กลายเป็นเรื่องราวที่น่าเศร้าและน่าเห็นใจรวมทั้งบีบคั้นหัวใจใครหลายๆ คนอย่างมาก เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของน้องกัณฑ์ เด็กชายวัย 12 ปี ที่ก่อนหน้านี้น้องเคยไลฟ์สดเล่นดนตรีเปิดหมวกเพื่อหาเงินรักษาคุณพ่อที่กำลังป่วยเป็นมะเร็ง และต่อมาก็มีการเปิดไลฟ์สดขึ้นอีกครั้งแต่ไลฟ์นี้สร้างความเสียใจให้กับผู้คนทั่วไปร่วมด้วยเพราะครั้งนี้เป็นการไลฟ์สดเพื่อขอรับบริจาคเงินทำศพคุณพ่อที่ได้จากไปแล้วอย่างไม่มีวันหวนกลับมา จากภาพบรรยากาศในตอนไลฟ์ที่ดีดกีตาร์ไปร้องเพลงเคล้ากับน้ำตาต่างทำให้ผู้คนที่ติดตามน้องในโซเซียลและประชาชนทั่วไปต่างแสดงความเสียใจและมีอารมณ์เศร้าร่วมไปด้วยนั้น
ล่าสุดคนบันเทิงอีกท่านคุณจี๊บ เทพอาจ กวินอนันต์ ผู้บริหารเจ้าของอาณาจักรเครื่องดื่ม และค่ายเพลงอย่าง เลิฟ อิส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ก็ได้พยายามติดต่อเพื่อขอเข้าให้ความช่วยเหลือทุกช่องทางแต่ยังติดต่อน้องกัณฑ์ไม่ได้ จึงประกาศผ่านหน้าเฟซบุ๊กแฟนเพจส่วนตัวในชื่อว่า Jeep TK เพราะต้องการให้ความช่วยเหลือน้องทุกรูปแบบไม่เพียงแค่การบริจาคเงินเท่านั้น
“ใครรู้จักหรือสามารถติดต่อน้องได้รบกวนหน่อยครับ อยากดูแลและสนับสนุนน้องจะให้น้องติดต่อมาหรือให้ผมติดต่อน้องได้หมดครับ รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ (ผมพยายามติดต่อไปแล้วยังไม่สามารถติดต่อได้ครับ)”
หลังจากโพสต์นี้เผยแพร่ในช่วงบ่ายของวันนี้ (17 กุมภาพันธ์ 65) โพสต์นี้ได้ถูกแชร์ออกไปเป็นจำนวนมากกว่า 300 แชร์เพื่อที่เข้ามาสนับสนุนให้พี่จี๊บช่วยเหลือน้อง และในช่วงเย็นของวันเดียวกันนี้น้องกัณฑ์ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กที่มีชื่อว่า “กัณฑ์ ชนะเดช” ว่าขอปิดรับบริจาคเงินทุกด้านและกราบขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีทุกคน
ทั้งนี้ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์พี่จี๊บถึงความตั้งใจจากการโพสต์ในครั้งนี้ โดยพี่จี๊บเปิดใจว่า “จริงๆ แล้วไม่ได้จะติดต่อช่วยดูเรื่องเพลงอะไรเลยนะ ด้วยวัยของน้องที่อายุ 12 ปี เรื่องเรียนสำคัญที่สุด เรื่องชีวิตความเป็นอยู่ แล้วค่อยมาเรื่องเพลงด้วยซ้ำ สำหรับพี่ที่อยากช่วยเหลือเราต้องดูว่าน้องต้องการส่วนไหน หรือว่าขาดตรงไหน ขาดปัจจัยไหนพี่ก็อยากเข้าไปช่วย พอฟังน้องสัมภาษณ์และเข้าไปดูในคลิปต่างๆของน้องเขา ดูเป็นคนเก่งนะและมีความคิดที่ดี ทัศนคติที่ดี”
“แต่ตอนนี้ยังติดต่อน้องไม่ได้พยายามทุกทางเลยตัดสินใจให้แฟนๆ ในโซเชียลช่วยกันกระจายข่าว พี่อยากช่วยน้องเค้าจริงๆ พี่อยากจะช่วยเหลือในระยะยาวจนเขาเรียนจบเลย มีงานประกอบอาชีพได้ เลี้ยงดูตัวเองได้ วันหนึ่งมีครอบครัวเขาจะสามารถดูแลครอบครัวได้ ส่วนโรงเรียนแอบประสานไว้เรียบร้อยแล้วซึ่งเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดที่หนึ่งในประเทศไทย ซึ่งท่านผู้อำนวยการโรงเรียนก็ให้ความกรุณาตอบรับไว้เรียบร้อยแล้วด้วย”
ส่วนเรื่องการทำเพลงให้นั้น พี่จี๊บเล่าต่อว่า “ถ้าน้องชอบนะ มันเป็นงานของเราอยู่แล้ว เป็นงานถนัด และพี่ๆ ในค่ายพอรู้เรื่องพวกเขาก็ดีใจ อยากจะช่วยเหลือน้องอยู่แล้วทุกคนเลย คือถ้าน้องอยากทำและถ้าทำแล้วมีเรื่องรายได้และประสบการณ์ที่ดี พี่ๆ ศิลปินที่นี่ก็พร้อมและรับรองว่าเราอยู่กับเป็นครอบครัว”
“ส่วนหากเค้าจะเรียนด้านไหน เรียนดนตรีผมก็ไม่ติด พี่ไม่ได้มีแค่เคสนี้เคสเดียว มีหลายเคสและที่ตกลงกันไว้ เราก็ช่วยเรื่องเรียนทุกคนต้องเรียนอยู่นะ ส่วนจะเรียนอะไรก็แล้วแต่เขาชอบแล้วเราก็สนับสนุนเขา บางคนก็มาแบบไม่มีอะไรเลยจริงๆ เราก็มีที่พัก มีคนดูแลให้ด้วย”
“การช่วยเหลือก็คงต้องแบ่งเป็น Period อย่างช่วงนี้สำคัญที่สุดคงเป็นเรื่องจิตใจเค้านะ ทำยังไงให้เค้ากลับมามีชีวิตมีวัยของเค้า อยากเห็นรอยยิ้มเค้าอยู่ ลูกพี่ก็มีอายุประมาณเท่านี้ เพราะวัยนี้ถ้าเขาขาดรอยยิ้มไปก็จะขัดต่ออายุเค้ามากๆ เรื่องต่อมาก็เรื่องเรียน ส่วนเรื่องที่อยู่อาศัยก็ต้องดูว่าเขาติดอะไรไหม เราก็พร้อม Support เค้า”
สุดท้ายพี่จี๊บบอกว่า ยังไงก็ต้องติดต่อน้องให้ได้ อยากเป็นกำลังใจให้ และไม่รู้ว่าจะได้เจอกันไหม และน้องเก่งมากๆ แล้วที่ยังยืนหยัด และมีสติพอที่จะรู้ดีรู้ชั่ว ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ อยากจะให้น้องพบเจอแต่สิ่งดีๆ ได้ทำตามความฝันของตัวเอง ได้ทำให้คุณพ่อมีความสุข แล้วก็ไม่รู้ว่าน้องคุยอะไรกับคุณพ่อไว้บ้าง แต่ก็อยากเป็นกำลังใจและอยากช่วยให้น้องได้ทำตามความฝันอย่างที่ตั้งใจไว้ให้ดีที่สุด