“ต่อ ธนภพ” เสียความรู้สึกตั้งแต่เด็ก โดดเดี่ยวในวันเกิดเพราะตรงกับวาเลนไทน์ หยอดหวานใส่ “มีน” แค่มาดูหนังในวันนี้ก็เป็นของขวัญวาเลนไทน์แล้ว รับถึงจุดนึงต้องอธิบายช็อตหวิว แต่อีกฝ่ายไม่งี่เง่า เข้าใจมากกว่าตน
ใกล้วาเลนไทน์ หลายคู่ก็เริ่มมีแพลนกันแล้ว แต่ “ต่อ ธนภพ ลีรัตนขจร” เผยว่าตนเองนั้นยังไม่มีเซอร์ไพรส์ เพราะอยู่ในช่วงโปรโมตหนังใหม่ แต่แค่อีกฝ่ายมาดูหนังตนในวันนี้ก็เป็นของขวัญแล้ว กรี๊ด
“วาเลนไทน์เหรอครับ ไม่รู้ น่าจะโปรโมตหนังอยู่เพราะมันเข้าช่วงวาเลนไทน์พอดี (เป็นวันพิเศษสำหรับเราวันเกิดตรงวาเลนไทน์?) จริงๆ หลังๆ นี้ยกให้เป็นวาเลนไทน์ดีกว่า เชื่อว่าทุกคนก็อยากจะใส่ใจกับคนที่ตัวเองรัก ผมไม่ค่อยซีเรียสกับวันเกิดเท่าไหร่ ก็คิดว่าอาจจะมีแพลนในวาเลนไทน์ แต่ด้วยสถานการณ์มันทำอะไรไม่ได้หรอกครับ
ถามว่าแอบเสียความรู้สึกไหม พอเกิดในวันเทศกาล บางทีอาจจะถูกลืมว่าเป็นวันเกิดเรา ที่เสียความรู้สึกเป็นตั้งแต่เด็กแล้วครับ สมัยมัธยมที่เราติดเพื่อนก็จะรู้สึกว่าวันนี้วันเกิดเรา ผมเรียนชายล้วนมา พอเย็นวันวาเลนไทน์ ทุกคนแตกฮือไปตามทางของตัวเอง เราก็โดดเดี่ยว”
ยังไม่เตรียมเซอร์ไพรส์ ยกอีกฝ่ายกำลังใจสำคัญ ก่อนหยอดหวาน แค่อีกฝ่ายมาดูหนังก็เป็นของขวัญแล้ว
“ไม่ทันเลยครับ พูดด้วยความสัตย์จริงไม่มีเตรียมเซอร์ไพรส์อะไรเลย โฟกัสแต่ One for the Road แต่ส่วนใหญ่ก็ชอบให้นะครับ ไม่ค่อยให้ตรงวันพิเศษ จะให้วันอื่นๆ มากกว่า ก็ยังไม่รู้ว่าจะให้อะไร ไม่ค่อยเป็นคนที่เป็นความรักสายเปย์เท่าไหร่ เป็นเรื่องความรู้สึกมากกว่าครับ วันนี้เขาก็มาดูหนังเพราะถือว่าเป็นวันสำคัญของผมเหมือนกัน เขาก็เป็นกำลังใจสำคัญในการทำงานของผมด้วย
จริงๆ แค่วันนี้เขามาดูก็เป็นของขวัญแล้ว เพราะวันนี้คุณพ่อคุณแม่ผมมาได้ไม่ครบ วันนี้ใครที่มาดูหนังเราได้ก็คือเป็นของขวัญวันเกิดเราไปเลย ผมตั้งใจกับหนังเรื่องนี้มาก ผมได้อะไรเยอะมากหลังจากที่ถ่ายเรื่องนี้เสร็จ ในฐานะนักแสดงมันโตขึ้นไปอีกสเต็ปคือผมสามารถรับงานที่หลากหลาย ถ้าย้อนไทม์ไลน์ ผมถ่ายเรื่องนี้เสร็จก่อนผมถึงไปเล่น Ghost Lab ถ้าเท้าความตั้งแต่แรกเลย เขาจะไม่ให้ผมแคสบทที่ผมเล่นนะ เพราะเขารู้สึกว่ามันไม่ใช่เรา แต่เหมือนกับว่า One for the Road มันช่วยอะไรบางอย่างที่ทำให้มันมี ฟีลบางอย่างที่ออกมาจากเราในแบบที่ผู้กำกับฯ ไม่เคยเห็นมากกว่า ผมว่าสุดท้ายเราควรจะเลือกโฟกัสให้ถูกจุด ผมทำงานประเภทนี้ผมทำศิลปะ ผมไม่ได้ทำจากอารมณ์ สุดท้ายสิ่งที่ผมทำมันมีเหตุและผลแล้วมันคือความสวยงามของศิลปะ (ถามว่าตัวเขาเองก็เข้าใจ?) ไม่กล้าตอบแทนเลยครับ(หัวเราะ)”
ถึงจุดนึงต้องอธิบาย มีฉากวาบหวิวเยอะ
“ถึงจุดหนึ่งมันคงต้องมีการอธิบายกันแหละครับ แต่ว่าสุดท้ายแล้วผมว่าเขาเข้าใจเราอยู่แล้วในสิ่งที่เราเป็น แล้วผมเชื่อว่าผมไม่เคยทำอะไรที่มันดูไม่มีเหตุผล ผมก็ย้ำตลอด พี่ๆ GDH ช่วยกันตลอดช่วงที่โปรโมตเรื่องนี้ เพราะว่ากลัวคนจะโฟกัสผิดจุด ซึ่งขอบคุณคนดูมากเลย เขาไม่ได้ผิดจุดกันเลย เดี๋ยวเข้าไปดูหนังกันแล้วจะเข้าใจแล้วอยากชวนตรงนี้อีกทีว่าเข้ามาดูหนังเต็มกันเถอะ แล้วยิ่งถ้าดูในโรงยิ่งเป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับผมและทีมงาน ถามว่าต้องอธิบายคนนั่งข้างๆ ไหม ไม่ขนาดนั้นครับ ในแง่ความรู้สึกมันเคลียร์กันชัดเจน งานคืองาน ส่วนตัวก็คือส่วนตัว”
ไม่เล่าให้ฟังเรื่องการทำงาน ยันเขาไม่ใช่คนงี่เง่า มีเหตุผลมากกว่าตน
“ไม่ครับ บอกแล้วว่าผมเป็นคนแยกงานกับส่วนตัว ไม่ค่อยรู้หรอกว่าผมทำอะไร แต่ส่วนใหญ่ถ้าเกิดว่าเราเอ็นจอยกับมันมากๆ จนรู้สึกว่าเราอยากแชร์จังเลย ก็จะมีแชร์ให้ฟังว่าเราทำสิ่งนี้อยู่ มันเวิร์กนะ ผมว่าเขาไม่ใช่คนงี่เง่า เป็นคนที่มีเหตุผลมากกว่าผมในบางทีด้วยซ้ำ อย่างการถ่ายทำเรื่องนี้ค่อนข้างหนัก เขาก็คอยให้กำลังใจให้เรามีแรงที่จะยืนในวันต่อไปไหว เพราะจริงๆ เรื่องนี้ถ้าแชร์กับคนดู มันหนักมากจริงๆ”