“เจี๊ยบ กนกพร” ซึ้งใจแฟนๆ ส่งกำลังใจให้ล้นหลาม ทำตนมีกำลังใจสู้ต่อ บอกมะเร็งทำให้ได้เรียนรู้ชีวิต ไม่แบกทุกอย่างไว้กับตัวเองทั้งหมด จากนี้อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยไป บอกตัวเองฉันก็จะต้องรอด ลั่นชีวิตตนเกิดมาห้ามป่วย ห้ามตาย แม้แต่ตอนนี้ก็คิดว่าลาพักร้อน 1 ปี แล้วจะกลับไปสู้ใหม่
ได้รับความสนใจอย่างมากกับคลิปติ๊กต๊อกของนักร้องหมอลำ “เจี๊ยบ กนกพร อาร์สยาม” เจ้าของเพลงโชคดีปีใหม่ , ขอบคุณหมอชิต , ดีใจได้กลับบ้าน หรือ สาวขี้ดื้อ ฯลฯ ที่ออกมาร่ำไห้เล่าว่าตอนนี้ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมระยะที่ 3 พร้อมขอบคุณทุกคนสำหรับกำลังใจ โดยยืนยันว่าไม่รับบริจาคแม้จะป่วยและมีภาระค่าใช้จ่ายมาก ขอเพียงแค่ตนได้ทำงานและคอยอุดหนุนซื้อสินค้าตนก็พอ
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสัมภาษณ์ เจี๊ยบ กนกพร ถึงฟีกแบ็กหลังจากที่มีข่าวออกไป เจ้าตัวเผยว่าทุกอย่างที่ตนได้รับทำให้ตนซาบซึ้งใจมากและมีกำลังใจที่จะรักษาตัวเอง
“จริงๆ แล้วไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นข่าวอะไรเลย ปกติเป็นคนเล่นโซเชียลไม่ค่อยเป็น ที่ผ่านๆ มาก็ทำตามประสาเราไปอย่างนั้นแหละ ก็ไม่ได้มีอะไร แต่ก่อนหน้าคลิปที่เราร้องไห้ เราได้โพสต์ขายสินค้าแล้วก็พูดถึงอาการป่วยของเราแล้วบอกว่าไม่ได้จะรับบริจาคอะไร แค่อยากจะช่วยก็ให้อุดหนุนสินค้าให้เราได้ไปต่อ ก็โพสต์ไปก็มีน้องใหม่ สมรักษ์ แฟนพันธุ์แท้ยอดรัก สลักใจ เอาไปแชร์แล้วเขาก็โอนเงินมาให้เรา เขามีเลขบัญชีเราจากการที่เคยอุดหนุนสินค้าของเรา จากนั้นก็มีอีกหลายคนที่เป็นญาติเพลงทยอยโอนมาให้
เราก็รู้สึกว่าโอนมาทำไม เราไม่ได้อยากเอาเงินใครฟรีๆ เราอยากจะทำงานนะ แต่ในความรู้สึกนั้นมันก็แอบปลื้มใจ น้ำตาไหลออกมาที่ได้เห็นว่าทุกคนไม่ได้จะทอดทิ้งเรา ผู้ใหญ่ก็บอกว่าเราจะไปห้ามเขาไม่ได้ เขาอยากทำบุญกับเรา ก็เลยคิดว่าเราคงคิดมากไป ด้วยความที่เกิดมาเราไม่เคยขอเงินใคร ชีวิตเราต้องทำงานถึงจะได้เงินมา พอต้องมาขอเงินก็รู้สึกตัวเองไร้ค่า เราเป็นขนาดนั้นเชียวเหรอ เขาก็บอกว่าเขาตั้งใจอยากจะทำบุญ ถ้าเจี๊ยบหาย เจี๊ยบหายก็ส่งต่อบุญนี้ให้คนอื่นแค่นั้นเอง อย่าไปคิดมากอะไร
ที่ผ่านเราคิดว่าสักวันนึงถ้าเราล้มป่วยจะมีนักข่าวหรือใครมาสนใจ มารู้จักเราไหมนะ พอมาถึงคราวเราจริงๆ ก็มีคนจำเราได้นี่ ณ ตอนนี้พอคลิปติ๊กต๊อกออกมาก็มีคอมเมนต์กระหน่ำเข้ามาจนเราตอบไม่ทันเลย เราอึ้งไปเลย แล้วก็มียอดออเดอร์เข้ามาเรื่อยๆ ซึ้งใจมากๆ มันทำให้เจี๊ยบมีกำลังใจมากๆ”
ไม่ได้ยึดติดกับร่างกาย ความสวยงาม
“ตอนแรกคิดนะ ถ้าเราไม่มีผมมันจะเป็นยังไงต่อ ในเมื่อหน้าอกเราก็ไม่มีแล้ว ทุกวันนี้เราก็ไม่ได้แต่งหน้าเลยจริงๆ มันก็อยู่ได้ พอมาเรื่องผม ตอนแรกตั้งใจจะปล่อยให้มันร่วงไป มันอาจจะไม่ร่วงหมดหัวก็ได้ แต่ตอนสระผมเห็นผมมันไหลไปรวมกับน้ำเหมือนกองขี้ควาย รู้สึกว่าเธอกับฉันอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว ต่างคนต่างไปเถอะ เลยไปโกนออก ก็รู้สึกว่ามันก็สบายดี เราไม่ได้ยึดติดกับอะไรแล้ว ตอนนี้คิดแค่ว่าถึงคราวเราจะไปก็ไม่เป็นไร ถ้าบุญเราหมดแค่ตรงนี้ก็แล้วแต่ ช่างมัน”
เล่าจุดเริ่มต้นของมะเร็ง เกิดจากความเครียดสะสม กินอาหารขยะ พักผ่อนน้อยเกินไป
“เราทำงานหาเงินเลี้ยงคนหลายคน ภาระหนี้สินต่างๆ เราดิ้นรนสู้อยู่คนเดียว มันเครียด คิดไปสารพัด บ้านโดนยึดลูกๆ แม่เรา หลานเราจะไปอยู่ที่ไหน เขาจะอยู่กันยังไงถ้าไม่มีเรา มันคิดวนไปวนมาอยู่แบบนี้ 5-6 ปี ยิ่งช่วงโควิดคือหนักมาก โรคมันเลยปะทุออกมา
ด้วยเราเป็นคนนอนน้อย นอนวันละ3-4 ชั่วโมง สะสมมาเรื่อยๆ ด้วยเราทำงานหมอลำ มันก็ทำงานกลางคืนยันสว่างทุกคืน งานมันมีต่อเนื่องทุกวัน เวลานอนคือกลางวัน ยังไงเราก็นอนไม่อิ่มอยู่แล้ว อาหารการกินเราก็ไม่ดูแล กินแต่อาหารขยะ เอาแค่ให้อิ่มท้องไปวันๆ หลังๆ มาทานเบียร์บ้าง ข้าวไม่กิน มันก็ตูมเลย ถ้าเรานอนพักผ่อนเพียงพอ อาหารการกินเราเลือกกินดีๆ หน่อย ดื่มน้ำให้มากๆ เครียดให้น้อยลง ได้ปล่อยวาง 4 ปัจจัยหลักถ้าเราทำได้มันก็ไม่มาหาเราง่ายหรอก
คนเรามันห้ามเครียดไม่ได้ แต่พอรู้ว่าเครียดแล้วต้องหาทางรีบมูฟซะ อย่าไปจมกับความเครียด หาทางปล่อยวางให้ได้ แต่เรามันมันตึ๊บ ตอนนั้นเราไม่รู้วิธี เจี๊ยบคิดมาก คิดทุกเวลา ทุกชั่วโมงเราก็แบกอึ้งไว้หมด เหมือนเอาก้อนหินมาวางไว้ที่หัวตลอดเวลา”
มะเร็งทำให้ได้เรียนรู้ชีวิต ไม่แบกทุกอย่างไว้กับตัวเองทั้งหมด
“เจี๊ยบอยู่ในช่วงที่ยากลำบาก เรามีหนี้ร่วม 2 ล้าน รถผ่อนไม่ไหวก็คืนเขาไป บ้านเหลืออยู่อีกไม่กี่งวดถ้าจะโดนยึดก็คืนเขาไป ไม่มีบ้านอยู่ก็ไปกองอยู่กับญาติๆ เขาคงไม่ใจไม้ไส้ระกำกับเรา หนี้สิน ธกส. ไม่ได้ส่งเขามาหลายปีแล้ว ไม่สบายใจก็ยึดไปเพราะมันไม่ใช่ของเรา คือตอนนี้เราไม่มีจ่ายอยู่แล้ว ลำพังจะกิน ค่าน้ำค่าไฟ ในแต่ละวันก็หามาอย่างยากแสนยาก เราจะไปหาเงินที่ไหนมาใช้หนี้ก็คงพักไปก่อน ถ้าเขาอยากมาฆ่าเราก็ฆ่าเลย ถ้าฆ่าตายแล้วมันจบหนี้ก็ฆ่าเลย จะได้จบ คือพอเจี๊ยบป่วยเจี๊ยบไม่คิดอะไรแล้ว
เมื่อก่อนเราเครียดที่เราต้องหาเงิน คิดไปว่าลูกเราหลานเรา แม่เราจะอยู่ยังไง พี่ชายเราที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจะต้องดูแลยังไง แม่เราจะกินอะไร คือเราคิดถึงคนรอบข้างหมด ยกเว้นตัวเอง พอเรามาป่วย ทุกคนรู้แล้วนะว่าฉันป่วยเป็นมะเร็ง มันไม่มีอะไรแน่นอน วันนี้ฉันอาจจะแข็งแรง พรุ่งนี้ฉันอาจจะไม่แข็งแรงก็ได้ ก็ให้ทุกคนทำใจหากวันนึงไม่มีเรา ที่ผ่านมาเราเป็นหัวเรือหลักให้ครอบครัว ถ้าไม่มีเราพวกคุณต้องอยู่ให้ได้นะ ก็ทำใจแล้ว ฉันก็ต้องรักษาตัวเองให้รอด
ห่วงที่สุดคือ แม่เรา ลูกเรา หลานเรา เราคิดวนเวียนไปมา ถ้าเราไม่อยู่แล้วเขาจะอยู่กันได้ไหม จนโรคเราแตก แต่สุดท้ายแล้วพอเราป่วยเราก็คิดว่าเขาก็คงจะไม่ตายหรอก ก็คงอยู่ได้ของเขาแหละ มันมีคนดูแลเขา แต่จะเหมือนที่เราดูแลไหมก็อีกเรื่องนึง ชีวิตเรามันเหนื่อยนะ เราดิ้นรนมาจนที่สุดแล้ว ถ้าหายก็ยังมีโอกาสได้กลับมาทำมาหากิน”
บอกตัวเองยังไงฉันก็จะต้องรอด ลั่นชีวิตตนเกิดมาห้ามป่วย ห้ามตาย แม้แต่ตอนนี้ป่วยเป็นมะเร็งระยะ 3 ก็คิดว่าขอลาพักร้อน 1 ปี แล้วจะกลับไปสู้ใหม่
“เราคิดไม่ได้ว่าเราตายๆ ไปซะ ชีวิตเจี๊ยบเกิดมาห้ามป่วย ห้ามตาย ถึงตอนนี้เจี๊ยบก็คิดว่าตัวเองไม่ใช่คนป่วยนะ เจี๊ยบแค่ขอลาพักร้อนยาว 1 ปีเพื่อรักษาตัวเอง นี่ก็เหลืออีก 7 เดือนแล้ว จบมะเร็ง เจี๊ยบต้องไปผ่าตัดมดลูกอีก เพราะเป็นมดลูกโต ก็เป็นทีเดียวเอาให้คุ้มเลยแล้วกัน ก็บอกตัวเองว่าฉันต้องรอด อนาคตก็เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนและบอกไม่ได้ แต่ ณ วันนี้เจี๊ยบกำลังใจดีนะ เจี๊ยบเข้มแข็ง ก็ขอบพระคุณในน้ำใจของทุกคนมากๆ ที่จะสู้ เราก็ทำใจไว้เหมือนกันถ้ามามันก็คือมา
ทุกคนมีปัญหา แต่ปัญหาก็แตกต่างกันไป แต่ให้รู้ไว้ว่ามันคือชีวิตของคนที่เกิดมาแล้ว ถ้าพูดในแง่ของสัจธรรมมันก็กรรมใครกรรมมัน ที่ผ่านมาเราอาจจะไปทำอะไรไว้เยอะ ทำกับคนอื่นไว้เยอะ ในชาตินี้เราก็ชดใช้เขาซะ ที่คิดอย่างนี้เพราะชาตินี้เราว่าเราทำดีที่สุดแล้ว แต่ถ้าเราทำดีที่สุดแล้วมันยังเป็นอย่างนี้เราก็แค่ยอมรับมันไป มันฝืนไม่ได้ ฝืนไปมันก็เหนื่อย มันไม่ไหว อยากให้ทุกคนรู้ว่าตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ต้องดูแลตัวเอง ต้องดูแลตัวเอง อย่าคิดว่าตัวเองเดินได้ กินข้าวได้ดีจะคิดว่าตัวเองไม่ป่วย ดูแลตัวเองให้ดี ทานอาหารดีๆ ตรวจเช็กร่างกายบ้าง เราได้เกิดมาแล้วเราต้องใช้ชีวิตที่ได้เกิดมาให้คุ้มที่สุด
ทุกคนห้ามความตายไม่ได้ แต่จะตายทั้งทีก็อย่าให้มันทรมานมากเกินไป ต้องมาเสียเงิน นอนโรงพยาบาลในสภาพเจ็บปวด ให้ได้ใช้ชีวิตอยู่กันให้ได้นานที่สุด พอเจี๊ยบป่วยเจี๊ยบรู้เลยว่าชีวิตเรามันมีค่ามาก การได้มีชีวิตอยู่มันมีค่ามากจริงๆ เกิดมาเป็นคนมันย่อมมีทั้งสุขและทุกข์ แม้สุขมันจะมีน้อยกว่าทุกข์ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่จิตใจของเรา ถ้าเราคิดว่าทุกข์มันก็จะทุกข์อยู่นั้นแหละ จริงๆสุขและทุกข์มันก็บาลานซ์กันอยู่ในความทุกข์มันก็มีอะไรดีๆอยู่ในนั้นเหมือนกัน ใช้ชีวิตไปให้วันนี้มีความสุขที่สุดก็โอเคแล้ว”