xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป)“สรพงษ์” ไม่ได้เป็นมะเร็งสมอง! “บิณฑ์-เอกพันธ์” ยืนยันเป็นมะเร็งปอดระยะ 2 ตอนนี้อยู่ห้องไอซียู เพิ่งถอดเครื่องช่วยหายใจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“บิณฑ์-เอกพันธ์” ยืนยัน “สรพงษ์” ไม่ได้เป็นมะเร็งสมองตามข่าวลือ บอกนักแสดงรุ่นพี่เป็นมะเร็งปอดมาประมาณ 6 ปี รักษาตามอาการมาตลอด คาดน่าจะเพิ่งระยะที่ 2 เพราะเจอและตัดเนื้อร้ายออกไปตั้งแต่พบช่วงแรก แต่ที่ต้องเข้าไอซียูล่าสุดเพราะทานกล้วยน้ำว้าแล้วสำลัก บวกกับเชื้อมะเร็งปอดกลับมาอีกครั้ง ทำให้ลามไปอวัยวะส่วนอื่น แต่ตอนนี้ผ่านไปร่วม 10 วัน อาการดีขึ้นมาก คาดอีกไม่เกินสัปดาห์น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว

หลังจากมีข่าวว่านักแสดงรุ่นใหญ่ “เอก สรพงษ์ ชาตรี”ป่วยหนักจนต้องเข้าไอซียู ภายหลังมีข่าวตามมาว่าเจ้าตัวป่วยเป็นโรคมะเร็งสมอง อาการค่อนข้างน่าเป็นห่วง แต่ล่าสุดทางนักแสดงรุ่นน้องคนสนิทอย่างสองพี่น้องฝาแฝด “บิณฑ์ - เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์”ได้ออกมาแถลงข่าวอัปเดตอาการล่าสุด โดยยืนยันว่าสรพงษ์ไม่ได้เป็นมะเร็งสมองแน่นอน แต่เป็นมะเร็งที่ปอด และรักษาอาการมาอย่างต่อเนื่องร่วม 6 ปีแล้ว



บิณฑ์ : “ต้องย้อนกลับไปเรื่องข่าวที่ออกมาก่อนว่ามะเร็งสมองหรืออะไรก็แล้วแต่ ที่ข่าวออกมาแล้วทำให้ทุกคนเป็นห่วง จริงๆ แล้วพี่เอกตอนแรกที่ผมไปเยี่ยมประมาณ 5-6 ปีที่แล้วเป็นมะเร็งที่ปอด แล้วพี่เอกก็ตัดไปประมาณสัก 4-5 นิ้วมั้ง เพราะเป็นชิ้นมะเร็งก็ตัดออกไปที่ปอดด้านซ้าย และรักษาตามอาการมาตลอด จนกระทั่งพี่เอกก็แข็งแรงดีก็กลับไปถ่ายหลวงตา ถ่ายนั่นถ่ายนี่ ก็ทำงานได้ปกติ

จนกระทั่งปีที่แล้วอาการก็กลับมาอีก ผมทราบข่าวเพราะว่าภรรยาของพี่เอกโทร.มาบอกว่าตอนนี้พี่เอกไม่สบาย ผมก็พากันไปเยี่ยม มีคุณเอกพันธ์ไปด้วย ประมาณ ก.พ.-มี.ค. ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมเริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของพี่เอก ก็ถามแกว่าพี่เอกจำผมได้ไหม แกมองหน้า แล้วหันไปถามคุณเดือนภรรยาแกว่าใคร คุณเดือนก็บอกว่าบิณฑ์กับเอกพันธ์ไง แกถึงจำได้ พอจำได้ปุ๊บเรื่องราวเก่าๆ พี่เอกก็จำได้หมดว่าใครเป็นยังไง

ผมที่ชื่อบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เพราะพี่เอกมีส่วนผลักดัน ตอนนั้นมีพี่คมจะปั้นผม แกก็บอกว่าคนนี้ชื่อท็อป บรรลือฤทธิ์ เป็นชื่อจริง พี่เอกจะให้ชื่อว่าอะไร พี่เอกแกก็บอกว่าใช้ชื่อผมเลย ในหนังเรื่อง ข้ามากับพระ ผมชื่อ บิณฑ์ บารมี ก็ตั้งชื่อว่า บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เลย นั่นแหละชื่อผมถึงมาจากพี่เอกเลย วันนั้นที่ไปเยี่ยมเราก็เห็นว่าพี่เอกเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ค่อยแข็งแรง”

บอกมะเร็งปอดกลับมากำเริบ และมีเชื้อลามไปอวัยวะส่วนอื่น
บิณฑ์ : “มะเร็งปอดครับ”

เอกพันธ์ : “มะเร็งที่เดิมมันกลับมากำเริบ”
บิณฑ์ : “แล้วก็มีเชื้อที่มันกระจายตามร่างกาย คุณเดือนก็บอกว่าตอนนี้กำลังให้ยาระงับอยู่ มันต้องใช้เวลา ตั้งแต่ มี.ค. ปีที่แล้วจนตอนนี้ก็เกือบปีแล้ว อาการก็ทรงๆ แกก็ดีขึ้นตลอด แต่ที่มาเข้าโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ต้องเข้าไอซียูฉุกเฉินเพราะว่าพี่เอกไปทานกล้วยน้ำว้า มีคนฝากมาให้ พี่เอกก็ทานแต่ไม่ได้กลืน แกอมไว้ที่แก้ม พอลืมๆ นึกขึ้นได้ก็กลืน จังหวะกลืนและดื่มน้ำไปด้วยก็เลยสำลัก กล้วยก็เข้าไปในหลอดลม คุณเดือนก็ตกใจ เพราะพี่เอกหายใจไม่ออก

ตอนนั้นก็ต้องพาเข้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ทางโรงพยาบาลก็รีบจัดการทุกสิ่งทุกอย่าง ทำให้พี่เอกโอเคดีขึ้นตามลำดับ ณ ตอนนี้ยังอยู่ห้องไอซียู แต่ที่เราเข้าไปเยี่ยมเมื่อเช้า หน้าพี่เอกดีกว่าครั้งที่เราไปเยี่ยมอีก สดใสมาก แต่คุณหมอบอกว่าพี่เอกยังมีอาการไอ ถ้าพูดแล้วจะไอ จะสำลักก็เลยต้องให้ยานอนหลับตลอด ส่วนที่ข่าวบอกว่าพี่เอกเป็นมะเร็งที่สมอง หรือมีอาการลามไปที่สมองเนี่ย หมอบอกว่าไม่ใช่เลย นั่นคือเป็นข่าวลือที่ออกไป จริงๆ แล้วพี่เอกแค่เชื้อมะเร็งกระจายไปตามร่างกาย แต่ไม่ถึงกับเป็นมะเร็งที่สมอง ไม่ใช่เลย ณ ตอนนี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับตลอด”

เอกพันธ์ : “จริงๆ ถ้าแกไม่สำลักอาหารก็อยู่ที่บ้านปกติ เหมือนรักษาอยู่ที่บ้าน พี่เอกก็จะดีวันดีคืน น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นด้วย หน้าตาก็สดใส ตอนเราไปเห็นคือคนอายุ 73 หน้าใสมากนะครับ แล้วทางคุณเดือนก็บอกว่าพี่เอกถ้าอยู่ที่บ้าน ไม่ได้สำลักอาหารก็สามารถที่จะเดินได้ปกติ ก็ต้องมีคนประคองลงบันไดนิดหน่อย จำได้หมด ก็อยากจะให้แฟนๆ ของคุณสรพงษ์ ชาตรีพี่น้องประชาชนทุกคนอย่าได้วิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องมะเร็งที่สมองนะครับ จริงๆ ไม่มีนะครับ เพราะตอนนี้พี่เอกเป็นที่ปอด แต่อาจจะกระจายไปที่อื่นนิดหน่อย แต่ยังรักษาตามอาการอยู่ ขอให้ทุกคนเบาใจและคลายกังวลได้เลยนะครับ”

บิณฑ์ : “แล้ววันนี้ไปเยี่ยมก็หายใจออกแล้วด้วย เอาเครื่องช่วยหายใจออกแล้ว แต่ตอนที่เอาเข้ามาใหม่ๆ ยังต้องใช้ เพราะสำลักอย่างแรง ทำให้พี่เอกสโตรกด้วย เลยทำให้อาการจะหนัก แต่ตอนนี้โอเค จากวันที่ 9 ก.พ. ถึงวันนี้ก็ประมาณเกือบ 10 วัน ก็โอเค ดีขึ้นตามปกติ อีกไม่เกิน 2-3 วันถ้าคุณหมอดูอาการแล้วกลับมาปกติเหมือนเดิม ก็คงจะกลับบ้านครับ”

เผยข่าวที่ว่า “เอก สรพงษ์” จำบทไม่ได้แล้ว อาจจะมาจากภาวะของร่างกาย
บิณฑ์ : “มันมีส่วนมาจากมะเร็งที่ปอด แล้วมันก็อาจจะทำให้ภาวะในร่างกายที่มันไม่ปกติ มันก็ทำให้พี่เอกอาจจะจำได้ แต่ช้าหน่อย หรือจะพูดอะไรก็ต้องนึกหน่อย อาจจะช้ากว่าคนปกติประมาณ 3-5 วินาที”

เอกพันธ์ : “ยาของพี่เอกในการรักษามะเร็ง ยาอาจจะมีส่วนทำให้รู้สึกว่าเบลอๆ และช้านิดนึง กว่าจะทำอะไรหรือจำใครต้องใช้เวลานิดนึง มันเป็นตัวยาที่พี่เอกต้องรับประทานทุกวันเพื่อรักษามะเร็ง แต่จริงๆ คุณหมอบอกว่าถ้าเป็นมะเร็งที่สมองจริงๆ ไม่เกิน 1 เดือนครับน่าจะไปแล้ว แต่ถามว่ามีไหม คือมะเร็งมันกระจายไปทั่วมันอาจจะมีส่วนน้อยมากนะที่อาจจะเข้าไปตามร่างกาย แต่หนักๆ ที่โฟกัสเลยก็คือที่ปอด แต่ตอนนี้ก็โอเคแล้ว”

บิณฑ์ : “พี่เอกรู้ตัวนะถึงถอนตัวออกจากละคร เวลาจะนึกอะไรก็จะช้ากว่าคนอื่นก็เลยไม่เล่น ถอนตัวออกมาเอง พี่เขารู้ตัวว่าถ้าเล่นหรือรับงานอะไรไปแล้วทำให้งานเสียหรือล่าช้าพี่เอกก็จะไม่ทำ”

บอกน่าจะเป็นมะเร็งปอดระยะที่ 2 และรู้ตัวเร็ว ทำให้รักษาอาการได้แต่เนิ่นๆ
บิณฑ์ : “เรื่องระยะผมไม่สามารถพูดได้ว่าระยะเท่าไหร่ ตั้งแต่ที่ไปเยี่ยมมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็รู้สึกว่าเหมือนกับปกตินะ เป็นมะเร็งเมื่อ 6 ปีที่แล้วผมก็ไปเยี่ยม ที่พี่เอกผ่าตัดเอาเนื้อร้ายจากปอดออกแกก็ว่าเจ็บ แต่ก็คิดว่ากลับไปทำงานได้ และเมื่อต้นปีที่แล้ว ถ้าจะให้พูดถึงระยะเท่าไหร่ผมว่าน่าจะประมาณระยะ 2 เพราะรู้ก่อนเลยต้องตัดเนื้อออกไป ถ้าไม่รู้ก่อนถ้าหนักเลยก็น่าจะอันตราย แต่นี่รู้ก่อน”

เอกพันธ์ : “พี่เขามียาดีที่รักษาเฉพาะจุดได้เลย ภรรยาบอกว่ายาตัวนี้ต้องหาหมอทุกเดือน ถ้าครบโดสแล้วพี่เอกน่าจะกลับมาปกติเหมือนเดิมได้ เข็มนึง 1.8 แสน ก็ต่อครั้งนึงที่ฉีด ตอนนี้ฉีดไปประมาณ 4–5 เข็มแล้ว แต่ก็โอเคครับ กำลังใจของทุกคนเป็นสิ่งสำคัญ”

บิณฑ์ : “ภรรยาของพี่เอกฝากเราสองคนมาขอบคุณทุกๆ ท่านที่เป็นห่วงพี่เอก คิดว่าถ้าตามแผนที่รักษาไม่เกิน 5 วัน หรือหนึ่งอาทิตย์ พี่เอกสามารถกลับบ้านได้ เดี่ยวผมไปเยี่ยมและจะไลฟ์สดนั่งคุยกับพี่เอก ปกติจะไม่มีใครได้เข้าไป มีผมกับเอกพันธ์ที่ใกล้ชิดและเข้าไปในบ้านพูดคุยกับพี่เอกได้ และจะมาอัปเดตอาการอีกทีครับ”

เผยตอนนี้เรื่องค่ารักษามีหลายๆ ส่วนเข้าให้ความช่วยเหลือแล้ว
บิณฑ์ : “ตอนนี้มีทางโรงพยาบาลก็จะจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายถือว่าช่วยพี่เอกอีกทางนึง แต่เรื่องค่าใช้จ่ายผมว่าน่าจะซอฟต์ลงมา จะมีทางผู้ใหญ่ที่รู้ข่าวก็มาช่วย เพราะถ้าให้ทางภรรยาคนเดียวคงไม่ไหว มีหลายๆ คนที่ช่วยเหลือ ถามว่าร่วมงานกับพี่เอกครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ หลังๆ ไม่ค่อยได้ร่วมงาน เพราะพี่เอกจะประจำที่กองเดียวที่หลวงตามหาชน แต่ผมเจอพี่เอกตามงานบ่อย เพราะเราถือว่าเป็นดาราในสังกัดพี่เอกตั้งแต่เริ่มต้น เป็นเหมือนผู้ปลุกปั้น ผู้มีพระคุณของเราคนนึง พี่เอกจะรู้ว่าเราเป็นเหมือนน้อง ลูก หลาน ล่าสุดเจอที่วัดหลวงพ่อโต ผ่านไปก็แวะเข้าไปหา”

เอกพันธ์ : “ของผมล่าสุดน่าจะเป็นเรื่องสมเด็จพระนเรศวรมหาราชฯ แต่จะเจอกันตามงานบ่อย ก็ไม่ต้องห่วงนะครับ แฟนๆ ของพี่เอก ก็ภาวนากันนะครับ ทุกคนก็รู้ว่าพี่เอกเป็นคนที่ทำบุญ นั่งสมาธิ รักษาตัวเองมาตลอด ก็ช่วยกันส่งจิตแรงใจให้แก่พี่เอกให้หายป่วยเร็วๆ เมื่อเช้าถอดเครื่องช่วยหายใจ แกก็หลับ”

บิณฑ์ : “หมอให้ยานอนหลับ เพราะถ้าแกรู้สึกตัวแล้วจะคุย คุยแล้วก็จะไอ แล้วสำลักอีกก็จะกลับมาเหมือนเดิม ก็เลยต้องให้นอนหลับ แต่ก็มีอีกตัวยานึงที่โอเคดีขึ้นแล้วจากการหลับ หลอดเสียงไม่อักเสบ คุณหมอก็จะปล่อยให้คุย ให้พูด ผมก็ขอเป็นตัวแทนของพี่เอกและภรรยาพี่เขานะครับ เมื่อเช้าผมไปดูมาก็ดีใจพี่เอกน้ำหนักขึ้นด้วย หน้าตาสดใสกว่าที่ผมไปเยี่ยมเมื่อต้นปี ตอนนี้ดีขึ้น หล่อมาก สุขภาพเริ่มดี ถ้าไม่มีการสำลักที่หลอดคอ ผมว่าพี่เอกน่าจะกลับมาปกติ เดินได้ อีกไม่เกิน 7 วันพี่เอกออกจากโรงพยาบาล ผมจะไปอัปเดตคุยกับพี่เขา ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงครับ”













กำลังโหลดความคิดเห็น