The Matrix มีฉากที่เป็นตำนานมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือฉากต่อสู้ในโดโจ ที่ตัวละครของ เคียนู รีฟส์ และ ลอเรนซ์ ฟิชเบิร์น เลือกที่จะใช้ลีลาการต่อสู้แบบกังฟู ในการพิสูจน์ฝีมือกัน ฉากต่อสู้ หนึ่งตอนหนึ่งฉากนี้กลายเป็นหนึ่งในฉากแอ๊คชั่นที่ดังที่สุดในรอบยี่สิบปีที่ผ่านมา ยังกลายเป็นจุดเริ่มต้นของกระแสความนิยมคิวบู๊แบบฮ่องกงในฮอลลีวู้ด ที่ฮิตสุดๆในช่วงเวลาด้วย
ซึ่งคนที่มีหน้าที่ในการออกแบบ ฉากต่อสู้หนึ่ง ในซีนนี้และยังเป็นคนที่ฝึกฝนกังฟูให้กับนักแสดงทุกคนในกองถ่าย The Matrix ก็คือตำนานผู้กำกับคิวบู๊ ที่ชื่อว่า "หยวนวูปิง" นั้นเอง
ก่อนหน้าจะโด่งดังในฐานะผู้กำกับคิวบู๊ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ภาพยนตร์ลูก หยวนวูปิง เริ่มต้นทำงานในบ้านเกิด กับการเป็นสตั้นท์แมน ก่อนจะเลื่อนขั้นมาเป็นผู้กำกับคิวบู๊ จะได้กำกับหนังของตัวเอง ผลงานที่ดังที่สุดของเขาก็คือ หนังเรื่อง ไอ้หนุ่มหมัดเมา ที่รับบทโดย เฉินหลง นั่นเอง
นอกจากทำให้เฉินหลงโด่งดังเป็นพลุแตกแล้ว หยวนวูปิง ยังมีเครดิตในฐานะ คนที่แจ้งเกิดนักบู๊ระดับตำนานอีกคนหนึ่งอย่าง ดอนนี เยน ที่เรียกได้ว่าเป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิของเขาก็ว่าได้
ดอนนี เยน เป็นคนจีนที่เป็นโตอยู่ที่อเมริกา ก่อนจะเดินทางกลับมาฮ่องกง เพราะจะเข้าวงภาพยนตร์ ก็เลยมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของ หยวนวูปิง จนส้มหล่นถูกอาจารย์ผลักดัน เคยรับบทเป็นพระเอก แม้สุดท้ายหลังส่วนใหญ่ จะออกไปทางเจ๊งมากกว่ารุ่ง และต้องรอคอยนานหลายทศวรรษกว่าที่ ดอนนี เยน จะแจ้งเกิดได้จริงๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าคนที่เปิดประตูบานแรกให้กับ ดอนนี่ เยน ก็คือ หยวนวูปิง นั่นเอง
หยวนวูปิง ทำงานทั้งกำกับ และออกแบบคิวบู๊ ให้กับหนังดังยุคเก้าศูนย์มากมาย แต่งานที่เปลี่ยนชีวิตของเขาไปโดยสิ้นเชิง กลับกลายเป็นหนังกังฟูรีเมคมาจากหนังเก่าของ บรูซ ลี ที่ชื่อว่า Fist of Legend ที่ฮิตไปถึงตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้อง วาชอสกี้ ที่ชื่นชอบหนังเรื่องนี้มากๆ
เมื่อมีโอกาสได้ทำหนังแอ็กชันไซไฟ จึงไม่พลาด ที่จะติดต่อให้ หยวนวูปิง มาช่วยออกแบบคิวบู๊ในหนัง แม้จะฉาก ต่อสู้ในสำนักคาราเต้ เพราะว่ากันว่า เป็นแรงบันดาลใจให้กับ ฉากคล้ายๆกันนี้ใน The Matrix ด้วย
หลังความสำเร็จอย่างถล่มทลายเกินคาดของ The Matrix ก็เลยทำให้ชื่อของ หยวนวูปิง กลายเป็นที่ต้องการของวงการหนังฮอลลีวูดขึ้นมาทันที เขายังมีโอกาสทำหนังฮอลลีวูดเรื่องนั้นก็คือ หนังชุด Kill Bill ทั้งสองภาค
ในช่วงนั้นลีลาการต่อสู้แบบกังฟูจีน แค่จะกลายเป็นมาตรฐานสำหรับหนังแอ๊คชั่นหนังฮอลลีวูดในขณะนั้นไปเลย ผู้กำกับคิวบู๊ชาวฮ่องกงหลายคนก็เลยได้ดิบได้ดี ได้ไปทำงานต่างประเทศ
ผู้สร้างหนังบางเรื่อง ไม่ได้ หยวนวูปิง มาออกแบบคิวบู๊ให้แต่อย่างน้อยได้น้องชายของเขา มาทำหน้าที่แทนก็ยังดี อย่างในหนังชุดนางฟ้าชาร์ลี Charlie’s Angel
ส่วนแฟนหนังก็น่าจะคุ้นเคยกับหน้าตาของ หยวนเจิ้งเหยียน คนนี้ดี เพราะเขาคือคนที่มารับเชิญในหนัง Kung Fu Hustle นั่นเอง
น่าเสียดายหลังจากที่ฝากผลงานหนังฮอลลีวูดเอาไว้ แค่ไม่กี่เรื่องสุดท้าย หยวนวูปิง ขอเลือกที่จะหันกลับมารับงานในจีนแผ่นดินใหญ่เป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังกังฟูมาสเตอร์พีซของหว่องกาไว The Grandmasters
ล่าสุดตัวของ หยวนวูปิง ได้กลับมาเน้นกำกับภาพยนตร์ของตัวเองอีกครั้ง แม้ส่วนใหญ่ผลลัพธ์จะออกมาไม่ได้มีเด่นอย่างที่หวังเพราะตาม แต่ด้วยชื่อชั้นความยิ่งใหญ่เขาทำให้เขายังมีผลงานออกมาเรื่อยๆ
แต่ที่น่าเสียดายก็คงจะเป็นหนัง The Matrix ที่คราวนี้ผู้สร้างเลือกใช้ผู้กำกับคิวบู๊ชาวอเมริกันด้วยกันเอง จนทำให้นี่คือหนังภาคแรกที่ หยวนวูปิง ไม่ได้มีส่วนร่วมด้วยอีกแล้ว และคนที่ได้ไปชมหนังมาแล้วก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คิวบู๊หนังภาคล่าสุด ไม่สามารถเทียบได้กับผลงานที่ หยวนวูปิง เคยสร้างสรรค์เอาไว้ได้เลย