xs
xsm
sm
md
lg

“อาย” ตื่นเต้นเป็นวูบๆ ใกล้เป็นเจ้าสาวแล้ว ลั่นไม่คิดทดลองอยู่ก่อนแต่ง “ว่านไฉ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“อาย” รับตื่นเต้นเป็นวูบๆ ใกล้จะได้เป็นเจ้าสาวแต่งงานกับ “ว่านไฉ” วางแผนจัดงานเล็กๆ ให้ง่ายที่สุด ไม่ทดลองอยู่ก่อนแต่ง เพราะได้จุดวัดใจทดสอบกันมาแล้ว หลังแต่งงานแล้วยังไม่มีน้อง แต่วางแผนไว้ว่าจะฝากไข่

ลงยูทิวบ์ขอแต่งงานกันไปเมื่อปีที่แล้ว เมื่อถาม “อาย กมลเนตร เรืองศรี” ถึงอัปเดตแพลนวิวาห์กับ “ว่านไฉ อคิร วงษ์เซ็ง” หรือ “ว่านไฉ AF5” เจ้าตัวก็เผยว่ายังไม่ได้สรุปอะไรจริงจัง แต่มีงานปีนี้แน่นอน

"ยังไม่ได้สรุปแบบจริงจัง แต่ว่าอย่างที่บอกอยากได้แบบเล็กๆ ง่ายๆ ภายในปีนี้ จริงๆ ก็มีวันแหละ แต่อยู่ในขั้นตอนของการเตรียมงาน ซึ่งงานก็ไม่ได้ใหญ่โตเป็นงานเล็กๆ แทบจะไม่รู้เลยว่าเป็นงานแต่งงาน โควิดก็เลยไม่ได้มีผลอะไร เราไม่ได้ไปใช้สถานที่ของคนอื่นไม่ได้ใช้โรงแรม เราเลยไม่กังวล สมมติว่าถ้ามาวันนั้นในสถานการณ์ตอนนั้นมีมาตรการมาว่าห้ามจัดงานเราก็แค่หยุดไว้ก่อน เราก็ไม่ได้เสียค่ามัดจำของโรงแรม

แต่ถึงแม้จัดไม่ได้มันก็จะเป็นสเกลเล็กอยู่ดี เชิญคนน้อยอยู่ดี ซึ่งตั้งไว้ไม่เกิน 100 คนค่ะ สำหรับของชำร่วย ก็ยังไม่ได้เตรียมหา เราลดพิธีอะไรหลายหลายอย่างมากๆ สำหรับชุดแต่งงานก็กำลังคุยๆ อยู่ อยากให้มันง่ายๆ ที่สุดเลยค่ะ ซึ่งคงเหลือพิธีสำคัญที่อยู่ในครอบครัว เตรียมงานไป 20 เปอร์เซ็นต์แล้ว”

เป็นอารมณ์ตื่นตื่นจะได้เป็นเจ้าสาวเป็นวูบๆ
“ตอนแรกเฉยๆ มาก แต่พอมานั่งคุยเรื่องชุดมันก็มีเรื่องตื่นเต้นเข้ามาเป็นวูบๆ เหมือนกัน แต่ด้วยตอนนี้พอละครออนแอร์ มีโปรเจกต์ ก็ต้องมาโปรโมต มี กอมอนอ ที่ต้องทำ มันก็เลยเหมือนมีหลายอย่างที่จะต้องโฟกัส แล้วพอวันนี้ต้องมาคุยเรื่องงานแต่งพอคุยคุยอยู่สักพัก ก็อย่างที่บอกว่าตื่นเต้นเป็นีระลอกๆ”

ได้ดูแลกันในช่วงที่ “ว่านไฉ” ป่วยก็ถือเป็นช่วงวัดใจเหมือนได้ลองใช้ชีวิตด้วยกันก่อนแต่งงานแล้ว
“อันนี้อายว่ามันแล้วแต่ความคิดแต่ละคนว่าจะเป็นยังไงแล้วแต่ครอบครัวด้วย อย่างที่เคยพูดไปแล้วบ้านหนูเป็นคนที่ไม่เคยได้ลองใช้ชีวิตกับแฟน เพราะเราอยู่บ้านอย่างเดียว แต่พอคบกับพี่ว่านด้วยความที่ตอนนั้นพี่ว่านป่วยเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทแล้วเราจะต้องช่วยเหลือ

คอยดูแลในช่วงระหว่างหาหมอทั้งจะผ่าตัดทั้งรักษาทางเลือกทุกอย่าง มันเป็นช่วงเวลาที่ได้ดูแลกัน ไม่ใช่แค่เราสองคนแต่ว่ามันเป็นครอบครัวอายครอบครัวเขาด้วย ได้จอยกันก็เลยได้รู้ว่ามันเป็นยังไง คือมันผ่านช่วงเวลายากลำบากด้วย ตอนนั้นมันเป็นการตัดสินใจแล้วว่าเราจะผ่าตัดไหมเพราะว่ามันเจ็บ มันอยากผ่าตัดแล้วคือคนอายุ 32 จะผ่าตัดมันก็คือความเสี่ยง คือมันก็แล้วแต่ความเชื่อ แล้วก็เรารักษาด้วยวิธีทางเลือกมันต้องใช้ระยะเวลาความถี่ค่อนข้างสูงมากๆ ในการไปรักษาตรงนั้น ซึ่งเราได้เห็นความไม่แน่นอนของร่างกาย และหลายๆ อย่าง แล้วสถานการณ์โควิดด้วย เราก็ตกตะกอนจนได้มาเป็นวันนี้เหมือนกัน ซึ่งก็เหมือนเราได้เรียนรู้กันในจุดนั้น”

ไม่กังวลการเปลี่ยนแปลงสถานะจากแฟนเป็นสามี
“คือตรงนี้เรามีการพูดคุยกันแล้ว อย่างบ้านที่เราสร้างไว้เป็นออฟฟิศเรามีสเปซให้กับทางครอบครัวทั้งเขาและเราด้วยที่จะมาจอยกันอยู่แล้ว อีกอย่างตรงบ้านที่เป็นออฟฟิศเป็นตรงกลางระหว่างบ้านของอายกับคุณแม่ของพี่ว่าน แล้วมันเดินทางง่ายสะดวก ตอนแรกคือจะทำเป็นสตูฯ แต่ทำไปทำมาแล้วรู้สึกเริ่มเสียดายไม่อยากจะให้เช่า แต่มันก็มีสเปซพ่อแม่สามารถมาอยู่มาจอยกันได้

ก็ไม่ได้ห่วงเรื่องนี้เพราะว่า ณ วันนี้ที่อยู่ก็คือเราทั้งคู่ต่างทำงานดูแลครอบครัวอยู่ แล้วถ้าวันหนึ่งเราจะได้แต่งงานอยู่ด้วยกันไป อายก็ยังก็ต้องเป็นแบบนี้ยังทำงานของอายดูแลครอบครัวของอาย พี่เขาก็ยังทำงานดูแลครอบครัวของเขา เพียงแต่ว่าเราช่วยกันดูแลไปได้แล้ว”

หลังแต่งงานแล้วยังไม่มีน้อง แต่วางแผนไว้ว่าจะไปฝากไข่
“ยังนะคะ คือน่าจะยังคงใช้ชีวิตด้วยกันก่อนอยากเดินทางต่างประเทศด้วยกันก่อน ก็สนใจเรื่องของการฝากไข่อยู่ค่ะ มันเป็นสิ่งที่ถ้ามีโอกาสได้ทำอายก็อยากทำมันคือการป้องกันความเสี่ยงเอาไว้ เพราะว่าวันนึงเราก็ไม่รู้ว่าเราอยากจะมีน้องตอนอายุเท่าไหร่ แล้วอายุเราตอนนี้มันก็เริ่มมากขึ้นแล้ว วันนั้นความสมบูรณ์ของไข่มันก็ยังเหมือนเดิมไหม เราก็ตอบไม่ได้ สนใจอยู่ค่ะ ซึ่งเรื่องการยังไม่มีลูกก็คือคุยกันไว้แล้วกับพี่ว่าน”

ยังไม่อยากมีลูกตอนนี้ เพราะยังมีเป้าหมายที่ยังไม่ได้ทำคือการไปเที่ยวต่างประเทศกับ “ว่านไฉ”
“ตอนนี้อายก็ไม่ได้อยากจะมี ตอนนี้ยังรู้สึกอยากรับผิดชอบพ่อแม่ของเรา เรายังมีโปรเจกต์ที่ยังอยากทำอยู่ คืออย่างเพื่อนสนิทอายก็คือพี่จ๊ะ จิตตาภา – พี่เอิน นิธิภัทร์ คือพอมีน้องแฝดมา มันก็คือความดีใจแต่ว่าเราในฐานะน้า เราเห็นเลยว่าคือพ่อเอิร์น แม่จ๊ะ เปลี่ยนชีวิตเลย ต้องทุ่มเทเพื่อสองชีวิตที่เกิดมามากๆ เลย แล้วคือเด็กน่ารัก พ่อแม่ติด น้าติด เราก็คือยังมีโปรเจกต์ที่จะทำโน่นทำนี่ คือการที่เรามีลูก เราต้องเสียสละชีวิตของเรามากๆ เพื่อให้กับลูกของเราที่เกิดมา

ตอนนี้ทั้งอายและพี่ว่านมีความเห็นตรงกัน และเราทั้งคู่ก็เห็นด้วยกับการที่ถ้ามีโอกาสได้ฝากไข่ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะไม่ทำถ้าเกิดทำได้ ทางผู้ใหญ่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ที่บ้านอายเลี้ยงหมาอยู่สองตัว คือเหมือนลูกมาก และรู้สึกว่าหนูมีลูก พ่ออายต้องสปอยมากแน่ๆ เลย เพราะตอนนี้สปอยหมาสองตัวหนักมาก”













กำลังโหลดความคิดเห็น