xs
xsm
sm
md
lg

ตัวแทนออสการ์จากเอเชีย : ใครเต็งใครไม้ประดับ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ฟ้าธานี



เมื่อปีที่แล้วหนังฮ่องกง Better Day คือผลงานจากเอเซียที่ฝ่าด้านจนเข้าไปเป็นหนัง 5 เรื่องสุดท้ายในการมอบรางวัลออสการ์สาขาหนังภาษาต่างประเทศได้สำเร็จ แม้ถึงที่สุดจะได้แค่ชิงรางวัล แต่ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของหนังฮ่องกงที่ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยได้ลุ้นอะไรกับรางวัลทางภาพยนตร์อันดับ 1 ของโลกเวทีนี้

ถือว่าระยะหลังหนังเอเชียค่อนข้างจะได้รับการเหลียวแลพอสมควร ปีก่อนหน้านั้นหนังสุดดังจากเกาหลีใต้ Parasite ก็คว้ารางวัลหนังภาษาต่างประเทศมาได้ ควบคู่กับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

ส่วนปีก่อนหน้านั้นก็เป็นหนังญี่ปุ่น ที่เข้ารอบ 5 เรื่องสุดท้ายได้เหมือนกัน

และในปี 2016 ตัวแทนจากอิหร่าน The Salesman ก็คว้ารางวัลใหญ่รางวัลนี้ สร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการหนังอิหร่านได้สำเร็จ

ว่ากันว่าปีนี้ตัวเต็งของรางวัลนี้น่าจะอยู่ที่อิตาลี กับผลงานเรื่อง The Hand of God ที่แค่ชื่อก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าน่าจะเกี่ยวอะไรซักอย่างกับนักฟุตบอลระดับตำนานอย่าง ดิเอโก มาราโดน่า แน่ ๆ เพราะหนังเล่าถึงชีวิตของเด็กหนุ่มชาวอิตาลีที่เติบโตขึ้นมาพร้อม ๆ กับความคลั่งไคล้ในตัวของ มาราโดน่า ซึ่งถ้าสนใจก็รอติดตามชมกันได้อย่าง Netflix ในเร็ว ๆ นี้

ที่เต็งจ๋านอนมาอีกเรื่องก็ตัวแทนของฝรั่งเศส Titane หนังแปลก ๆ ที่ดังในระดับนานาชาติมาก ๆ ซึ่งก็ต้องยอรับว่าหนังแบบนี้จะได้เปรียบมาก ๆ ในการชิงรางวัลออสการ์สาขาหนังภาษาต่างประเทศ ประเภทหนังดังในเทศกาล หรือ ผลงานใหม่ของผู้กำกับดัง ๆ แบบนี้

สำหรับฝั่งเอเซียเรา ก็ยังคงเป็นเกาหลีใต้ที่โดดเด่น แต่ปีนี้เกาหลีขอเลือกงานสายตลาดแทนที่จะเป็นงานสายหนังเทศกาลอย่าง Escape from Mogadishu ผลงานของคนทำหนังขวัญชัยประชาชนของที่นั่น หนังเล่าเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ประเทศโซมาเลีย แต่ก็ยังไม่ทิ้งความเป็นเกาหลีด้วยการ พูดถึงตัวละครชาวเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ที่ต้องร่วมมือกันเอาตัวรอดจาก สงครามของที่นั่น

แต่ดูทรงแล้วนี้ก็ดูไม่ใช่หนังแนวทางที่จะได้ลุ้นรางวัลออสการ์เท่าไหร่

ด้านจีนแผ่นดินใหญ่ขอเลือกผลงานของผู้กำกับชาวจีนที่ดังที่สุดในยุคปัจจุบันอย่าง จางอี้โหมว แต่หนังก็จะส่งชิงรางวัลออสการ์ของจีนในปีนี้กลับไม่ใช่ One Second หนังที่ว่าด้วย เรื่องราว ของการฉายหนังและมีฉากหลังอยู่ในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมที่จะเข้าทางออสการ์แบบสุดๆ

แต่กลับกลายเป็นหนังแล้วโฆษณาชวนเชื่อ กระตุ้นเลือดรักชาติ CLIFF WALKERS ผลงานอีกเรื่องของ จางอี้โหมว แทน ซึ่งพูดตามตรงว่า โอกาสเข้ารอบน้อยมากจริงๆ

ส่วนฮ่องกงที่ปีก่อนได้ชิงรางวัลนี้ จากหนังที่พูดภาษาจีนกลาง นำแสดงโดยนักแสดงชาวจีนแผ่นดินใหญ่ และเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของชาวจีน จนถูกคนฮ่องกงวิพากษ์วิจารณ์กันแบบเล็กๆ ปีนี้ก็เลยเลือกหนังฮ่องกงแท้ๆที่ชื่อว่า Zero to Hero มาชิงรางวัล เนื้อหาของหนังเกี่ยวกับนักกีฬาพาราลิมปิกชาวฮ่องกง ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าไม่ใช่หนังที่ดังในระดับนานาชาติ และเนื้อหาก็ไม่น่าจะดึงดูดความสนใจจากผู้ลงคะแนนออสการ์ได้ โอกาสที่ฮ่องกงจะเข้ารอบสองปีติดต่อกันจึงถือว่าน้อยจริงๆ

ส่วนประเทศไทยก็อย่างที่ทราบกันดี ส่งหนังสยองขวัญ ร่างทรง เข้าชิงรางวัล แม้โอกาสจะได้ชิงรางวัลไม่มากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่น่าจะได้ลุ้นมากกว่านั้นไทยเรื่องอื่นที่ฉายในช่วงปีที่ผ่านมา

แต่หนังที่ถือว่าเป็นตัวเต็งจากฝั่งเอเชียในปีนี้และมีโอกาสสูงมากที่จะเข้ารอบเป็นห้าเรื่องสุดท้าย ก็คือตัวแทนจากญี่ปุ่น Drive My Car หนังความยาวสามชั่วโมงของผู้กำกับ เรียวสุเกะ ฮามากุจิ ที่ดัง ๆ มากในฝั่งตะวันตก คว้ารางวัลจากหลายเวที และติดอันดับหนังแห่งปีของหลายสื่อในอเมริกา แถมหนังเรื่องนี้ยังดัดแปลงมาจากผลงานการเขียนของ ฮารุกิ มุราคามิ ที่ป๊อปปูล่าสุดๆในตะวันตกอีก โอกาสของ Drive My Car จึงสูงแบบสุดๆ

แต่นอกจากผลงานเหล่านี้แล้วก็ยังมีหนังอีกเรื่อง คือเป็นผลงานของคนทำหนังฝั่งเอเชียที่น่าจะได้ลุ้นรางวัลออสการ์ปีนี้เหมือนกัน แถมผู้กำกับก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล คนไทยเรานี่เอง โดยหนังเรื่องนี้ เป็นตัวแทนจากประเทศโคลัมเบีย หนังพูดภาษาอังกฤษผสมภาษาสเปน ซึ่งนอกจากตัวหนังเอง กับชื่อเสียงของผู้กำกับแล้ว การที่หนังเรื่องนี้มีบริษัท Neon เป็นผู้จัดจำหน่ายก็น่าจะช่วย เรื่องโอกาสบนเวทีมอบรางวัลต่างๆได้พอสมควร เพราะบริษัทแห่งนี้เคยผลักดัน พาราไซต์ ถึงขั้นคว้ารางวัลออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมกันมาแล้ว ถ้าจังหวะดีๆ ผลงานของผู้กำกับชาวไทยก็อาจจะไปไกลถึงรางวัลออสการ์ก็ได้









กำลังโหลดความคิดเห็น