"แตงโม นิดา” จบป.ตรี สาขาวิชาผู้นำทางสังคม ธุรกิจ และการเมือง อนาคตอยากเล่นการเมือง ชอบช่วยเหลือสังคม เลี้ยงเด็กมาแล้วหลายรุ่นถึงตอนนี้จะเอาตัวเองไม่รอดก็ตาม
ในที่สุดนักแสดงสาว “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” ก็คว้าใบปริญญาตรี สาขาวิชาผู้นำทางสังคม ธุรกิจ และการเมือง จากวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิตมาได้สำเร็จ โดยล่าสุดวันนี้ (23/ ม.ค./65) หลังเสร็จสิ้นพิธีประสาทปริญญาบัตร เจ้าตัวก็ได้เผยความรู้สึกกับสื่อมวลชน ว่าจริงๆ ไม่ตื่นเต้นกับใบปริญญา แต่ตื่นเต้นกับความรู้ที่ได้กลับมามากกว่า
“จบสักที โมเรียน 2 ปีค่ะ ก่อนหน้านี้เราอยู่ในวงการบันเทิง ทำงานในวงการเต็มตัว จะมีช่วงที่เรียน Nursing Assistant (NA) จบไปใบหนึ่ง แต่คนก็ไม่ค่อยได้สนใจข่าวดีๆ สักเท่าไหร่ คนก็เลยคิดว่ายังไม่ได้จบการศึกษาอะไร”
เป้าหมายอยากจบปริญญาตรีให้คุณพ่อ แล้วต่อโทกับเอกให้ตัวเอง
“จริงๆ อยากเรียนจบปริญญาตรีให้คุณพ่อ แต่ว่าโทกับเอก อยากทำให้ตัวเอง ตอนนี้เราเรียนจบป.ตรีแล้ว จะต้องรับตั้งแต่ สิงหาคม 64 ปีที่แล้ว แต่ด้วยโควิดก็เลยต้องรับล่าช้า แต่ตอนนี้เรียนป.โท มาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว เรียนสาขาเดิมเหมือนปริญญาตรี”
โชคดีตอนเรียน โควิดยังไม่ระบาดมาก
“โมยังโชคดีโมได้เรียนในช่วงที่โควิดยังไม่ได้ระบาดมาก เรายังมาที่มหาลัยได้บ้าง มีแค่ช่วง 2-3 เดือนหลังที่เราต้องเรียนอยู่ที่บ้าน อาจจะลำบากตรงการรวมกลุ่มทำงานอาจจะได้น้อยลง ใช้แอพพลิเคชั่นต่างๆ ในการประชุมมาช่วยเยอะหน่อย เราก็ได้เรียนรู้ในอีกแบบหนึ่ง”
การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่เป็นอุปสรรคในการเรียน
“โมว่าเป็นอะไร ที่ห้ามคิดว่ามันเป็นอุปสรรค แล้วมองข้าม เพราะว่าเด็กสมัยใหม่ เขาใช้แบบนั้นกัน ถ้าเกิดเราไม่ใช้สิ่งเหล่านี้ให้เป็น กลายเป็นว่าลูกหลานจะต้องมานั่งสอนเราอีกทีหนึ่ง”
ไม่มีใครแก่เกินเรียน
“ก็ไม่มีใครแก่เกินเรียนจริงๆ เพราะคำว่าเรียน มันทั้งในและนอกห้องเรียนอยู่แล้ว ในเมื่อนอกห้องเรียน เรายังเรียนรู้ตลอดชีวิตได้ เพราะฉะนั้นในห้องเรียนก็เหมือนกันค่ะ ไม่ว่าอยู่ตรงไหนก็ตาม”
เรียนเพื่อมาทำประโยชน์เพื่อสังคมและการเมือง
“ก็ตรงตามสาขา ใครถามว่าเรียนอะไร ก็คือ นวัตกรรมสังคม ผู้นำสังคมและการเมือง ก็ทำประโยชน์เพื่อสังคมและการเมืองค่ะ จริงๆ เราทำมาตลอดอยู่แล้ว แต่คนไม่ค่อยดูกันหรอกค่ะ โมก็แค่นำสิ่งที่ได้เรียนมา บวกกับสิ่งที่เคยทำอยู่แล้ว ให้มีน้ำหนัก มีทางเป็นไปได้มากขึ้น ที่เราจะทำโปรเจกต์ของเราเองได้มากขึ้นค่ะ”
งานเพื่อสัมคมที่ทำเป็นหลักคืออุปการะเด็ก และเป็นวิทยากรเรื่องโรคซึมเศร้า
“ที่ทำเป็นหลัก โมเลี้ยงลูกมาหลาย Gen แล้ว จนเขาจบปริญญา มีครอบครัว โมยังทำมาอยู่เรื่อยๆ ปีหนึ่งโมไม่ได้เลี้ยงแค่คนเดียว ถึงแม้เราจะเอาตัวแทบไม่รอด แต่เราก็มีเด็กในอุปการะ ในส่วนสังคมโมยังรับเป็นวิทยากร การแนะแนวทางใช้ชีวิตในเรื่องซึมเศร้าอยู่ค่ะ”
มีพระเยชูเป็นต้นแบบในการพัฒนาสังคม
“ต้นแบบในการพัฒนาสังคม เป็นพระเยซูค่ะ เพราะว่าอย่างที่ทุกคนรู้ คริสเตียนพระเจ้าส่งพระเยซูมาล้างบาปแทนคนทั้งโลก เพราะฉะนั้นคนทั้งโลกก็คืองานสังคมชุดใหญ่แล้วเหมือนกัน ถ้าโมทำอะไรได้โมก็อยากให้ครั้งหนึ่งมันได้เยอะที่สุด มันจะได้ประโยชน์มากที่สุดค่ะ”
ไม่แน่ในอนาคต อาจจะเป็นนักการเมืองก็ได้
“วันนี้ไม่น่า วันหน้าไม่แน่ค่ะ ต้องดูก่อนค่ะ ว่าตัวเราเองมีบทบาทกับประเทศชาติได้มากแค่ไหน ถ้าเกิดว่าเราเป็นแค่เสียงเล็กๆ เราก็ควรจะเริ่มต้นเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปก่อน วันหนึ่งที่เรามีสิทธิ์มีเสียงเราอาจจะเอาใช้ตรงนั้นช่วยแก้ปัญหา แต่ ณ เวลานี้เราทำอะไรได้เล็กๆ น้อยๆ พี่ๆ ในวงการที่ทำเพื่อสังคม เขาไม่จำเป็นต้องมีพรรค แต่เขามีใจจิตอาสาที่จะทำ เขาก็สามารถทำได้ อย่างพี่ได๋ ไดอาน่า (ไม่ได้เป็นนักการเมือง เป็นส.ส.?) อันนั้นมันยังระบุไม่ได้อยู่แล้ว เพราะว่าประสบการณ์ไม่มีค่ะ”
ไม่ตื่นเต้นกับใบปริญญา เท่าวิชาที่ได้กลับมาในตัว
“ใบปริญญาเอาจริงๆ มันแค่ใบประกอบแค่นั้นเองว่าเธอจบปริญญาแล้วนะ โมไม่ได้ตื่นเต้นมาก เท่ากับการที่ว่าโมมาเรียนแล้วได้วิชากลับไปในตัว มันรีเทิร์นแล้วรู้สึกดีค่ะ ใบปริญญาก็เลยไม่ได้วางแผน ว่าจะเอาไปให้ใคร ใครอยากได้เดี๋ยวให้ คุณแม่อาจจะอยากได้”
ไม่เสียดายที่พ่อไม่ได้เห็นในวันนี้ เพราะพ่อรับรู้มาตลอดอยู่แล้ว
“ถามว่าอยากบอกอะไรคุณพ่อไหม คุณพ่อรู้หมดแล้วค่ะ เพราะว่าช่วงที่เรียนอยู่ที่นี่มีกิจกรรมไปต่างประเทศ ไปต่างจังหวัด คุณพ่อไปด้วยตลอด คุณพ่อจะสนิทกับอาจารย์ที่นี่ทุกคนเลยค่ะ โมว่าคุณพ่อมองลงมาก็ปรบมือให้เราสักที ไม่เสียดายเลยที่คุณพ่อไม่เห็นในวันนี้”
“เบิร์ด” แฟนหนุ่มมาดเซอร์ ไม่ได้มีของขวัญให้ มีแต่คำอวยพรและความเชื่อมั่น
“น่าจะเป็นคำอวยพรแหละ และให้เชื่อมั่น มั่นใจว่าเราทำได้ และสามารถที่จะทำต่อไปได้อีก แต่ถามว่าของขวัญให้ตัวเอง สำหรับการเรียนจบ 3.41 มันก็คือของขวัญแล้วล่ะ เพราะว่าไม่ได้มาเล่นๆ”
ลงรูปเซ็กซี่บ่อย เพราะหุ่นกลับมาแซ่บเหมือนเดิมแล้ว
“ก็เป็นตัวของตัวเองดีที่สุดค่ะ อย่างที่เห็นว่าผลตอบรับมันก็จะดีถ้าเราเป็นตัวของตัวเอง โมคิดว่าโมมีอายุมากระดับหนึ่งแล้วนะ ลูกก็มี เรียนก็จบแล้ว ทำอะไรก็ได้แล้วล่ะ แล้วคุณแม่ชอบมาก คือโมลดลงไปแค่ 3 โล อาจจะเห็นว่ารูปร่างมันลงเยอะ จากไขมันเป็นกล้ามเนื้อ”
ลดน้ำหนักลง 3 โล เพราะโดนผู้ใหญ่ติง ชุดแน่นออกกล้อง เล่นละครไม่ได้
“จริงๆ มันไม่ได้มีโปรเจกต์อะไรนะ เพียงแต่มันเล่นละครไม่ได้ ออกกล้องไม่ได้ ผู้ใหญ่ก็ติงมาบอกว่าก่อนเปิดกล้องขอลงสัก 3 โลเป็นอย่างต่ำได้ไหม ช่วงแรกๆ ไปถ่ายก็ยังทำไม่ได้ ชุดยังแน่น สักพักก็ใช้เวลานิดนึง สรุปก็ลดใน 3-4 เดือน เราก็ควบคุมอาหาร ทานผักเยอะๆ ทานกับข้าวเยอะๆ แต่ข้าวแป้งน้ำตาลลดลงไปให้น้อยที่สุด น้ำอัดลมพยายามให้เหลือน้อยที่สุด ทานให้ชุ่มชื่นหัวใจไปวันๆ อย่าไปทานน้ำอัดลมตลอดเวลา จะลดอีกไหมหรอ ในตัวเลขน้ำหนักยังไม่ค่อยโอเคเลยนะ แต่ว่าหุ่นตอนนี้ถ้าลดลงไปกว่านี้น่าจะติดยาแล้วล่ะ คนมันจะทักว่าเป็นอะไร”
