ก่อนอื่นต้องบอกกันก่อนว่าแม้ผู้เขียนจะเพลิดเพลินเจริญใจในการดูหนังสไปเดอร์แมน แต่เนื่องจากหลงหูหลงตาไปอย่างไรก็ไม่รู้ จึงมีโอกาสได้ดูสไปเดอร์แมนแค่สองภาค ส่วนที่เหลือต่อจากนั้นไม่ได้ดู
ครั้นเมื่อดูสไปเดอร์แมน โน เวย์ โฮม จึงค่อนข้างจะงงๆ กับตัวละครที่ถูกวางไว้แล้วค่อยๆ ปล่อยออกมา ทว่าพอเวลาเขยิบไปก็เริ่มจะเข้าใจว่าที่มาที่ไปน่าจะเป็นอย่างไร จากนั้นจึงเป็นช่วงเวลาของความเพลิดเพลินเจริญใจคล้ายๆ กับที่ดูสองภาคแรก
กล่าวสำหรับสไปเดอร์แมน โน เวย์ โฮม บอกได้เลยว่านี่คือการหลอมรวมเข้าด้วยกันทั้งจินตนาการ วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ คณิตศาสตร์ เรขาคณิต ความคิดสร้างสรรค์ และเทคนิคต่างๆ โดยแท้
นอกจากศาสตร์ต่างๆ ที่ว่า หนังยังผสมผสานกันระหว่างฉากช่วงชีวิตของซูเปอร์ฮีโร่กับความเป็นมนุษย์ได้อย่างลงตัวสุดๆ ชนิดเรียกได้เลยว่า ‘ดราม่าสะเทือนใจ’ แถมยังคลุกเคล้าเอาไว้ด้วย ‘มุกฮาน้ำตาแตก’ สอดใส่สลับไปสลับมาจนทำให้เวลาเกือบสองชั่วโมงครึ่งในความยาวของหนังตรึงการดูไว้อยู่หมัด
ทอม ฮอลแลนด์ รับบทบาทของตัวละครที่เปลี่ยนผ่านจากนักเรียนมัธยมสู่รั้วมหาวิทยาลัยได้อย่างสมจริงราวกับเป็นเรื่องราวของเขาเอง ไม่ว่าจะเป็นความรักครั้งแรก ความผูกพันกับป้า แน่นอนว่ารวมทั้งอีกด้านหนึ่งที่ต้องเป็นซูเปอร์ฮีโร่ผู้ถูกตราหน้าจาก ‘เฟกนิวส์’ ในสื่อออนไลน์ว่าเป็นวายร้ายระห่ำโลก
ไม่เพียงแค่นี้ ยังมีเซอร์ไพรส์ให้ฮือฮาอีกหลายฉาก หลายตอน โดยเฉพาะการปรากฎกายของเหล่าวายร้ายแห่งทศวรรษ(ที่ผู้เขียนต้องไปหาภาคเก่าๆ มาดู) ถือว่าจัดเต็ม จัดหนัก จุใจแฟนคลับทั่วโลก
การผสมผสานกันระหว่างศาสตร์ต่างๆ ที่หนังสไปเดอร์แมน โน เวย์ โฮม สำหรับผู้เขียนหากคะแนนเต็ม 10 ให้ 100 เลยครับ