ทำเอาสะเทือนวงการสตรีมมิงเจ้าดังอย่าง Spotify ไม่น้อยภายหลังจากที่ตำนานนักร้อง-นักแต่งเพลงชื่อดังของโลกอย่าง "นีล ยัง" (Neil Young) ได้ออกมาเรียกร้องให้แอปพลิเคชันดังถอดบทเพลงของตนเองออก
โดยสาเหตุที่ทำให้ตำนานวงการเพลงที่มียอดขายอัลบั้มโดยประมาณอยู่ที่ 80 ล้านชุดทั่วโลกตัดสินใจเช่นนั้นก็เพราะเจ้าตัวรับไม่ได้หลังจากที่ทาง Spotify ปล่อยให้ทางด้านของ "โจ โรแกน" (Joe Rogan) ซึ่งเป็นนักจัดรายการพอดแคสต์คนดังมีการเผยแพร่ความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับเรื่องของเชื้อโควิด 19 ออกมาอย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เจ้าตัวออกมารณรงค์ให้คนหนุ่มสาวไม่จำเป็นต้องไปฉีดวัคซีน หรือแม้กระทั่งหลังจากที่เจ้าตัวเผยว่าตนเองติดเชื้อโควิดฯ แต่ก็สามารถรักษาให้หายได้จากยาหลายขนาน รวมไปถึงตัวยาที่ชื่อ "ไอเวอร์ เม็คติน" ซึ่งเป็นยาถ่ายพยาธิ ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีหลักฐานใดๆ ระบุว่าใช้ได้ผลจริง
"ฉันทำเช่นนี้เพราะ Spotify กำลังเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีน ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่เชื่อว่าข้อมูลเท็จแพร่กระจายไปโดยพวกเขา...พวกเขาสามารถมีโรแกนหรือยัง แต่ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง" เจ้าของเพลงฮิตมากมาย อาทิ Heart of Gold , Old Man, Cinnamon Girl, Hey Hey, My My (Into the Black) ฯลฯ ระบุชัดถึงเหตุผลและความต้องการของตนเองก่อนตัดสินใจถอนผลงานเพลงทั้งหมดออกจาก Spotify
รายงานจาก metalsucks.net ระบุว่าหลังจากที่ "นีล ยัง" ได้ถอนเพลงของตนเองออกไปแล้ว เมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมาหุ้นของแอปฯ Spotify ได้ร่วงลงไปถึง 25% คิดเป็นเงินกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเรื่องนี้แม้บางคนจะมองว่าเมื่อปีที่ผ่านๆ มาหุ้นของ Spotify มีแนวโน้มจะตกลงมาเป็นปกติอยู่แล้วแต่นักวิเคราะห์หลายคนก็เชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมีส่วนเร่งให้เกิดเรื่องดังกล่าวไม่น้อยทีเดียว
ไม่เพียงเท่านั้นมีรายงานด้วยว่าในสังคมทวิตเตอร์เอง แฮชแท็กต่อต้านทั้ง #DeleteSpotify และ #CancelSpotify ก็เริ่มจะกลายเป็นเทรนด์ขึ้นมาด้วยเช่นกัน
ถึงตอนนี้นอกจาก "นีล ยัง" แล้ว มีรายงานว่าทางด้านของศิลปินรุ่นใหญ่ทั้ง "โจนี มิทเชลล์" กับ "นิลส์ ลอฟเกรน" สมาชิกวง Crazy Horse ก็ตัดสินใจถอดเพลงของตนออกจาก Spotify ด้วย ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า ทางด้าน Amazon และ Apple Music ก็ได้เตรียมที่จะเข้าไปทาบทามและยื่นเงื่อนไขในการนำเพลงของ "นีล ยัง" มาใส่ในเพลย์ลิสต์ของตนหลังจากที่เจ้าตัวประกาศเลิกทำธุรกรรมกับแอปฯ คู่แข่งแล้ว
ทั้งหลายทั้งปวงทำเอาทางด้านของ "แดเนียล เอ็ค" ซึ่งเป็นผู้บริหารของ Spotify ต้องรีบออกมาแถลงแก้เกมเป็นการด่วน
โดยซีอีโอของ Spotify ระบุว่าจากนี้ทางแอปฯ จะให้ความสำคัญเกี่ยวกับพอดแคสต์ที่มีการเผยแพร่เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับโควิดฯ และวัคซีนมากขึ้น แต่ไม่ได้ระบุว่าจะมีการจัดการกับ "โจ โรแกน" แต่อย่างใด
หลายคนเชื่อว่าคงเป็นเรื่องยากที่ทาง Spotify จะถอดเจ้าตัวออกจากพอคแคสต์ เพราะแม้การจัดรายการของเขาจะถูกวิจารณ์ตลอดถึงเรื่องการเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือน ไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยัน และเต็มไปด้วยทฤษฏีสมคบคิด แต่กระนั้นการจัดรายการของเขาที่คุยถึงเรื่องการออกกำลังกาย ยาหลอนประสาท หรือแม้กระทั่งเรื่องยูเอฟโอ พร้อมกับมีการเชิญนักแสดงตลก นักข่าว นักกีฬามาเป็นแขกรับเชิญต่างก็ได้รับความสนใจจากคนฟังไม่น้อย
ที่สำคัญในปี 2563 "โจ โรแกน" ก็เพิ่งจะเซ็นสัญญามูลค่าถึง 100 ล้านดอลลาร์เพื่อให้สิทธิ์กับทาง Spotify ในการถ่ายทอดรายการของเขาอีกต่างหาก
