“มิว ลักษณ์นารา” ยอมรับโสดแล้ว เลิกราแฟนหมอ 3 อาทิตย์ พ้ออยู่ด้วยกันมา 1 ปี อยู่ดีๆ หายไป ก็โหวงๆ เจ็บๆ ในใจ แต่ชีวิตต้องมูฟออน แผลยังสดไม่พร้อมเจอตอนนี้ เสียดายรักจบ ไม่ได้กะคบเพื่อเลิก วาดฝันถึงขั้นวิวาห์ด้วย แต่ต้องยอมรับความจริงจุดโฟกัสฝ่ายชายเปลี่ยนไป
เพิ่งจะฉลองครบรอบรัก 1 ปีไปเมื่อส.ค. ปีที่ผ่านมา แต่ล่าสุด “มิว ลักษณ์นารา เปี้ยทา” ก็ออกมาเผยว่าตอนนี้ได้ยุติความรักกับหมอหนุ่มนอกวงการไปแล้ว เหตุทัศนคติไม่ตรงกัน เฮิร์ตและเสียดาย แต่ก็ต้องทำใจ เพราะฝ่ายชายมีจุดโฟกัสที่เปลี่ยนแปลง
“ตอนนี้ไม่มีแฟนแล้วค่ะ โสดแล้ว ทุกคนตกใจ มิวก็ยังตกใจเหมือนกัน ที่เลิกกันไปก็เพราะว่า เหมือนทัศนคติในหลายๆ อย่างมันไม่ตรงกัน ก่อนหน้านี้เขายังเป็นนักศึกษาแพทย์อยู่ ก็ยังฝึกงาน แต่ตอนนี้เขาทำงานเต็มตัวแล้ว เขาก็เลยโฟกัสกับตรงนั้นมากขึ้น โดยที่เราก็โฟกัสกับงานนะ แต่เราอาจจะไม่โฟกัสเท่าเขา พอคุยกันแล้วมันไม่ลงรอยกันเท่าเมื่อก่อน ก็เลยแบบงั้นก็แยกย้ายแล้วกัน
เรื่องเวลาก็มีส่วนนะ เพราะเมื่อก่อนเราก็เจอกันบ่อย แต่ปัจจุบันไม่ค่อยได้เจอกัน เพราะเขาก็ทำงานเยอะมาก ก็เข้าใจ ถ้าเขาโฟกัสอย่างอื่นอยู่ ก็ให้เขาไปตามทางของเขา”
ห่างกัน 3 อาทิตย์ ยังเฮิร์ตอยู่
“ไม่นาน ยังไม่ถึงเดือนเลย ประมาณ 3 อาทิตย์ได้ค่ะ ก็เฮิร์ตนะ คนมันอยู่ด้วยกันมาตลอด คบกันมาปีกว่าๆ พอคนคนหนึ่ง ที่เคยอยู่กับเรามาปีหนึ่ง อยู่ดีๆ ก็หายไป มันก็โหวงๆ เจ็บๆ อยู่ แต่ชีวิตมันก็ต้องมูฟออนเนาะ
ถามว่าด้วยความที่เราเริ่มต้นคุยกันจากการเล่นเกมส์ ทำให้ไม่ได้ศึกษากันมากพอหรือเปล่า จริงๆ ก็ไม่ได้เชิงเจอกันผ่านเกมส์นะ เรารู้จักกัน แต่แค่ไม่เคยเจอกันเฉยๆ รู้ว่าเพื่อนเรามีเพื่อนคนนี้นะ พอมีโอกาสได้มาคุยกันตอนนั้น เราก็ได้มาเจอกัน เราเจอกันบ่อยมากเลยนะคะ ช่วงที่คบกันก็หาเวลามาเจอกันมากขึ้น ถ้าเขาไม่ว่างมิวก็ไปหา ถ้าเขาว่างเขาก็มาหา คือเราก็ปรับตัวกันมาอยู่ตลอด แต่อย่างที่บอก พอถึงจุดหนึ่ง จุดโฟกัสมันคนละอย่าง ก็เลยเป็นเหตุผลให้เราเดินกันไปคนละทาง”
จบกันด้วยดี
“จบลงด้วยดีนะ ก็คุยกันด้วยดี เพราะว่าเขาก็บอกเหตุผลเราตรงๆ ว่าตอนนี้เขาโฟกัสกับอะไร เขาอยากจะโฟกัสกับอะไร เราก็เข้าใจเขาแหละ เพราะเขาเป็นคนที่จริงจังมาก เราก็โอเค อยากให้เขาได้ในสิ่งที่เขาหวัง เราก็เลยแบบโอเคค้า”
เสียดายรักจบ ไม่ได้กะคบเพื่อเลิก วาดฝันถึงขึ้นแต่งงาน แต่ทำใจจุดโฟกัสเปลี่ยนแปลง
“เสียดายนะ เพราะมิวคบใคร ก็ไม่ได้กะคบเพื่อเลิก หนูก็ 27 แล้ว ไม่ได้คิดว่าเราอาจจะมีแฟนอีกสักคนสองคน มิวก็กะว่าถ้าคนนี้ใช่ คนนี้โอเค ก็จะอยู่กันไปยาวๆ เราอาจจะได้แต่งงานกัน เราเคยวาดความฝันไว้ด้วยกันด้วยนะ แต่จุดโฟกัสมันเปลี่ยน มันก็เปลี่ยนค่ะ”
ไม่กลัวความรัก แต่กลัวเริ่มต้นใหม่
“ไม่ได้กลัวค่ะ แต่ว่ามันก็อาจจะกลัวการเริ่มต้นใหม่นิดหนึ่ง เพราะมันก็ค่อนข้างเหนื่อยนะ กับการที่ต้องเริ่มให้กับใครสักคน เหมือนต้องกลับไปจุดสตาร์ทใหม่ ทั้งๆ ที่เราเดินมาครึ่งทางแล้ว
เราก็คุยกันเข้าใจค่ะ ต่างคนก็ต่างทำงาน ถามว่ายังพูดคุยกันได้ไหม คือตอนนี้มิวว่าน่าจะยังไม่สะดวกที่จะเจอกัน มันยังสดไปหน่อย แต่อนาคตหลังจากนี้ก็หวังว่าเขาจะโอเค แล้วก็ได้มาพูดคุยกัน เพราะเราไม่ได้เลิกกันแบบทะเลาะกัน หรือมีมือที่สาม หวังว่าในอนาคตเราจะได้เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เพราะเวลามิวมีอะไร ก็ชอบที่จะปรึกษาเขา เพราะว่าเขาก็เป็นคนมีเหตุผล มีตรรกะความคิด แบบคุณหมอเนอะ ก็จะเป็นเหตุเป็นผล การได้ฟังความคิดเห็นของเขา มันก็เป็นเรื่องที่ดีค่ะ ตอนนี้ก็คืนสเปซให้กันและกันก่อน”
เซ็กซี่ลบภาพนางเงือก
“ก็พยายามจะลบภาพลักษณ์นางเงือกของตัวเองตอนสมัยเด็กๆ ค่ะ แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้ ว่าทุกคนจำมิวได้จากบทนางเงือกใช่ไหม แต่ก็อยากจะให้คนที่ติดตามมิว หรือว่าเคยดูละครมิวมาก่อน ได้เห็นในอีกหลายๆ ลุคว่าเราโตขึ้นแล้วนะ เราไม่ได้เป็นน่าเงือกน่ารักๆ อย่างนั้นอีกแล้วนะ
ซึ่งฟีดแบ็กก็ดีนะคะ ที่เห็นได้ชัดๆ เลย ก็คงจะเป็นเรื่องงาน เพราะทุกคนก็เริ่มเห็นว่าเราโตขึ้น ดูดีขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น งานมันก็เลยมีเข้ามา กับเพื่อนๆ ทุกคนก็โอเค บอกว่าสวยนะ เพราะเราก็ใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น
ส่วนแฟนคลับเด็กๆ คือทุกคนโตกันมาหมดแล้ว ก็โอเค รับได้ ล่าสุดน้องแฟนคลับก็บอกว่า หนูดูพี่ตั้งแต่เด็กมากๆ เลยค่ะ แต่ตอนนี้ก็ชอบนะ ทุกคนก็ยังเรียกมีนานุชอยู่ดี ถามว่ามิวไหน พอบอกว่าที่เล่นมีนานุช ทุกคนก็อ๋อ…พี่นางเงือก ก็ยังจำได้อยู่ ว่าเป็นเรานะ ที่เล่นเป็นมีนานุช”
เปิดโอกาสรับงานใหม่ๆ ไม่ได้มีแค่บทใสๆ น่ารักอย่างเดียว
“มิวว่าเปิดนะ เพราะว่าผู้จัดหรือผู้ใหญ่ในวงการหลายๆ ท่าน ก็ยังติดภาพลักษณ์มิวในลุคนางเงือกน่ารักใสๆ อยู่ อย่างที่ได้มาเล่นดงดอกไม้ ก็เป็นบทที่พลิกไปเลย ไม่มีอะไรที่เหมือนมีนานุชเลยสักอย่าง พี่ฉอด (สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา) ไว้ใจให้มิวมาเล่นบทนี้ ก็ดีใจมากๆ นี่คือสิ่งที่มิวพยายามทำมาตลอด ให้คนเห็นว่าเรามีมุมอื่นนะ เราสามารถเล่นบทอื่นได้นะ ไม่ใช่บทน่ารักใสๆ อย่างเดียว”
