“บิวกิ้น” ผวา ถูกรถคันเดิม สีเดิม ขับตามตลอด 3 วันที่ผ่านมา ตอนนี้นำหลักฐานทุกอย่างให้ตำรวจหมดแล้ว หวังจะได้เจอตัวและพูดคุยกัน ย้ำถึงเป็นคนสาธารณะ แต่ไม่อยากถูกรุกล้ำความเป็นส่วนตัวแบบนี้ เห็นเอ็มวีที่ “พีพี” เล่นกับ “อาเล็ก” แล้ว พีพีคงมีความสุข สนองความต้องการเขาหลายอย่าง
ไม่ใช่แค่เฉพาะตัวพระเอกหนุ่ม “บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล” เท่านั้นที่ตกใจกับเหตุการณ์ที่มีรถปริศนาขับรถตามถึง 3 วันติด เพราะเหล่าแฟนคลับก็แสดงความเป็นห่วงเป็นใยกันไม่น้อย ล่าสุดเจ้าตัวออกมาเปิดใจให้สัมภาษณ์ว่าตอนนี้หลักฐานทุกอย่างถึงมือตำรวจแล้ว ซึ่งตนก็หวังจะได้เจอกับคนที่ขับรถตามคนนี้ จะได้พูดคุยกันว่าทำแบบนี้เพื่ออะไร
“มันเริ่มจากวันเสาร์ที่ผ่านมาครับ ผมออกจากบ้านจะไปหาเพื่อนแถวพระราม 4 จากหน้าบ้านผมพอขับออกมาก็จะขึ้นทางด่วนได้เลย พอขึ้นปุ๊บก็เริ่มรู้สึกเหมือนมีคนขับตาม แต่เราก็ไม่ได้มั่นใจ เพราะปกติผมขับรถก็จะสังเกตรถรอบๆ อยู่แล้ว เพราะเวลารถขับมาเร็วเราก็จะหลบออก แต่คันนี้พอเราหลบเข้ามาเขาก็ไม่ยอมแซง เขาขับตามเรา แต่ก็ยังไม่มั่นใจเท่าไหร่ เพราะเช้าๆ รถก็ค่อนข้างติด ผมก็ขับชิดซ้าย เขาก็ตามมา ผมก็เลยขับชิดขวา เขาก็ยังตามมาอีก ผมก็ยังไม่มั่นใจเพราะตอนเช้ารถมันเยอะมาก จนมาถึงเราลงด่วนพระราม 4 พอมาถึงทางขึ้นที่จะเป็นสะพานผมก็จะลองเช็กดูว่ายังตามอยู่หรือเปล่า เพราะตามมาตั้งแต่ด่วนหน้าบ้านมาถึงพระราม 4 คือตามขับต่อเราไม่ให้ใครแทรกเลย
ผมก็ลองขับไปเลนขวาสุดแล้วก็ปาดกลับมาขึ้นสะพานตรงใกล้ๆ เส้นทึบเลย เขาก็ปาดตามผมมาอีก คือถ้าเกิดเขาขึ้นสะพานก็น่าจะไปเลย แต่ถ้าเขาไม่ขึ้นก็ไม่น่าจะชิดขวาปาดเหมือนผม พอชิดซ้ายผมก็เลยจอดตรงหน้าจามจุรีสแควร์ เขาก็มาจอดต่อท้ายผมแป๊บนึง ผมก็เปิดไฟฉุกเฉิน เขาจอดแป๊บนึงแล้วก็ขับเบี่ยงออกไป แล้วเลี้ยวเข้าไปในจามจุรีสแควร์ ผมก็เลยไหลรถออกมาช้าๆ แล้วก็พยายามดูข้างหลังว่ามีใครตามหรือเปล่า แล้วเขาก็วนออกมาจากจามจุรีสแควร์พอดี พอดีกับจังหวะไฟเขียวกำลังจะหมด ผมก็รีบพุ่งข้ามแยกไป เขาติดไฟแดง ก็เลยคลาดกันตรงนั้นครับวันแรก
พอวันที่สองเป็นวันจันทร์ที่ผ่านมา ผมไปไลฟ์งานที่โรงแรมบันยันทรี ก็จะมีการประกาศว่าเราทำงานที่ไหนเป็นปกติอยู่แล้ว ก็ทำงานเสร็จปกติไม่มีอะไร ผมก็ทานข้าวที่โรงแรมต่อ จนออกมาประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ พอลงมาก็มีแฟนคลับรอ เราก็โบกมือทักทายขอบคุณปกติ พอเราเลี้ยงรถออกจากโรงแรมก็รู้สึกเหมือนโดนตามอีก ก็เห็นว่าเป็นรถสีเดิม รุ่นเดิม ก็เริ่มตงิดๆ ก็ขับจากสาทรวิ่งมาข้ามตากสินตรงกลับบ้าน ระหว่างทางผมก็พยายามเช็กว่าเขาขับตามเราจริงหรือเปล่า เราก็ขับชิดขวาสุดแล้วก็ลองขับเร็วดู เวลาเราแทรกรูไหนเขาก็ตาม พอมาถึงราชพฤกษ์ผมก็ลองชิดซ้ายขับช้าๆ ดู ขับอยู่ 40-60 เขาก็ยังตามอยู่ไม่ยอมแซง ก็เริ่มรู้สึกว่าต้องเป็นคันเดียวกับวันนั้นแน่เลย
ผมก็ขับมาเรื่อยๆ พอจะถึงซอยที่มันต้องเลี้ยวเข้าหน้าบ้าน พอดีถนนหน้าบ้านผมกำลังทำถนนอยู่ เลยต้องไปทะลุอีกซอยนึง พอผมเลี้ยวมาเขาก็ยังตามมาอยู่ ทีนี้ผมก็จอดเลย ตอนแรกคิดว่าจะลงไปคุย แต่พอเขาเปิดไฟเลี้ยวหักหัวตามเข้ามาปุ๊บเหมือนเขาไม่ตาม พอเขาเห็นเราจอดเปิดไฟฉุกเฉิน เขาก็กลับหันหัวออกไป แล้วก็ขับออกไป วันนั้นผมก็คุยกับคุณพ่อว่าช่วง 2-3 วันนี้มีคนขับรถตาม พ่อก็บอกว่าเขาตามจริงๆ หรือเปล่า รู้สึกไปเองหรือเปล่า ก็ไม่เป็นไร รอดูต่อไป
รอบล่าสุดคือวันที่ผมกลับจากเซ็นทรัลเวิลด์ วันนั้นไปงานรอบสื่อหนัง พอขับออกมาจากห้างก็รู้สึกว่าโดนตามอีกแล้ว เพราะพอเราเลี้ยวออกจากห้างก็มีรถคันนี้ สีเดิม รุ่นเดิม ลักษณะแบบเดิมเลยขับตามมาอีกแล้ว ผมก็เลยรู้สึกว่าใช่แน่เลยรอบนี้ ก็ลองพยายามขับเช็กเหมือนเดิม สมมติผมต้องเลี้ยวซ้าย ผมก็ขับไปเลนขวาแล้วก็จะมาเลี้ยวใกล้ๆ หรือจะต้องขึ้นสะพาน ผมก็จะไปขับเข้าใกล้ๆ แต่เขาก็จะตามเราทุกจังหวะ ขับช้า ขับเร็วก็จะตามเราตลอด ผมก็เลยโทรหาป่ะป๊าว่ากำลังโดนตามเลย คันเดิม สีเดิมเลยที่เคยเล่าให้ฟัง ป๊าก็ถามว่าอยากลงไปคุยไหม ผมก็บอกว่าได้นะ ป๊าเลยบอกว่าเดี๋ยวป๊าออกไปด้วย เขาไม่อยากให้คุยคนเดียว
แถวบ้านผมจะมีอุโมงค์ที่กลับรถไปฝั่งตรงข้าม มันเป็นถนนเลนเดียว ผมขับเข้าไปแล้วก็จอด คุณพ่อก็ขับมาพอดี ผมก็ลงไปคุยกับเขาพร้อมคุณพ่อ แล้วบอกว่า ขอโทษนะครับ ลดกระจกลงมาคุยกันหน่อยได้ไหม ก็ไม่ได้ไปเคาะกระจกอะไร ซึ่งเขาก็ตกใจและผมพยายามจะมองหน้าให้เขาลดกระจกลงมาคุย เขาก็พยายามจะขับรถแทรกหนีไป พอดีมีรถข้างหลังตามมา แต่ไม่เป็นไรเพราะเราถ่ายรูปทะเบียนรถ สีรถอะไรหมดแล้ว ค่อยไปลงบันทึกประจำวัน ก็เลยขับหลบให้เขาไป เขาก็ขับพุ่งหายไปเลย คืนนั้นก็ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.บางพลัด”
บอกอยากให้เป็นบรรทัดฐาน ไม่อยากปล่อยให้เรื่องเงียบ
“หลังจากที่ผมลงบันทึกประจำวันไว้ ผมก็โทร.หาทางบริษัทที่นาดาวเลย วันรุ่งขึ้นทางนาดาวก็ให้ทีมกฎหมายไปดำเนินการให้ ผมก็เซ็นมอบอำนาจแล้วให้ทนายไปจัดการต่อ ล่าสุดทางพี่ทนายก็ไปแจ้งความไว้ให้ แล้วทางตำรวจก็กำลังสืบเรื่องอยู่ครับ ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใครครับ แต่รถแล้วก็สีจำได้มันเหมือนกันทั้ง 3 ครั้ง ส่วนทะเบียนรถทางบริษัทเขาก็ให้ทนายส่งไปให้ตำรวจแล้ว เบื้องต้นมันเป็นรถเช่าก็อาจจะต้องสืบว่าคนเช่าเป็นใครอะไรแบบนี้ครับ
ถามว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดไหม ผมว่าอาจจะต้องสืบก่อนว่าเขามาด้วยเจตนาอะไร ถ้ามาตามเฉยๆ ก็จะคุยกัน ปรับความเข้าใจกันได้ หรือถ้าเขาประสงค์ไม่ดี มาแอบถ่ายเรา แอบถ่ายครอบครัวเรา เราก็อาจจะมีวิธีจัดการอีกแบบหนึ่ง เพราะเราต้องการจะตามตัวให้เจอ เพื่อที่จะสร้างมาตรฐานให้รู้สึกกลัว ไม่ใช่ว่าทำแล้วก็หายไป ไม่มีใครรู้ว่าเป็นใคร แล้วมาทำแบบนี้มันไม่ถูกต้องครับ อยากจะทำให้เป็นบรรทัดฐานมากกว่า
ผมก็รู้สึกว่ามันเป็นการรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวหรือคุกคามกันเกินไป ผมว่าการขับรถตามกัน หรือการ Stalking ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าในระหว่างที่เขาขับรถตามจะมีการถ่ายวิดีโอไหม ถ่ายรูปไหม หรือว่าถ่ายเข้ามาในบ้านเรารึเปล่า เพราะเขาตามถึงหน้าบ้าน เขาอาจจะรู้ว่าบ้านเราอยู่ตรงไหน ผมว่ารอบแรกเขาถ่ายเราออกจากบ้านด้วย ผมก็เลยรู้สึกกังวล เพราะที่บ้านมีอาม่า อากง และญาติๆ อยู่กันเยอะด้วย
มันเป็นบริเวณใกล้บ้านอย่างที่บอก คือบ้านผมคนอยู่เยอะ แล้วก็อีกซอยจะเป็นญาติๆ อยู่ รวมถึงตัวเราเองด้วย พอเขาตามมาถึงที่บ้าน เราก็รู้สึกว่าการที่เขารู้ว่าบ้านเราอยู่ไหน แล้วเขากล้าที่จะมาบริเวณใกล้บ้านเราหลายๆ ครั้ง ผมว่าเรารู้สึกไม่ปลอดภัย แล้วก็รู้สึกว่าเราโดนคุกคามความเป็นส่วนตัวอะไรแบบนี้มากกว่าครับ”
เผยคนขับเป็นผู้หญิง และมีผู้หญิงอีกคนนั่งมาด้วย
“จริงๆ ฟิล์มมันมืดมาก เห็นลางๆ มากๆ แต่เป็นผู้หญิงครับ เห็นเขาผมยาว ผมสีทอง ใส่หมวกแก๊ปแล้วก็ใส่มาสก์ มาด้วยกัน 2 คนเพราะนั่งหน้า ส่วนข้างหลังมองไม่เห็นเลยครับ เพราะฟิล์มมันดำมาก เห็นแค่ข้างหน้ามีคนขับกับคนนั่งข้างๆ ถามว่าตอนลงไปถามไม่กลัวเหรอ ก็พอคุยกับคุณพ่อ แล้วคุณพ่อบอกจะตามมาด้วย เราก็คิดว่าถ้าไม่ลงไปคุยก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ประชันหน้าอีกตอนไหน แล้วเรามั่นใจด้วยว่าเขาตามมาแน่ๆ
ถามว่าจังหวะที่ขับหนีมีช่วงอันตรายไหม จริงๆ ไม่เชิงขับหนีครับ แต่ขับเช็กมากกว่าว่าเขาตามจริงรึเปล่า อย่างช่วงที่ขับหนีก็ไม่ได้หนีตลอด อย่างตอนเป็นทางยาว ก็ลองดูว่าเขาจะตามมาไหม ซึ่งเขาก็ตามมา ช่วงที่เราชะลอก็ขับ 40-60 แบบทั่วไป เพื่อจะเช็กว่าลักษณะการขับของเขานั้นขับแบบนี้อยู่แล้วหรือตามเรา ซึ่งเราก็จะเปลี่ยนวิธีขับหลายแบบเพื่อเช็กว่าเขาขับตามเราไหมมากกว่าครับ ถามว่าเป็นไปได้ไหมว่าเขาอาจจะเป็นแฟนคลับที่คลั่งเรามาก จริงๆ ไม่ทราบเลยครับว่าเขาเป็นแฟนคลับรึเปล่า ไม่รู้ว่าเขามีเจตนาอะไร เขาคือใคร แล้วก็ไม่ได้ถามกลุ่มแฟนคลับด้วยครับ”
บอกคงไม่ย้ายบ้านหนี แต่จะติดกล้องที่รถและระวังมากขึ้น
“ก็คงไม่ได้ย้ายบ้านครับ (หัวเราะ) อยู่บ้านเดิม ก็คุยกับพี่ๆ ว่าจะมีการติดกล้อง เพราะตอนนี้ไม่มีกล้องด้วย เลยไม่ได้เห็นว่าเขาตามยังไง ไม่มีกล้องที่เป็นหลักฐาน ก็จะมีกล้องที่เห็นแค่ในบ้าน แต่เหตุการณ์แบบนี้ก็เคยมีครับ เราไปงานก็เหมือนมีคนขับรถตาม แต่ก็ไม่ได้ตามมาตลอดทางถึงที่บ้านหรือตามเป็นประจำ ลักษณะคันเดิม เหมือนเดิม แต่การตามแบบสตอล์คเกอร์แบบนี้ไม่เคยเจอเลย หรือเราอาจจะไม่รู้ก็เป็นไปได้
ถามว่าจะส่งผลกับงานไหม ผมว่าไม่ได้ขนาดนั้น เพราะสำหรับผมคิดว่าเคสนี้ทางบริษัทก็ช่วยดำเนินการอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ถ้าเจอตัวเราก็อาจจะต้องพูดคุยกันว่ามันอะไรยังไง เขาอาจจะไม่ได้มีความประสงค์ไม่ดีหรืออะไรแบบนี้ก็ได้ โดยส่วนตัวผมไม่ได้กระทบอะไรขนาดนั้น ที่ผ่านมาผมก็ขับรถปกติคนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียวอยู่แล้ว ผมชอบขับรถคนเดียวครับ
ก็แอบมีกังวลนิดนึง แต่ก็รู้สึกว่าไม่น่าจะขนาดนั้น คือชีวิตผมเวลาไปไหนทุกคนก็จะรู้อยู่แล้ว สมมุติว่ามีนัดงานตอนเช้า พี่ผู้จัดการหรือพี่ที่บริษัทก็จะรู้ว่าเราไปไหน ถ้าเราไปไม่ถึงผมคิดว่าก็น่าจะรู้แล้วก็มาช่วยผมได้ทันการ หรือกลับบ้านป๊าผมก็จะคอยโทร.ตามอยู่แล้ว ทำไมยังไม่กลับบ้าน มีคนดูชีวิตเราอยู่แล้วว่าถ้ามันมีอะไรแปลกๆ ทุกคนก็จะมาช่วยอยู่แล้วครับ จริงๆ ก็มีแฟนคลับทักเข้ามาให้กำลังใจเยอะ ทางดีเอ็ม หรือทางโอเพ่นแชตแล้วก็คนอื่นๆ พี่ๆ ในวงการเข้ามาให้กำลังใจเยอะ แล้วก็พี่ๆ ในบริษัท คนรอบตัว แต่ยังไม่มีใครแสดงตัวออกมาขอโทษครับ
ครอบครัวก็ค่อนข้างเป็นห่วง เขาจะเป็นห่วงในเรื่องของคดีความมากกว่าว่าจะยังไงต่อ ตอนนี้เรื่องเป็นยังไงแล้ว จะเอาเรื่องเขาไหม อย่าไปเอาเรื่องเขาเลย ก็เถียงกันในบ้านตามสไตล์คนจีน (ยิ้ม) แต่เราห่วงความปลอดภัยเรื่องสิทธิ์บุคคลของคนในบ้านมากกว่า เรารู้สึกว่าพอเราเป็นบุคคลสาธารณะแบบนี้ คนในครอบครัวเราก็จะเหมือนได้รับผลกระทบไปด้วย เวลาเราไปไหนมาไหน โดยเฉพาะเวลามีคนตามเราถึงบ้าน เราก็ไม่อยากทำให้คนอื่นหรือคนในครอบครัวเดือดร้อน หรือโดนแบบนี้ไปด้วย”
บอกถึงจะเป็นคนสาธารณะ แต่ก็ต้องการความเป็นส่วนตัวเหมือนกัน
“จริงๆ ถึงเราจะเป็นบุคคลสาธารณะ เราก็เป็นคนเหมือนกัน อยากให้ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา สมมติเราโดนคนรุกล้ำความเป็นส่วนตัว มันอาจไม่โอเคสำหรับทุกคน ถ้าเขาเป็นคนที่ชื่นชอบเรา เราก็ขอบคุณมากๆ ที่ติดตาม แต่เราไปเจอกันได้ตามงานที่บริษัทจัดการไว้ให้ งานที่เราไปไหนมาไหน เป็นงานสื่อ แต่ว่าในสิทธิส่วนตัว หรือการตามในทุกรายละเอียดที่จริงๆ แล้วทุกคนอาจไม่ได้อยากให้ใครมาตาม หรือไม่อนุญาตให้ใครมาขับตาม ผมคิดว่าก็ขอเหลือพื้นที่ให้ทุกคนได้มีเวลาส่วนตัวของตัวเองบ้าง
จริงๆ อยากขอบคุณแฟนคลับที่เป็นห่วงกัน เขารักและเป็นห่วงเรา เราไม่รู้ว่าคนที่ตามเป็นใคร แต่แฟนคลับผมน่ารักทุกคนเป็นส่วนใหญ่ เขาดูแลเราอยู่แล้ว ไม่ว่าเราจะเจอเรื่องที่ไม่ดี เขาก็จะคอยช่วยเรา เป็นห่วงเราอยู่แล้ว หรือเจอเรื่องดีๆ เขาก็จะซัปพอร์ตเรา แฟนคลับเขาพิเศษสำหรับผมอยู่แล้วในทุกช่วง ไม่ใช่แค่ช่วงที่เรามีปัญหา”
บอกถ้าเป็น “พีพี กฤษฏ์ อำนวยเดชกร” อีกฝ่ายคงขับรถตามไม่ทันแน่
“ยังไม่ได้คุยกับพีพีเลยครับ แต่เขาก็เป็นห่วงอยู่แล้วครับ เขาคงคิดว่าเรากำลังยุ่งๆ อยู่ด้วย เพราะเขาก็ทราบเรื่องอยู่แล้วก่อนมีประกาศออกไป แต่เขาก็ยังไม่ได้ถามอะไร คงคิดว่าผมกำลังยุ่งๆ อยู่ ทั้งเรื่องจัดการคดีความ และเรื่องมีคนเข้ามาถามเยอะ อย่างวันนี้ก็เจอกัน ก็คุยกันตลอดอยู่แล้ว
ผมว่าเขาขับตามพีพีไม่ทันหรอกครับ (หัวเราะ) อันนี้แซวครับ ผมว่าพีพีถ้ามีคนตามเขาก็น่าจะรู้นะ เพาะเขาเป็นคนช่างสังเกต เขาเป็นคนสังเกตอยู่แล้วว่ามันมีอะไรผิดวิสัยไป แถวบ้านหรือรอบตัวเขา เขาก็น่าจะรู้ เขาอาจรู้ก่อนผมอีกนะ จริงๆ ผมอาจโดนตามมานานแล้วก็ได้ แต่เราเพิ่งมีเซ้นส์ขึ้นมา”
เผยได้ดูมิวสิคเพลง I'll Do It How You Like It แล้ว
“ดูแล้วครับ ก็ดีครับ (เสียงสูง) สำหรับผมว่าเหมือนเขาได้ลงไปเล่นอะไรหลายอย่างในเอ็มวี ได้ใส่ไอเดียความเป็นตัวเขา ทั้งเพลงและเอ็มวีด้วย เขาก็ภูมิใจกับงานของเขามากๆ และมีความสุขกับงานของเขามากๆ เห็นแล้วก็ยินดีและดีใจไปกับเขาด้วยครับ แต่เห็นตอนแรกก็ตกใจครับ ตกใจมาก (หัวเราะ) แต่ไม่แปลกใจ เขาน่าจะชอบส่วนนึง ผมว่ามันหลายๆ ทางทั้งเขาด้วย และเป็นเอ็มวีที่พี่บอสกำกับด้วย มันก็ผสมโรงไปกันใหญ่ แต่เขาก็น่าจะสนุกกัน เราก็คิดว่าเขามีความสุขกัน ก็ดีแล้วครับ
จริงๆ ผมคาดเดาเป็นอีกแบบนึงเลยครับ คิดว่าจะมีเต้นๆ แต่ไม่รู้ว่าจะเต้นแบบนี้ (ยิ้ม) ผมก็มีซ้อมเต้นทำชาเลนจ์กับเขาด้วย เขาก็ไม่ได้เอามาให้ผมดูก่อน ให้รู้พร้อมทุกคน เพลงด้วย เพลงก็ไม่ได้ฟังครับ ผมไม่รู้อะไรเลย คือเวลาเราไปที่กองถ่าย เขาไปเจอใคร ก็จะวิ่งเอาเอ็มวีไปให้ดู แต่เขาไม่ไห้ผมดู ผมก็ไม่ได้ดูอยู่คนเดียว เขาอยากให้ดูพร้อมกับทุกคน เดี๋ยวไม่เซอร์ไพรส์ครับ ได้เล่นกับพี่อาเล็ก (ธีรเดช เมธาวรายุทธ) เขาก็คงแฮปปี้ครับ (หัวเราะ) เขาคงมีความสุข ผมถึงได้บอกว่าเอ็มวีนี้เป็นเอ็มวีสนองความต้องการของเขาในหลายๆ อย่างครับ”