“ตุ๊ก ดวงตา” โอด “เกม ศานติ” ไปพูดอีท่าไหน คนเขียนด่าฉันเพียบ ยันไม่ได้ตั้งใจติงนักแสดงรุ่นน้องเพราะโกรธ แค่อยากตักเตือนเพราะความหวังดี บอกการไหว้คือวัฒนธรรมไทยที่น่ารัก เป็นเด็กควรให้ความเคารพผู้ใหญ่เท่านั้นเอง ยอมรับตกใจที่เห็นคอมเมนต์ต่อว่าเข้ามามากมาย แต่บอกไม่ได้ใส่ใจ ร่วมงานได้ทุกคน เพราะแยกแยะได้
ทำเอานักแสดงรุ่นใหม่หลายคนสะดุ้งไม่น้อย เพราะหลังจากที่นักแสดงรุ่นใหญ่ “เกม ศานติ สันติเวชชกุล”ออกมาเปิดใจกลางรายการว่าได้เคยมีการสั่งสอนติติงนักแสดงรุ่นใหม่ๆ ไปหลายคนเรื่องไม่มีสัมมาคารวะ ซึ่งก็มีรายชื่อของ “ตุ๊ก ดวงตา ตุงคะมณี”อีกคนที่ติดโผว่าขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าระเบียบ และปราบพยศนักแสดงรุ่นหลานไปหลายคนแล้ว ซึ่งล่าสุดทั้งคู่ก็ออกมาเผยว่า มีการว่ากล่าวตักเตือนไปจริง แต่เป็นเพราะตนหวังดีทั้งนั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่นเลย
ตุ๊ก : “งานเข้าพี่ตุ๊กเลย นั่งอยู่บ้านเฉยๆ ก็โดนด่า (หัวเราะ)เพราะเกมไปออกรายการคุยแซ่บโชว์ เขาสัมภาษณ์เรื่องอะไรก็ไม่รู้ พูดถึงตัวเองเสร็จแล้วมาพาดพิงถึงเรา”
เกม : “เราอาวุโสน้อยกว่าก็ต้องมีที่พึ่งที่อาวุโสมากกว่า จริงๆ เรื่องมันไม่มีอะไรเลย เราแค่พูดถึงวัฒนธรรมของคนไทยเท่านั้นเอง แล้วเราก็ยกตัวอย่างคือเรามันเจนเอ็กซ์ รุ่นนี้จะโดนสอนมาเรื่องการเคารพนบนอบ เราก็เลยยกตัวอย่างว่าพี่ตุ๊กเป็นคนพูดตรงๆ ว่าฉันอายุมากแล้วนะ ไหว้ฉันซะ”
ตุ๊ก : “ฉันอายุแก่กว่าพ่อแม่เธออีกนะ พ่อแม่เธอไม่สอนเหรอว่าถ้าเจอผู้ใหญ่ให้ไหว้ ก็พูดแค่นี้ พูดจริง แต่ว่าไม่ได้ไปบังคับขู่เข็ญอะไร แต่ว่าพูดไปด้วยความหวังดีเพราะน้องๆ ต่อไปจะต้องเป็นพระเอกนางเอกเป็นคนดังในสังคม ถ้าน้องรู้จักสัมมาคารวะตั้งแต่ตอนนี้มันจะดูน่ารักแล้วเป็นที่ชื่นชอบของผู้พบเห็นทั่วไป ทั้งหมดทั้งมวลมันมาจากความหวังดีจากเจนเนเรชั่นที่เราโตกว่าเขาเยอะ แล้วก็รักวัฒนธรรมไทย เราก็เลยสอน สอนไปเด็กบางคนก็รับ หลังจากนั้นเขาก็ดีวันดีคืน บางคนไม่รับก็ช่างเขา เราก็ไม่ได้ตามไปจิกไปด่าอะไร แต่ไอ้นี่ (ชี้ไปที่เกม) พูดไม่ดี ไปพูดยังไงท่าไหนไม่รู้ คนก็เขียนมาด่าฉันเฉยเลย"
เกม : “ไม่ ผมพูดดี บอกว่าอย่างอาวุโสผมอย่างนี้ เพาเวอร์อย่างนี้มันคนละรุ่นเทียบไม่ได้”
ตุ๊ก : “มันไม่ใช่เรื่องเพาเวอร์ แต่ว่ามันเป็นเรื่องของคนที่อยู่ในวงการมานาน มีประสบการณ์มากกว่า แล้วก็รักวัฒนธรรมไทย ก็อยากจะเสริมให้น้องๆ รุ่นหลังที่อาจจะลืมเรื่องวัฒนธรรมไปแล้วบ้าง ก็เสริมเขาไปว่าถ้าการที่เรามีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่ โอเคอายุอาจจะไม่ได้ต่างกว่ามาก แต่เขาอยู่ในวงการมานานกว่า ก็ต้องถือว่าเขาเป็นอาวุโส อย่างเกมเป็นรุ่นน้องก็จริง แต่ถ้าเกมเข้าวงการมาก่อน เราก็ไหว้ มันน่ารักจะตาย ถูกไหมการยกมือไหว้คน มันเป็นวัฒนธรรมของบ้านเรา ใครๆ เห็นใครๆ ก็ชม”
บอกที่เตือนไม่ได้โกรธ แต่เป็นการเหน็บและสอนไปในตัว
ตุ๊ก : “เมื่อก่อนมีช่วงหนึ่งที่เราค่อนข้างดุมาก เป็นช่วงที่เห็นอะไรแบบนี้แล้วขัดหูขัดตาอยากจะแก้ไขเขา ก็อาจจะพูดแบบนี้ไปกับหลายๆ คน มีหลายๆ คนเลยที่โดนสั่งสอนไป แต่พอระยะหลังมานี้ก็มีความรู้สึกว่า เด็กรุ่นใหม่ไม่เหมือนเด็กรุ่นก่อนๆ นั้นแล้ว เขามีความเป็นตัวของตัวเองเยอะมาก เขาก็อาจจะไม่ได้ชอบวิธีอย่างที่เราสอน หลังๆ นี้ก็จะไม่ยุ่งกับใคร ก็อยู่เฉยๆ ใครดีก็ดีไป ใครไม่ดีก็สงสารเขา ก็แค่นั้นเอง”
เกม : “คนนั้นเป็นใครครับ (หันไปถามตุ๊ก)”
ตุ๊ก : “(หัวเราะ) จำกันไม่ได้หรอก เพราะว่าเหตุการณ์มันนานมากแล้ว แล้วก็หลายคนด้วยไม่ใช่คนเดียว คือเราก็เป็นเหมือนเป็นพี่เป็นป้าเป็นน้าที่อยากจะสั่งสอนในสิ่งที่มันไม่ดี แล้วเราก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ ยูก็จะควรจะแก้ไขเพื่อตัวยูเอง ไม่ใช่เพื่อตัวเราเลย เราไม่เกี่ยวเลย เขาไปยกมือไหว้ใครเราก็ไม่ได้สูงขึ้นถูกไหม ตอนที่เตือนเราก็ไม่ได้โกรธนะ ก็ถามไปอาจจะมีเหน็บหน่อยๆ ว่าแม่แก่กว่าพ่อแม่หนูอีกนะ พ่อแม่หนูไม่สอนเหรอลูกว่าเจอผู้ใหญ่ให้ยกมือไหว้อะไรแบบนี้ มันอาจจะเหน็บๆ เขานิดหน่อย ซึ่งถ้าเขาไม่ชอบเขาก็อาจจะเอาเราไปพูดในทางไม่ดี ก็ไม่เป็นไร เราก็อยู่ของเราอย่างนี้ไม่ได้สูงขึ้นไม่ได้เตี้ยลง แต่พอเราเตือนไปเขาก็กลับมาขอบคุณนะ สมมติว่าไป 10 คน 8 คนกลับมาขอบคุณ อีก 2 คนก็ไม่ต้องคบกันไป แต่ก็ยังมีร่วมงานกันนะ มีเจอกันๆ ไม่ลำบากใจเลย เราแยกแยะได้ อะไรเป็นอะไร โตขนาดนี้แล้วจะ 70 แล้วเนี่ย”
เกม : "ต้องฝากเรื่องหนึ่งคือเวลาเราพูดอะไรแบบนี้ อย่างผมเป็นคนไม่ค่อยได้ติดมือถือเสพข่าว เพราะฉะนั้นบางคนอาจจะมีคอมเมนต์มาอย่างพี่ตุ๊กโดนมา เราได้ยินมาว่า ทำไมเขาไม่ไหว้เดือดร้อนหรืออะไร คือไม่ได้เดือดร้อนหรอก แต่ในคอมเมนต์อย่างที่พี่ตุ๊กบอก มันคือวัฒนธรรมของเรา ซึ่งตอนนี้สังเกตทั่วโลกฝรั่งตั้งแต่มีโควิดเขาไม่จับมือกันแล้ว ฝรั่งไหว้ ซึ่งมันดูน่ารัก”
ตุ๊ก : “ตอนแรกอ่านคอมเมนต์ก็รู้สึก อีเกมนะ อีเกม แต่พอตอนหลังอ่านๆ ไปก็มีความรู้สึก โถ พวกอยู่บ้านว่างๆ นักเลงคีย์บอร์ดคงไม่มีอะไร อยู่ในเหตุการณ์ไหม ก็ไม่ได้อยู่ ดูรายการไหมก็ไม่ได้ดูพอเขาเมนต์มาก็เมนต์ต่อๆ กันไป ก็เลยรู้สึกว่าตอนนี้มันคงเป็นวัฒนธรรมแบบนี้แล้ว ไม่สนใจแล้ว เพราะเราไม่ได้ดีหรือไม่ได้เสียไปกับอะไรตรงนี้ แค่อิกนอร์ไป ไม่ได้สนใจ เพราะเราแค่หวังดีและอยากแนะนำ ทุกอย่างทั้งหมดทั้งมวลมันมาจากความหวังดี”
เกม : “สำหรับผมไม่อ่านครับ ผมเป็นคนที่ไม่ได้ติดสื่อ คืออ่านบ้าง ส่วนเรื่องคอมเมนต์ที่มาว่า ผมจะไม่เอามาใส่ใจแล้วไม่ได้โต้ตอบอะไรเลย เพราะว่าผมไม่ได้ทำร้ายใคร เขามาไม่ชอบใจผม เขาทุกข์ใจก็คือเรื่องของเขาที่ไม่ชอบใจผม ไม่เกี่ยวกับผม เพราะฉะนั้นผมก็จบเรื่องนี้ไป ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นสาระสำคัญอะไร”
ตุ๊ก : “ขนาดตัวเราเองเล่นโทรศัพท์อยู่ก็มีเด้งขึ้นมาๆ ตอนแรกงง อะไรเนี่ย อยู่เฉยๆ ไม่รู้เรื่อง พออ่านๆ ไปมีชื่อเกม เกมพากูจนอีกแล้ว (หัวเราะ) ก็โทร.หาเลย จริงๆ ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แต่เป็นการพูดไป แต่ว่าข่าวบางฉบับเขาอาจจะเขียนให้มันดูน่าอ่าน ให้มันดูแรงเข้าไว้ แต่พอเข้าไปในเนื้อหาจริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไร เราก็ไม่ได้โกรธอะไรเลย เพราะว่ามันเป็นเรื่องจริง เราเคยทำอย่างนั้นจริงๆ”
