ต้องบอกว่าเป็นนางเอกกระแสแรงเกินต้านจริงๆ
สำหรับ “ใบเฟิร์น – พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์”
กับการสร้างสถิตินางเอกคนเดียวแห่งยุค ที่” กินรวบ” ครองจอคนเดียว 4 วันรวด จากผลงานละครหลังข่าวฟอร์มยักษ์ 2 เรื่อง จาก 2 ช่องใหญ่ !!!
“สร้อยสะบันงา” ของช่อง 3 ทุกวันจันทร์ – อังคาร ทางช่อง 3
และกดรีโมทย้ายช่องมาย่านอโศก กับ “สิเน่หาส่าหรี” ทุกวันพุธ-พฤหัส ทางช่อง One
เรียกว่าเป็นนางเอกแห่งความหวัง ที่ทั้งสองช่องต่างก็ปักธงให้เป็นด่านหน้าในการฟาดเรตติ้ง หลังจากที่เคยฟาดให้กับช่อง One จนเป็นที่ประจักษ์มาแล้วจากละคร “ใบไม้ที่ปลิดปลิว”
เริ่มจาก “สร้อยสะบันงา” ที่ออกสตาร์ทออนแอร์ไปก่อน 1 สัปดาห์ผ่านไปแล้ว 4 Ep. กับตัวเลขเรตติ้งที่ทำให้คนในตึกพระรามสี่ยิ้มกว้างจนตาหยี
Ep. 3 (31 ม.ค.) ได้ไป 2.748 ขณะที่ Ep. 4 ( 1 ก.พ.) กวาดไป 2.694 เรตติ้งเฉลี่ย 2.37
ส่วนตัวเลขของบอดคนดูออนไลน์ตอนล่าสุด ก็ทะลุไปถึง 1.7 แสนคน และติดเทรนด์ทวิตเตอร์ประเทศไทย
“สร้อยสะบันงา” เป็นละครจากค่ายของอดีตนางเอกมากฝีมือ “นก-จริยา แอนโฟเน่” และเป็นการร่วมงานกับช่อง 3 เป็นครั้งแรกของนางเอก ใบเฟิร์น แถมยังได้ประกบคู่จิ้นเก่าจากภาพยนตร์ “Friend Zone ระวังสิ้นสุดทางเพื่อน” ของค่าย GDH อย่าง “นาย-ณภัทร เสียงสมบุญ” ที่ต้องบอกว่าเคมีเข้ากันเอามากๆ
เรื่องนี้เป็นอีกครั้งที่ ใบเฟิร์น จะต้องโชว์สกิลการแสดงกับบทดราม่าเข้มๆ โดยมีฉากหลังเป็นเรื่องราวที่ย้อนกลับไปในสมัยหลังการเปลี่ยนการปกครอง เล่าผ่านชีวิตของ “สะบันงา” หรือ “งาม” หญิงสาวที่ถูกสังคมพิพากษาว่าลูกกบฏ เธอจึงต้องทุ่มเททั้งชีวิต เพื่อการกอบกู้เกียรติยศ และทวงคืนศักดิ์ศรีให้ครอบครัว และรวมถึงต่อสู้กับอุปสรรคความรักของตัวเอง
เป็นหนึ่งในละครที่ถือว่าดีต่อใจคนดูเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นซีนหวานโรแมนติก หรือซีนที่ระเบิดอารมณ์ใส่กัน ที่ทำเอาคนดูทั้งอิน และฟินกันแบบใส่คะแนนไม่ทันกันเลยทีเดียว
ถือเป็นการเปิดหัวแหวนนางเอกกับช่อง 3 ของ ใบเฟิร์น ได้อย่างสมศักดิ์ศรีจริงๆ
แถมยังมีกระแสเชียร์ให้ นาย-ใบเฟิร์น เขยิบฐานะจาก “คู่จิ้นในจอ” กลายเป็น “คู่จริงนอกจอ” ที่ยิ่งเป็นพลังเสริมที่ส่งให้ละครปังมากยิ่งขึ้น
ต่อเมื่อกดรีโมทเปลี่ยนมาที่ช่อง One กับละคร “สิเน่หาส่าหรี” ที่ออกตัวช้ากว่าไป 1 สัปดาห์ ณ วันนี้เพิ่งออนแอร์ไปได้แค่ 2 Ep. แต่ก็คาดเดาได้ว่าตัวเลขเรตติ้งก็ไม่น่าจะทิ้งห่างจากเรื่องแรก
เพราะไม่งั้นจะเสียทีที่ ใบเฟิร์น จดจ่อรอคอยเล่นเรื่องนี้ ในบทของ “นวลเนื้อแก้ว” หญิงสาวจากเมืองไทยตามคำทำนายที่จะมาเป็นผู้กอบกู้แผ่นดิน และไขปริศนาที่ซ่อนอยู่ในลายปักบนผืนผ้าส่าหรี มานานถึง 3 ปีเต็ม
เช่นเดียวกับพระเอก “ฌอห์น จินดาโชติ” ที่บุคลิกหน้าตาสอดคล้องกับการรับบทเป็นเจ้าชายแห่งเมืองมันตราปุระจริงๆ
“สิเน่หาส่าหรี” เป็น 1 ใน 9 นวนิยายจากซิรี่ส์ผืนผ้าของ “พงศกร” ที่ถูกกว้านไปสร้างเป็นละครแทบจะหมดสต๊อกแล้ว ทั้งช่อง 3 (สาปภูษา , รอยไหม , กี่เพ้า , กลกิโมโน) , ช่อง 7 (ลูกไม้ลายวนธยา , เลื่อมลวง ) , ช่อง 8 (เล่ห์ลุนตยา) ดูเหมือนจะเหลือเพียงเรื่องเดียวที่ยังไม่มีคนจับจอง ก็คือเรื่อง “บุหงาบาติก”
เรื่องนี้เป็นผลงานลำดับที่ 2 ภายใต้ชายคาช่อง One ของ ใบเฟิร์น นับจาก “ใบไม้ที่ปลิดปลิว” แต่ถ้านับว่าเป็นผลงานของช่อง One จริงๆ ก็ต้องถือเป็นเรื่องแรก เพราะ “ใบไม้ที่ปลิดปลิว” เป็นงานสร้างจากค่าย Change 2561 ของ “พี่ฉอด-สายทิพย์”
อย่างไรก็ตาม เส้นทางของการเป็นนักแสดงอิสระของ ใบเฟิร์น นับจากที่สิ้นสุดสัญญาจากช่องเก่า ต้องถือว่านานวันก็ยิ่งเจิดจรัส ผลงานแต่ละเรื่องล้วนแต่เป็นงานโชว์ฝีมือ และเป็นหน้าเป็นตาของช่องทั้งนั้น ยังไม่นับผลงานภาพยนตร์ ที่ช่วยส่งเสริมสถานะความเป็นนางเอกหัวแถวให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ข้อดีของการไม่สังกัดช่องใดช่องหนึ่งก็คือ สามารถรับงานได้เปิดกว้างกว่า เลือกร่วมงานกับช่อง หรือผู้จัดได้หลากหลายกว่า แต่คนที่จะมาอยู่จุดนี้ได้ ก็ต้องมีพาวเวอร์ มีบารมีมากพอ ที่จะสามารถต่อรอง หรือดึงดูดงานดีๆ จากผู้จัดรายใหญ่ๆ ได้
ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก คือหนึ่งในนั้น !!!
ผู้จัดการ 360 องศาสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 5-11 กุมภาพันธ์ 2565