“ริท เดอะสตาร์” ยังไม่ใช่เสี่ย แฮปปี้กว่า 1 ปี เปิดคลินิกเสริมความงามเป็นสาขาที่ 3 แล้ว ยันไม่ขายแฟรนไชส์ หวั่นไม่ได้เรื่องมาตรฐาน ปลื้มเติบโตเร็ว ติด 1 ใน 10 ระดับประเทศ รับตลกถูกปั่นกระแสคู่ “เจนิส” แต่ยอมรับถูกชะตา เคมีตรงกัน
หลายคนยกให้เป็นเสี่ยไปแล้ว สำหรับ “หมอริท เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช” หรือ “ริท เดอะสตาร์”เพราะตอนนี้คลินิกเสริมความงาม THE RITZ คลินิก เตรียมเปิดสาขาที่ 3 แล้ว ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าเป็นโอกาสที่มีเข้ามา ตนก็เลยคว้าไว้ แต่ถือว่าโชคดีคลินิกเพิ่งเปิดได้ปีกว่าๆ แต่ได้รับรางวัลการันตีไม่น้อยแล้ว
“ยังไม่เป็นเสี่ยหรอก ก็ทำไปเรื่อยๆ มีโอกาสตรงไหนมีที่เพิ่มที่สามารถเปิดได้ริทก็รับเข้ามาและดูแลคุณภาพให้มันดีที่สุด เพราะตอนนี้มันมีมากกว่า 1 ที่แล้ว ตอนนี้เข้าสาขาที่ 3 แล้วครับ ก็ยากอยู่นะ แต่ริทก็ทำไปเรื่อยๆ มีโอกาสเข้ามาริทก็คว้าไว้ก่อน อย่างสาขาที่3 ที่เซ็นทรัลบางนาอยู่ดีๆ ก็ได้ที่มาแบบฉุกเฉิน เพิ่งได้ประมาณปลายปีที่ผ่านมา แล้วเดือนหน้าก็ต้องเปิดแล้ว ซึ่งมันก็ค่อนข้างฉุกละหุก แต่ก็รู้สึกว่ามันเป็นโอกาส ก็ทำงานให้ไวที่สุด
เงินก็มาจากผลประกอบการนี่แหละครับเอามาเปิดเพิ่ม ตอนนี้ไม่ได้ลงทุนอะไรเพิ่มเลย คือเอากำไรที่ได้มาขยายสาขา แต่ก็ไม่ถึงตัวเองสักที (หัวเราะ) เพราะเอากำไรที่ได้ไปลงทุนเพิ่ม ริทดูแลเองทั้ง 3 สาขาเลยคือปกติริทก็ตรวจประมาณ 5-6 วันต่อสัปดาห์ ตอนนี้ก็ลดวันตรวจลง และมีคุณหมอท่านอื่นเข้ามาอยู่ในทีมแพทย์ ริทก็จะมาอยู่ฝ่ายบริหารมากขึ้น ก็จะดูว่าสาขาตรงไหนควรเปิดเพิ่มหรือเครื่องมืออะไรที่ควรมีเพิ่มริทก็จะลงมาดูเองหมด ให้มันเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกที่ครับ”
ไม่คิดเปิดแฟรนไชส์ กลัวคุมมาตรฐานไม่ได้
“มันเหมือนจะง่ายนะเปิดคลินิกความงาม เพราะคนเปิดกันเยอะแยะเต็มไปหมดเลย แต่ริทว่ามันไม่ง่าย เพราะถ้าจะเปิดแบบเอาอะไรที่มันไม่มีมาตรฐานมาทำให้คนไข้ มันก็เปิดได้ง่าย แต่สิ่งที่เราตั้งใจให้เป็นมาตรฐานไว้ริทว่ามันค่อนข้างยากอยู่ ต้องใช้เวลากับมันเยอะอยู่ คือตอนนี้ 5 วันที่ริทหยุดมาเพื่อบริหารก็เหมือนจะเยอะ แต่ก็ไม่เพียงพอในการที่จะทำ แต่ริทคิดว่าไม่น่าจะขายแฟรนไชส์ เพราะอย่างที่บอกว่ามันเหมือนจะง่ายที่อยู่ดีๆ จะเอาใครมาเปิดกิจการ แต่สุดท้ายแล้วมันต้องเกิดจากคนที่มีความรู้ความเข้าใจในการทำงานตรงนี้ ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะเอายาอะไรมาฉีดก็ได้ หรือไม่ใช่จะเอาเครื่องมืออะไรเข้ามาก็ได้ ริทเลยว่าไม่น่าจะขายแฟรนไชส์กันได้ง่ายๆ
ริทอยากให้คนรู้สึกว่าไปที่ไหนก็รู้สึกได้มาตรฐานเดียวกัน คุณภาพเดียวกัน เทคนิคที่ใช้ต้องเหมือนกันหมด ผลลัพธ์การรักษาต้องเหมือนกัน คลินิกเพิ่งเปิดมาปีนิดๆ ครับ ต้องบอกว่าเปิดมาพร้อมความกดดัน เพราะมาพร้อมโควิด ตอนนั้นเตรียมจะจัดงานแกรนด์เปิดร้าน ก็จะเชิญพี่ๆ นักข่าวแล้ว แต่โควิดเข้าก่อน จากนั้นก็พักยาวไม่ได้เปิดร้านอีกเลย จนตอนนี้ปีกว่า แต่ก็สู้ผ่านมาได้ครับ ช่วงนี้ก็ได้รับรางวัลต่างๆ มากมายจากการให้บริการ เพราะในกลุ่มของคลินิกความงามมันจะมีการวัดผลกันอยู่แล้วว่าที่ไหนใช้ของแท้และอัตราการใช้สูงที่สุด เราก็เริ่มทยอยติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศแล้ว ก็ค่อนข้างเติบโตได้รวดเร็วครับ
ของริทจะเกี่ยวกับปรับรูปหน้าและผิวหน้าครับ เพราะตัวยาของริทจะมีทั้งอย.อเมริกามาลงที่คลินิกหมดเลย ต้องผ่านอย.ไทยด้วย จะอยู่ในคลินิกของริททั้งหมด ส่วนเครื่องมือก็จะมีอย.อเมริกา และอย.ไทย ที่จะเข้ามาวางในคลินิก ก็เลยจะมีเครื่องมือครบทุกตัว เครื่องมือที่เป็นกลุ่มผิว กลุ่มยกกระชับ ครบหมดเลยในคลินิกริท และยาที่เกี่ยวกับปรับรูปหน้า ยาเกี่ยวกับริ้วรอยก็ครบหมดทุกตัวที่ได้มาตรฐานอย.อเมริกาครับ คนแซวว่าคลินิกดารา แต่ราคาซุป’ตาร์เหรอ จริงๆ ถ้าเทียบราคาในเกรดมาตรฐานของคลินิกที่ใช้ยาแท้และเป็นยาที่มีคุณภาพมาตรฐานอเมริกา ต้นทุนมันสูงกว่าอยู่แล้วถ้าเทียบกับคลินิกที่ใช้ยาเกรดนี้ริทไม่มีแพงกว่าใครเลยครับ มั่นใจและกล้าการันตีมาก จะบอกว่าของริทดีกว่าชาวบ้านทั้งหมดก็ไม่ใช่ แต่ริทเลือกมาตรฐานแล้วว่าในประเทศไทยถ้าเครื่องมือตัวนี้ก็ที่สุดแล้ว ยาตัวนี้ก็ที่สุดแล้ว”
ขำๆ ข่าวจิ้นกับ “เจนิส เจณิสตา” บอกแค่ถูกชะตากัน
“ใครชวนไปไหนก็ไป ก็ทะเลไง มันจะคอเต่าก็ไม่ได้ ริทก็ออกกำลังกายเรื่อยๆ แต่ช่วงนี้ออกน้อยลงเพราะทำงานเยอะ แต่อาจจะเพราะมีโครงเดิมมาบ้างนิดหน่อย เวลาถ่ายรูปเราก็เกร็งบ้าง ใช้แสงและเงาช่วยบ้าง แต่ของจริงก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้นครับ มันดูเหมือนคนออกกำลังกายใช่ไหม (หัวเราะ) อาจจะเพราะทุนเดิมไม่ใช่คนอ้วนอยู่แล้ว คือมันมีทรง มีบล็อกมาอยู่แล้ว ถ้าริทปล่อยท้องปกติก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าเกร็งมันก็จะมาเป็นลูก แต่ก็ไม่ได้แข็งเหมือนคนที่ออกกำลังกายนะ ก็ออกกำลังกายเรื่อยๆ ครับ เล่นโฟกัสจุดที่ต้องการ จุดที่ไม่ต้องการก็จะไม่เล่นให้มันใหญ่เกินไปเพราะริทเป็นคนตัวเล็กตัวเตี้ย ริทเลยเล่นแค่บางส่วน อย่างท้อง หลัง อกคือเล่นตลอด
กับเจนิสเนี่ยก็ไปเที่ยวกันเฉยๆ ไปกันตั้ง 8 คน คือด้วยชีวิตประจำวันจะอยู่ด้วยกันบ่อย เพราะเราเคยเล่นละครด้วยกันมาเรื่องนึง แล้วริทเป็นคนที่ถ้าไม่ถูกชะตาเราก็แค่ทำงานมันก็จบ แต่กับน้องเจนิสเหมือนเราถูกชะตา เราคุยกันรู้เรื่อง หลังจากนั้นก็ไปกินข้าวกันตลอด หรือมีกิจกรรมอะไรก็ทำด้วยกันตลอด จริงๆ ก็ไปหลายที่แล้วนะ แต่ที่นี่ก็คือนัดเที่ยวกัน พอเป็นข่าวก็ได้คุยกัน ตลก ยังคุยกันเลยว่ามีนักข่าวปั่นแล้วนะ (หัวเราะ)แต่มันเป็นภาพเล่นน้ำแล้วก็ถ่ายรูปริมสระเฉยๆ ไม่มีอะไร แต่คนอาจจะเห็นอยู่ด้วยกันบ่อย ชอบถ่ายสตอรี่เล่นกัน เคมีตรงกัน”
ไม่หวั่นกระแสคนแอนตี้เล่นซีรีส์วาย เชื่อถ้าคนดูได้ดูเนื้อเรื่องก็จะเข้าใจ
“ซีรีส์เรื่อง กลรักรุ่นพี่ ถามว่ากลัวกระแสไหม ไม่กลัวครับ สำหรับตัวริทมองว่าเขาเลือกเราเข้ามาเติมเต็มบทนี้ ถึงมันจะเป็นบทที่มาขัดขวางเรื่องของคู่รักน้องหยินน้องวอร์ ดูเป็นตัวที่มาแทรกแซงเขา แต่ถ้าเกิดมองในแง่ความมีรสชาติของเนื้อเรื่องเราก็ตั้งใจเข้ามาเติมเต็มรสชาติตรงนี้ให้ได้มากที่สุดและสุดท้ายแล้วยังไงพระเอกกับนายเอกเขาก็ต้องคู่กันถูกไหม แต่กระแสคนจะหมั่นไส้เนี่ย ไม่ได้เตรียมใจรับอะไรเลย เพราะงานก็คืองาน และเรารู้ว่าบทบาทมันเป็นยังไง เราก็ตั้งใจปั่น จริงๆ คุยกับน้องสองคนด้วยว่าเดี๋ยวพี่ปั่นอย่างนี้ๆ นะ
เราก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องมีคนอินจนเกลียด ริทคิดว่าถ้าคนได้ดูเรื่องน่าจะเข้าใจ จริงๆ ที่ริทมาเล่นซีรีส์เรื่องนี้มูลค่าเรื่องเงินที่ได้มันไม่ได้เยอะอะไรเลย แต่เราอยากมาเติมเต็มซีรีส์เรื่องนี้ให้เขา และเรารู้จักกับน้องๆ อยู่แล้ว ริทเลยคิดว่าคนที่มองเข้ามาน่าจะมองอีกอย่างนึง เพราะสุดท้ายบทก็คือบท ซีรีส์ก็คือซีรีส์ พอกลับบ้านริทก็อยู่ในชีวิตของริท ส่วนน้องก็อยู่ในชีวิตของน้องเขา มันไม่ได้จะต้องมาต่อในชีวิตจริงอยู่แล้ว ริทก็ไม่ได้กังวลเรื่องพวกนี้เลยขอแค่ทุกคนดูอย่างมีของเขต ดูอย่างสนุกกับมันแล้วกัน อินอยู่ในเรื่อง แต่อย่าออกมาข้างนอก มันไม่เกี่ยวแล้ว”