ขำจนปวดตับ! “เดอะทอยส์” วิดพื้น 2 ทีเพราะอยากสุขภาพดี แจงเติมเงินในเกมส์ เพื่อบำบัดความเครียดในการทำเพลง

“เดอะทอยส์” กับคำตอบที่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ลั่นอยากเท่ อยากแข็งแรง ลงทุนวิดพื้น แต่ทำได้ 2 ทีก็พัก! บอกกลับไปทำเพลงเหมือนเดิมดีกว่า เผยหวนกลับมาทำเพลง เพราะยังเป็น “ศิลปิน” ทิ้งห้องอัด 2 ล้านไปเช่าคอนโดทำเพลง แจงเติมเงินในเกมส์เป็นวิธีบำบัดความเครียด

กลับมาทีปีละหน บอกเลยว่าสร้างปรากฏการณ์โลกต้องจำสำหรับ “THE TOYS” (เดอะ ทอยส์) หรือ “ทอย ธันวา บุญสูงเนิน” เพราะถ้าย้อนกลับไปเมื่อต้นปีที่แล้ว ที่กลับมาพร้อมเพลง “ไวน์ลดา” และเศร้าใจที่ลืมรดน้ำต้นไม้จนหญ้าตาย ล่าสุดปีนี้กลับมาพร้อมซิงเกิ้ลที่มาพร้อมแรงบันดาลใจจากระฆังของวัดจีนอย่างเพลง “อาหมวยหาย” แถมคราวนี้ก็ยังมีกิจกรรมใหม่ๆ ที่ฟังแล้วพีก! อยากออกกำลังกายเพราะอยากเท่ เลยไปวิดพื้นซะหน่อย รวมไปถึงการกลับมาทำเพลงอีกครั้งในปีนี้

“อาหมวยหายจะเป็นเพลงเกี่ยวกับเทศกาลตรุษจีน เป็นเพลงแนวจีนๆ ซึ่งมันเริ่มจากว่าได้ยินเสียงระฆัง ไปทำบุญที่วัดจีน แล้วเสียงระฆังเพราะ ผมก็เลยหยิบมาทำเป็นเพลง เพราะผมรู้สึกว่ามันยูนีกดี ชัดเจนดีว่านี่คือเสียงระฆังวัดจีน และกลับมาถึงบ้าน แล้วมันก็ยังดังอยู่ในหัว เลยพยายามเอามาทำเป็นเพลง ซึ่งตามคอนเซ็ปต์เลย อาหมวยเป็นคนจีน เวลาเป็นเพลง ก็ต้องเป็นเพลงรักแบบจีนๆ เลยเป็นอาหมวยแล้วกัน หลายคนอาจจะฟังแล้วว่ามันใสๆ แต่จริงๆ มันก็มีความอึมครึมอยู่ในทุกท่อน แต่ถ้ามองว่าสดใสขึ้นก็แล้วแต่จะมอง ซึ่งผมก็น่าจะอารมณ์ดีตอนนั้น

เพลงนี้ทำไปเรื่อยๆ ประมาณอาทิตย์นึงถึงจะเสร็จ มันติดตรงเราอยากได้มุกจีนๆ เครื่องดนตรีจีน แบบกู่เจิง แต่ผมก็ไม่ได้รู้เยอะขนาดนั้น ก็เลยศึกษา พอเราเอามาปรับใช้ ก็เท่ดี เพลงนี้เอาเครื่องดนตรีจีนมาใส่ด้วย พิณผีผา กู่เจิงใช้คอมพิวเตอร์กดเอา แต่ก็คิดว่าเข้าแหละ เพราะมันขัดกันมาก คือจังหวะมันเป็นฮิปฮอปดิสโก้ผสมบ้าง พอมันมีเครื่องดนตรีจีนเข้ามา มันแปลกดี มันอยู่ด้วยกันได้ และมันจะมีจังหวะนึงที่เราชอบมากๆ ผมว่าจังหวะนั้นมันโอเคแล้ว เป็นแค่จังหวะเล็กๆ ที่โดนกับเรา”

เหตุผลสุดพีก! ที่กลับมาทำเพลงเพราะ “ผมเป็นศิลปิน” และไม่ได้คาดหวัง แต่แค่อยากให้เข้าใจ
“จริงๆ ผมทำเรื่อยๆ อยู่แล้วแต่ช่วงนี้มันต้องใช้เงิน ผมพูดเล่นนะ (ยิ้ม) ผมต้องกลับมาทำเพลงอยู่แล้ว เพราะผมเป็นศิลปิน(หัวเราะ) ผมเลยเริ่มทำเพลงนี้ แต่การที่มีซาวด์ใหม่ๆ เข้ามา ผมคิดว่าคนอื่นน่าจะมีอารมณ์ไม่เข้าใจด้วย เหมือนเดิม ก็พยายามให้มีทั้งมุมที่เข้าใจได้และก็อาจจะมีมุมใหม่ๆ ที่ยังไม่เข้าใจ แต่อยากให้เปิดใจฟังดูก็ได้ ซึ่งวิธีการทำเพลงของผม คือทำทีละเพลง ส่วนแฟนๆ จะว่ายังไง ผมได้หมด ตามสบายสำหรับทุกคน เรารู้อยู่แล้วว่าปล่อยเพลงไปก็จะมีทั้งคนเข้าใจและไม่เข้าใจเหมือนเดิม แต่สำหรับคนที่เข้าใจ ผมดีใจนะที่เราฟังเสียงเดียวกัน อยู่ในโลกเดียวกันได้

ซึ่งย้อนกลับไป ในวันที่คนอาจจะไม่เข้าใจในเพลงผม ผมก็ไม่ผิดหวังเลยนะ เพราะไม่ได้หวังว่าคนจะเข้าใจอยู่แล้ว ขอแค่เราเข้าใจพอ แฮปปี้ (ยิ้ม) ซึ่งบางคนที่เข้าใจในเพลงเรา ผมดีใจครับ ที่เราไทป์เดียวกัน คุยภาษาเดียวกัน แต่ถ้ามันหนักไปก็ไม่ต้อง เอาสบายๆ มากกว่า ถ้าชอบก็ฟังกันครับ และการทำเพลงของผม ถามว่าต้องเอาใจตลาดเพลงเป็นที่ตั้งไหม คือตอนแรกที่ทำเพลงมาจากผมร้อยเปอร์เซ็นต์เลยครับ ซึ่งน่าจะทุกเพลง แต่ตอนนี้เริ่ม 80% แต่ไม่ใช่ว่ามาทางตลาด แต่อาจจะเป็นความใส่อะไรที่คนเข้าใจได้ด้วย ย่อยงานขึ้น ต้องมีอะไรอย่างนั้นนิดนึง (เพลงที่เอาใจตลาดเลยล่ะ?) ไม่เคยมีเวย์นั้นที่ยกตลาดมาเป็นไม้บรรทัด ส่วนปีนี้ก็ยังไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะทำกี่เพลง เพราะผมไม่ได้รีบร้อน ผมเคยคิดแบบนี้ว่าเวลาเราตั้งเป้าว่าเดือนนี้ต้องมีเพลงนะ มันไม่เคยดีเลย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เพลงเสร็จ จะรู้สึกว่านี่คือไทม์มิ่งของเพลง บางครั้งเพลงเสร็จ ทำครึ่งชม.ก็ปล่อยเพลง บางเพลง 2 ปีก็มี”

แจงรายรับ-รายจ่าย หลังข่าวลือเติมเกมส์ 8 ล้านบาท
“ช่วงโควิดที่ผ่านมา ผมก็ทำเหมือนเดิม ทำเพลงและเล่นเกมส์ (แบ่งเวลาเล่นเกมส์ กับ ทำเพลงยังไง?) อืม...หันหลังครับ เพราะคอมบ์ทำเพลงมันอยู่ข้างหลัง เราก็หันหลังไปทำเพลง คือเล่น 1 เกมส์จบ ก็หันหลังไปทำ มันจะมีอยู่แค่นี้ ผมรู้สึกแฮปปี้ และเวลาหันไปทำเพลงก็นานอยู่ ใช้เวลาหลายชั่วโมง แต่ถ้ามีจังหวะที่คิดไม่ออก เราก็หันกลับมาเล่นเกมส์ ต้องรีเฟรชตลอดเวลา มันเป็นความสุขที่ต้องเติมพลังจากการเล่นเกมส์

(เล่นเกมส์จนได้เป็นพรีเซ็นเตอร์เกมส์?) เล่นเกมส์จนได้ดี เจ๋งดี (ยิ้ม) ซึ่งถามว่าเกร็งไหมพอได้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ก็มีบ้างนะครับ เราต้องนำเสนอให้ดี เพราะตอนนี้พอเราได้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ก็อยากได้เพชรในเกมส์เพิ่มขึ้น แล้วเขาก็ให้มาด้วย และพอเราได้เงินค่าตัวมา เราก็เอาไปเติมเพชร แต่ถ้าเราได้เพชรเลย เราก็ไม่ต้องเสียเงินไปเติม

คือไม่ได้จัดระบบการเงินว่าต้องใช้เท่าไหร่ คืออยากใช้ก็ได้ แต่อันนี้หมายถึงว่าเราแบ่งเงินจากการทำงานที่ได้ออกมาแล้วนะ เงินเก็บก็ส่วนเงินเก็บ เงินที่ต้องใช้ก็เอาออกมาใช้ เพราะถ้าเติมเพชรเท่านี้ เราก็ต้องทำงานให้มากกว่าที่จะเอาเงินไปเติมเพชร ซึ่งต้องหาเงินให้เยอะๆ หน่อย เพราะเราจะเติมเงินซื้อเพชรเท่าไร ก็ได้ อิสระของเรา แต่เราก็เอาเงินที่ได้จากการทำงาน ก็เอาไปซื้อสินทรัพย์อย่างอื่น ซื้อที่ดิน ซื้อคอนโด ไมได้เอามาลงกับเกมส์หมด คือเราจัดการได้”

ทุกเพลงที่ได้ฟัง ยังเกิดจาก “ห้องนอน” ยอมทิ้งห้องอัดราคา 2 ล้านไปเช่าคอนโดทำเพลง
“ใช่ครับก็ยังทำเพลงในห้อง คือก่อนหน้านี้พอได้เงินมา ก็เอาเงินไปทำห้องอัด ก็ราคาแพงอยู่เกือบ 2 ล้านกว่าบาท สุดท้ายก็ทำในห้องนอนเหมือนเดิม (ยิ้ม) เพราะการทำเพลงที่อื่นกับเพลงในห้องนอนมันต่างกันนะ เวลาทำในห้องนอนมันอุ่นใจกว่า ที่เรามีเตียง แต่ก่อนจะมีแค่คอมบ์กับมิดี้คีย์บอร์ดใบ้ ผมใช้แค่นี้ทำเพลงในคอนโดห้องเล็กๆ ละตอนนี้ห้องอัดมันมีทุกอย่างแล้ว มีกีตาร์ มีเครื่องเป่า มีกลอง มีทุกอย่างครบ แต่ก็กลับมาทำเหมือนเดิม และก็กลับมาทำกับคีย์บอร์ดใบ้เหมือนเดิม ซึ่งตอนนี้ผมก็กลับไปเช่าคอนโดห้องเดิมที่เคยทำเพลงมาตั้งแต่เริ่มแรก มันก็โอเค ย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นเลย บรรยากาศเหมือนเราคิดถึงโรงเรียนเก่า เรากลับไปโรงเรียนเก่า ได้กลิ่นอาย มันได้ความสุขทางใจ (แล้วห้องอัดตอนนี้ใช้ทำอะไร?) ตอนนี้ใช้ไปยังไม่ถึง 200 เลย (ยิ้ม) ตอนนี้ใช้เป็นห้องถ่ายรูปแทน เป็นห้องเช็กอินตามมุมต่างๆ แทนมากกว่า ถ่ายเอาคอนเทนต์ ทำเพลงแล้วนะ จริงๆ ก็ทำในห้องนอนเหมือนเดิม ถามว่าผูกพันไหม มันคือบรรยากาศที่เราถนัด ทำให้สมองเราแล่น แต่ก็มีศิลปินในค่ายมาแจมๆ ได้

ซึ่งผมไม่ได้ทำตามเทรนด์ เพราะเทรนด์สำหรับผมมันไม่ใช่ปีต่อปี หรือว่าคนต่อคน เทรนด์สำหรับผมคือมันเปลี่ยนได้ทุกวัน วันนี้เราคิดแบบนี้ พรุ่งนี้เราคิดอีกแบบแหละ เราก็แค่ทำแบบพรุ่งนี้ ไม่ต้องแพลนอะไรมาก และตอนแรกที่เราเริ่มจะทำเพลง เราก็ไม่ได้คิดว่าเพลงเราจะอยู่ได้ยาวขนาดนี้ เพราะผมคิดว่าการทำเพลง ทำที่เราชอบก่อน และอีก 5 ปีเราอาจจะไม่ชอบแล้ว แต่ก็แล้วไง 5 ปีข้างหน้าเราก็ทำอีกแบบก็ได้ ก็ดีใจครับที่มีคนรอฟังเพลงเรา

(มีช่วงที่เราต้องเปลี่ยนตัวตนเพื่อตามกระแสดึงแฟนๆ ไหม?) ก็มีนะครับ ค่ายก็บอกตลอด ว่าคอนเซ็ปต์มาให้ เราต้องแอ็กทีปขึ้น เราต้องเรียนพูด เรียนจริงจังเลยนะ แต่สุดท้ายแล้วเหมือนผมโฟกัสเรื่องเพลงมากเกินไป แต่จริงๆ แล้วมันมีเรื่องอื่นที่เราต้องโฟกัสด้วย ไม่ว่าจะเรื่องพูด เรื่องเอ็นเตอร์เทนบนเวที ซึ่งค่ายก็คุยกับเรา เราก็ปรับมาตลอด ก็ดีนะ เราก็จะได้เข้าใจในมุมอื่นที่นอกเหนือจากเพลงที่เราทำ (แล้วเราปรับไปได้เยอะไหม?) ก็เรื่อยๆ มันน่าจะดีขึ้น แต่เราไม่รู้ตัว”

กิจกรรมใหม่ล่าสุด! วิดพื้น 2 ทีเพื่อสุขภาพที่ดีและแข็งแรง แจงใช้เงินเติมเกมส์ เป็นวิธีบำบัดความเครียด
“ผมเล่นเกมส์เพื่อคลายเครียด จริงๆ มันเป็นวิธีบำบัดสไตล์เรา มันเหมือนเราจ่ายเงินบำบัด ถ้าจะมองแบบนั้น คนอื่นอาจจะไปเที่ยว อาจจะไปช้อปปิ้ง แต่เราบำบัดเพราะบางทีเราก็คิดเพลงไม่ออก คิดโปรดักซ์ไม่ออก ผมว่าวิธีบำบัดของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน ผมชอบอยู่ในห้อง อยู่คนเดียว แฮปปี้ครับ ถามว่าเกมส์คือการแข่งขัน ไม่กดดันเหรอ มันมี 2 แนวคิด เราจะเล่นเพื่อการแข่งขันหรือเราจะเล่นเพื่อดึงตัวเราไปอยู่ในโลกที่อิสระ แค่ไหนพอ อยู่ในโลกที่ไม่มีใครรู้จักเรา อยากเป็นอะไรก็ได้ มันเป็นการไปเที่ยวในรูปแบของตัวเราเอง เล่นไม่ได้เพื่อการแข่งขัน ซึ่งเวลาเราเล่นเกมส์ แม่อาจจะมีเตือนๆ แต่ผมก็รู้ลิมิตตัวเอง ว่าตรงไหนคือพอดี

และกิจกรรมตอนนี้เอาหินมาทับที่ ที่เคยปลูกต้นไม้หมดแล้ว (ยิ้ม) ไม่เริ่มใหม่แล้ว แต่ก็มีเลี้ยงน้องหมาตัวนึง และก็ออกกำลังกายบ้าง ดูหนังบ้าง เพราะการออกกำลังกายก็นานแล้วนะครับ แต่ว่าผมออกวันละนิดวันละหน่อย ผมวิดพื้น (ทำท่าวิดพื้น) ผมไม่รู้ว่ามันเหนื่อยขนาดไหน ผมลงไปประมาณ 2 ที ก็รู้สึกว่ากลับไปทำเพลงดีกว่า ผมรู้สึกว่าทำเพลงไม่เหนื่อยนะ แต่วิดพื้น ทีสองที มันเหนื่อยแล้วนะ แค่ยกแขนเวลาวิดพื้น แขนมันสั่น แต่ถ้าจับเมาส์ เฮ้ย..มันลื่นมาก (ยิ้ม) ซึ่งการที่ผมอยากออกกำลังกายเพราะอยากจะแข็งแรง วันละ 2 ที แล้วก็พัก และก็กลับมาวิดใหม่ แต่มันเหนื่อยนะสำหรับการวิดพื้น ตอนแรกที่เลือกการวิดพื้นเพราะมันเท่ดี สำหรับการวิดพื้นได้ แต่วิดไปได้ 2-3 ที (แล้วมันแข็งแรงไหม?) โอเคนะ มันก็รู้สึกร่างกายแข็งแรงขึ้น ซึ่งผมเป็นคนที่ไม่ได้กลัวอ้วน แค่ค่ายอาจจะมีกังวลบ้าง อยากให้ออกมาดูดีหน่อย แต่เวลาเล่นเกมส์ผมก็กินไอติมไปเรื่อย ซึ่งก็ไม่ได้มีการควบคุมอาหาร มีแต่วิดพื้นนี่แหละ จริงๆ ผมพูดจริงๆ อันนี้ไม่ได้เล่นมุก

แพลนเหรอครับ ก็มีครับ เราต้องตามโลกให้ทัน ไม่ว่าจะทำอะไร หรือทำธุรกิจอะไร ผมว่าต้องตามโลกให้ทัน และพอสถานการณ์มันคลี่คลายขึ้น ผมว่ามันต้องมีเอฟเฟกต์อะไรตามมาแน่นอน เปลี่ยนเทรนด์ทุกอย่าง ไม่ใช่แค่เพลง ผมว่าเราต้องตามให้ทัน ซึ่งถามว่าส่วนตัวการทำเพลงของผมก็ไม่ได้กังวล ผมถือว่าเป็นการรีเซ็ตตัวเองใหม่ ทุกอย่างมันเซ็ตตัวใหม่ เราแค่คิดใหม่ แม้อะไรจะมาใหม่ๆ เราไม่ได้ฝืนอะไร เราสบายๆ เราเป็นคนอัปเดต เราอินไปกับเทรนด์แต่ในแบบที่เป็นตัวเอง”