ไม่ได้กลับเมืองไทยมา 2 ปีแล้วหลังเจอสถานการณ์โควิด-19 สำหรับ “นิชคุณ หรเวชกุล” หรือ “นิชคุณ 2PM” ซึ่งเจ้าตัวได้มาเปิดใจในรายการ คุยแซบSHOW เล่าเรื่องราวชีวิตที่ตอนนี้ตำแหน่งคุณลุงไปแล้ว พร้อมเล่าถึงเส้นทางศิลปินเกาหลีของตนว่า…
ไม่ได้กลับมาเมืองไทย 2 ปีแล้ว?
“คิดถึงเมืองไทย แล้วก็คิดถึงครอบครัวด้วย กลับมาครั้งนี้มีสมาชิกใหม่ในครอบครัวด้วย อยู่ที่เกาหลีใต้ มีช่วงนึงบินไปถ่ายหนังที่ฮ่องกง มีจีนด้วย”
ช่วงโควิดที่เกาหลีเป็นยังไง?
“ผมเป็นคนชอบอยู่บ้าน พยายามไม่ไปที่ที่มีคนเยอะ แออัด มีไปฟิตเนส ไปกินข้าวข้างนอก 3 ทุ่มปิดหมดเลย ไปยิมก็ต้องใส่มาสก์อึดอัดมากครับแต่ก็ต้องดูแลตัวเอง”
โควิดกระทบอะไรกับเรามากที่สุด?
“อิสรภาพในการบิน การไปเที่ยว บินไปไทย-เกาหลี หรือเพื่อไปทำงาน ส่วนใหญ่ผมทำงานต่างประเทศ ช่วงนี้บินบ่อยไม่ได้งานก็ลดลง แต่ได้พักมากขึ้น”
ข่าวโควิด-19 ที่ไทยห่วงอะไรมากที่สุด?
“ห่วงคุณแม่ คุณยายครับผม จริงๆ คุณยายไม่ค่อยได้ออกจากบ้านเท่าไหร่ค่อยยังชั่ว แต่คุณแม่ชอบออกไปทำงาน ไปออฟฟิศ เข้าบริษัท ผมจะโทรไปบอกแม่ แม่อยู่บ้านเถอะถ้ามีอะไรให้พี่ชายเอาเอกสารมาให้เซ็น แม่ก็บอกต้องไปดูแลพนักงาน แต่มีมาตรการ มีพนักงานไม่กี่คนเข้ามาในออฟฟิศได้ มีการตรวจอยู่ตลอด”
กลับมาไทยคราวนี้อยากไปเที่ยวที่ไหน?
“ผมอยากไปหัวหินครับ ตอนผมเด็กที่อยู่เมืองไทย ปิดเทอมทุกๆ ครั้งก็จะพากันไปทั้งครอบครัวหลายๆ คน มันเป็นความทรงจำที่ยังติดอยู่ในหัวผมถ้ามาเมืองไทย ถ้ามีเวลาต้องไปหัวหิน ครั้งนี้หวังว่าจะได้ไป ไปนั่งฟังคลื่นดูทะเล นานๆ ทีได้ไปเที่ยวเพราะตอนเด็กผมกิจกรรมเยอะมากแทบจะไม่มีเวลาเลย พอปิดเทอมคุณพ่อคุณแม่ถึงจะพาไปเที่ยว”
ตอนนี้มีสมาชิกเพิ่มอีก 1 คน?
“ยังไม่ได้เจอเลย เพราะผมเพิ่งกลับมาได้ไม่กี่วัน กลับมาก็โปรโมตหนังเลยยังไม่มีเวลา แล้วก็ไม่อยากให้พาน้องออกมาข้างนอกเพราะยังเด็กอยู่ เดี๋ยวไปหาที่บ้าน ต้องรอทำงานให้เสร็จก่อน”
ได้ตำแหน่งเป็นลุง?
“แฟนคลับเรียกผมว่าเป็นลุงตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว จนตอนนี้ได้เป็นลุงจริงๆ ความรู้สึกมันแปลกๆ นิดนึงที่น้องคนสุดท้องของครอบครัวผมไปก่อนคนแรกเลย แต่งก่อนมีลูกก่อน เรา 3 คนที่เหลือก็ลุ้นกันว่าคนต่อไปจะเป็นใคร เพราะเห็นแม่มีความสุขกับหลานมาก”
อยากมีหลานให้แม่เหมือนกัน?
“ใจผมเป็นคนรักชอบอยู่กับเด็ก แต่มันมีหลายปัจจัยนะถ้าจะมีลูกมีครอบครัว ต้องเจอคนที่ใช่จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่เจอกันไม่ถูกกัน เลิกกันได้ ยิ่งมีลูก มีครอบครัวยิ่งต้องคิดให้เยอะกว่านี้”
เห่อหลาน?
“ผมไม่เคยไปซื้อเสื้อผ้าเด็กมาก่อน แต่ครั้งนี้ผมคิดว่าจะไปซื้อเสื้อผ้าเด็กให้น้องจินเจอร์ ผมคิดว่าซื้อใหญ่ๆไปก่อน ก็เอากลับมาเท่าที่ผมแบกกลับมาได้”
ในสายตายังมองว่าน้องสาวเป็นเด็กอยู่เหมือนเดิม?
“เพิ่งเจอกันเมื่อ 1-2 วันที่แล้ว ทานข้าวด้วยกัน รูปร่างหน้าตาเขายังเป็นเด็กคนเดิมที่ผมรู้จัก แต่การวางตัวการพูดจาเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเยอะเลย อาจจะเป็นเพราะความรับผิดชอบที่เขามีมากขึ้น เพราะว่าการมีลูก ทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่มาก มันเห็นได้จากการพูดจา รู้สึกภูมิใจและดีใจกับน้องด้วย หวังว่าเชอรีนจะเลี้ยงน้องจินเจอร์มาให้เป็นคนที่ดีนะคะ”
ทำไมถึงไปอยู่ใน 2PM ได้?
“ตอนนั้นผมเรียนที่อเมริกา มีเคป๊อปคอนเสิร์ต ผมไปกับเพื่อนๆ ชาวเกาหลี มีแมวมองมาเห็นผมอยากให้ไปออดิชั่นที่เกาหลี ตอนนั้นก็คิดอยู่เพราะผมก็ร้องไม่เป็นเต้นก็ไม่เป็น พูดภาษาเกาหลีก็ไม่ได้ ไม่มีใครที่ผมรู้จักอยู่ที่เกาหลี เพื่อนหรือครอบครัวมันก็คงยาก ก็ไปออดิชั่น ไม่รู้ว่าเขาชอบผมจากอะไร ร้องก็ไม่ได้ เต้นก็ไม่ได้ ไม่มีทักษะในด้านนี้เลย ไม่ได้หวังอะไร 2-3 อาทิตย์ให้หลังเขาก็โทรกลับมา บินมาเดือนหน้าเลยได้ไหมแล้วก็เริ่มฝึกซ้อม”
ตอนนั้นกดดันไหม?
“กดดันครับ รู้สึกเหมือนมองอนาคตไม่เห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะต้องไปประเทศใหม่ที่ผมไม่เคยไปมาก่อน ต้องไปเรียนรู้ตั้งแต่ศูนย์ขึ้นมา เรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างใหม่หมดเลยครับ ตื่นเต้น แต่คุณพ่อคุณแม่บอกว่าโอกาสมันเป็นหนึ่งในล้าน ลองไปเถอะ ถ้าไม่ได้ก็กลับมาเรียน ลองอยู่สักปีนึง”
เป็น 2PM ได้เพราะครอบครัว?
“เพราะคุณยายครับผม คุณยายชอบ Full House เป็นแฟนพี่เรน ตอนแรกก็ไม่มีใครให้ไป เขาก็ถามไปบริษัทไหน บอกว่า JYP คุณยายบอกไปเลยเดี๋ยวนี้ ก็เลยไป ตอนนั้นคิดว่ามิจฉาชีพแน่นอน อยู่ดีๆ เขาเข้ามาหาผมกลับไปโรงแรมเขาโทรมาหาไปถ่ายออดิชั่นกันไหม ผมไม่ได้ไป คุยกันประมาณอาทิตย์กว่า ได้มาถ่ายทำออดิชั่นกันที่ร้านกาแฟ เขาก็ให้เราร้องเต้น โพสต์ แนะนำตัวเอง”
ตารางการซ้อมเป็นยังไง?
“ในบริษัทมีห้องซ้อมเต้น มีห้องซ้อมร้อง ข้างบริษัทจะมีหอ เหมือนไปอยู่โรงเรียนประจำครับ เช้าเข้าบริษัทมีตอกบัตร ซ้อม เรียน พักเที่ยง ต้องอยู่ถึงประมาณ 4 ทุ่ม ถึงจะตอกบัตรกลับบ้านได้ มีต้องออกไปเรียนภาษาเกาหลี ก็ต้องกลับมาเรียนร้อง เต้น หรือแรป วนๆ อยู่แบบนี้ เวลาครอบครัวเป็นกำลังใจแรกเลย ไปอยู่เกือบ 6 เดือนผมบอกกับคุณพ่อคุณแม่ว่าอยากจะกลับไปเรียนต่อที่อเมริกา พ่อบอกลองอยู่ให้ครบปีก่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยคิดกันอีกทีนึง สิ่งที่ขับเคลื่อนผมจริงๆ คือคำว่าห่วย คำว่าทำไม่ได้ คำพวกนี้มันทำให้ผมรู้สึกโกรธ ความโกรธมันเป็นแรงผลักดันให้ผมที่ทำยังไงก็ได้ที่จะไม่ได้ยินคำๆ นี้ต่อไป”
มีคนมาพูดแบบนี้ด้วย?
“มีครับ ทุกๆ เดือนจะมีการเทสเหมือนขึ้นเวที เราจะเลือกเพลงที่ซ้อมร้อง ซ้อมเต้น แล้วทั้งเดือนนั้นก็คือซ้อมแค่นั้น ทุกๆ เดือนจะมีการสอบ เขาก็จะถ่ายวิดีโอไว้เพื่อดูพัฒนาการของแต่ละคน คนที่บ่นเราคือคนที่คอยดูแลเด็กฝึกหัด ตอนนั้นมีประมาณ 40 กว่าคน มันเหมือนการแข่งขันเลย ถ้าเขาดูแล้วไม่มีการพัฒนาเขาก็ตัดออก หรือก่อปัญหา ในบริษัทผมเขาจะดูเรื่องฝีมือกับการเป็นคนดีหรือปล่าว เรื่องนิสัย เพราะถ้าเดบิวต์มันจะมีผลกระทบกับกลุ่มกับบริษัท เขาดูหลายๆ อยางมากเลย”
เป็นเด็กฝึก 2 ปีก็ได้เดบิวต์เลย?
“ถือว่าสั้น ซึ่งมาตรฐานประมาณ 4-5 ปี ณ ตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อไป ก่อนหน้านั้นมันจะมีถ่ายรายการก่อน เป็น 2AM กับ 2PM คนจะงงมากว่าเราอันไหนกันแน่”
สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย ตอนนั้นคนไทยกรี๊ดมาก?
“มีกระแส ตั้งแต่ผมเริ่มไป ก่อนจะเดบิวต์ตั้งแต่เป็นเด็กฝึกหัดอยู่ พี่เรนเขามีโฆษณากับไทยคือนมเปรี้ยวไทยตัวนึงที่เขากำลังจะถ่าย ทางบริษัทบอกค่ายเรามีเด็กไทยคนนึงเอามาถ่ายด้วยกันได้ไหม ผมก็ถ่ายโฆษณาตัวนั้นเต้นอยู่ข้างหลังอยู่ไกลๆ นิดนึง หลังจากนั้นก็มีคนเริ่มให้ความสนใจมากขึ้นว่าเด็กคนนั้นคือเรนแห่งประเทศไทย เรน 2 ก็เลยได้รับความสนใจมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เป็นเด็กฝึกหัดแล้ว”
แต่ช่วงนึงที่เบรกววงไป?
“มีช่วงนึงที่เพื่อนเข้ากรมไป ช่วงนั้นประมาณเกือบ 5 ปี ก็มีกลับมาทำงานที่เมืองไทยบ่อยขึ้น มีออกโซโล่อัลบั้มที่ญี่ปุ่นที่เกาหลี ทำงานเดี่ยวไป ปีที่แล้วพวกเราก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เราคุยกันมาตลอดว่าเราจะคัมแบ็กหลังจากที่ทุกคนออกมาจากกรม เมื่อปีที่แล้วเราก็ได้ปล่อยเพลงคัมแบ็กออกมา มันเป็นความรู้สึกที่พี่น้อง 6 คน เพื่อนที่สนิทกันมากๆ เหมือนนัดกันไปกินข้าว มันคือความรู้สึกอย่างนั้น เรา 6 คนรักกันมาก เป็นเหมือนครอบครัวนึงเลย ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เราไม่ได้หวงว่ามันจะปังขนาดไหน ทำรายได้มากน้อยขนาดไหน แต่นี่คือสิ่งที่ทำให้พวกเรามีความสุขคือการมารวมตัวกัน ทำงานด้วยกัน”
คัมแบ็กหลังจาก 5 ปี วางแผนจองฮอลล์ต้องแคนเซิลหมด?
“ต้องแคนเซิลหมดเพราะโควิด เราตั้งใจว่าคัมแบ็กออกอัลบั้มแล้วเราจะทัวร์ทุกๆ ประเทศที่เราไปได้ เพราะว่าอยากจไปเจอแฟนๆ มาก เพราะห่างหายไป 5 ปี แฟนๆ ก็คิดถึงเราก็คิดถึงแฟนๆ สำหรับศิลปินการเล่นคอนเสิร์ตเป็นอะไรที่สนุกที่สุดแล้ว มันมีความสุขครับผม”
จะไปทัวร์ที่ไหนต้องวางแผนกับค่าย?
“ค่ายจะจัดแผนมาให้ อยากทำอันไหนบ้าง ถ้าไม่ติดโควิดจะมีคอนเสิร์ตแน่นอน ตอนนี้เบรกไว้ก่อน”
ต้องกลับมาซ้อมเต้นอีก?
“ถ้าจะถามเรื่องอายุไม่เท่าไหร่ครับ เราทุกคนในวงช่วงเวลาที่ไม่ได้เป็นวงทุกคนจะดูแลสุขภาพของตัวเองดีมาก แต่สิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุดเวลาซ้อม บริษัทจะมีกฎไว้ว่าอยู่ในบริษัทต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา มันลำบากมากเวียนหัวมาก เพราะต้องเต้นอยู่กับหน้ากาก ตอนแรกมึนหัวหายใจไม่ออก แต่พอเปิดหน้ากากโอเคขึ้น”
จะมีคอนเสิร์ต 2PM เร็วๆนี้?
“อันนี้ผมไม่สามารถสัญญาได้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ มันอยู่ที่สถานการณ์โควิด แต่ละคนก็ยุ่งอยู่ในการแสดง เราคุยกันอยู่แล้วว่าถ้ามีเวลาไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีเราจะกลับมาเจอกัน รอสถานการณ์ดีขึ้น”
มองอนาคตเอาไว้ยังไง?
“ผมว่าทำทุกวันให้ดีที่สุดดีกว่าครับผม เพราะตั้งแต่เดบิวต์ผมตั้งไว้เลยว่า อนาคตเราต้องได้ที่หนึ่งภายในกี่ปี ด้วยความโชคดีมันก็ได้ตามที่เราตั้งไว้ ถ้าผมตั้งว่าเป้าหมายที่สูงที่สุดของผมคืออันนี้ มันก็จะทำให้หยุดแค่นั้น ทุกๆ ครั้งที่มีงานใหม่เข้ามาผมก็ทำงานนั้นให้ดีที่สุด”
