอคะ?’ ทอม ครูซ พูดกับพวกเราว่า ‘บอกเธอทีอย่าถามอะไรผม ตอนนี้ผมกำลังเข้าถึงบทอยู่’”


ส่วนภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายที่ ไอลีน เบอร์ลิน ได้มีโอกาสดูแล ทอม ครูซ คือเรื่อง Top Gun ภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในปี 1986 กับรายได้ 176 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากความสำเร็จดังกล่าว ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง ทอม ครูซ กับ ไอลีน เบอร์ลิน ต้องยุติลงเมื่อเขาตัดสินใจที่จะมุ่งมั่นในฐานะซูเปอร์สตาร์คนใหม่ของวงการด้วยการย้ายไปอยู่ในลอสแองเจลิส

ไอลีน กล่าวว่า ทอม ครูซ อยากให้เธอได้ติดตามเขาไปตลอดเส้นทางอาชีพซูเปอร์สตาร์ แต่ก็ต้องผิดหวังอย่างแรงเมื่อเธอบอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะทิ้งครอบครัวและลูกค้าของเธอในนิวยอร์กไป

ทั้ง ไอลีน และ ทอม ครูซ ยังคงติดต่อกันหลังจากนั้นหลายปี โดยเธอยังเผยด้วยว่าไม่รู็สึกแปลกใจแต่อย่างใดกับการที่พระเอกดังไปยุ่งเกี่ยวกับลัทธิไซเอนโทโลจีและการแต่งงานที่ผ่านมาทั้ง 3 ครั้งของเขากับ มีมี่ โรเจอร์ส, นิโคล คิดแมน และ เคที โฮล์มส จะจบลงที่การหย่า

“จริงๆ ฉันแค่ตกใจที่เขาแต่งงานถึง 3 ครั้งและพวกเขาก็พยายามอยู่ด้วยกันให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันหวังว่าเขาจะมีเรื่องอื่นในชีวิตให้ทำ แต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะรักใครอีก เขาแค่รักในสิ่งที่เขาทำ ฉันรู้สึกเศร้าต่อเขานะ ฉันแค่ห่วงว่าเขาจะเหงา ตราบใดที่เขาสามารถทำงานและสร้างภาพยนตร์ในแบบที่เขาต้องการได้ เขาก็จะโอเค แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเขาทำมันไม่ได้ อันนี้ฉันก็ไม่รู้จริงๆ"























กำลังโหลดความคิดเห็น