ให้มันจบที่ตรงนี้ "นางไหบุ๋ม พิมลพร" ร้องไห้เสียใจ โดน "ครูเทียม" วิจารณ์เป็น นางโอ่ง! เดินหน้าลบคำบูลลี่ ตั้งหน้าตั้งตาลดความอ้วนล้างอาย "ปิ๋ม ซีโฟร์" จูงมือเข้าครอสลดความอ้วน ไม่เป๊ะให้มันรู้ไป
โดนวิจารณ์อย่างหนักเลยทีเดียวสำหรับกรณี “ครูเทียม อาจารย์ชุติเดช ทองอยู่” ศิลปินนักออกแบบการแสดง วิจารณ์ “บุ๋ม พิมลพร ศรีสวัสดิ์” อายุ 26 ปี นางไหวงตักสิลานคร ว่าเป็น นางไหอ้วน ไม่รู้เป็นนางไห หรือ นางโอ่ง งานนี้ครูเทียมโดนถล่มว่าบูลลี่รูปลักษณ์ผู้อื่น
ล่าสุด้านนางไหบุ๋ม พิมลพร ก็ขอลบคำสบประมาทด้วยการเดินหน้าลดความอ้วนอย่างจริงจัง ตัดสินใจเข้าครอสลดความอ้วนกับ Ms.Clinic ซอยนวมินทร์ 70 โดยมี "ปิ๋ม ซีโฟร์" ดารานักแสดงครูสอนเต้นชื่อดัง เป็นที่ปรึกษาด้านความงาม ดูหุ่นปิ๋มเป็นตัวอย่างซะก่อน บอกเลยงานนี้ไม่ผอมให้รู้ไป โดยนางไหบุ๋ม พิมลพร ได้เผยถึงความรู้สึกขณะที่โดนวิจารณ์เรื่องรูปร่างบนเวทีว่า รู้สึกเสียใจจนร้องไห้ ตกใจและอายมาก ไม่คิดว่าจะโดนวิจารณ์รูปร่างแบบนี้
“เหตุการณ์วันนั้นคือหนูได้ทำการแข่งวงโปงลาง วงของหนูเป็นวงที่ 2 วงตักสิลานครค่ะ พอรำเสร็จก็มีการคอมเมนต์ของแต่ละวงเลยค่ะ พอกรรมการทุกคนคอมเมนต์จนมาถึงท่านคณะกรรมการท่านนั้นนะคะ ก็ได้มีการบอกว่านี่มันนางไหหรือนางโอ่ง แล้วก็บอกว่าไม่รู้รำอะไร รำมั่วๆ ไป คือในความคิดส่วนตัวเท่าที่ประกวดมาก็คืออยากให้ครูพูดถึงการแสดงมากกว่าว่าเราควรจะไปแบบไหน ควรจะเพิ่มเติมตรงไหนอีก ก็คือไม่อยากจะให้ครูเอาเรื่องรูปร่างหน้าตามาพูด เพราะทุกคนก็มีความสามารถอยู่ในตัวเองค่ะ"
"ตอนนั้นที่ครูพูดแบบนั้นก็เสียใจค่ะ มีน้ำตาเหมือนกัน ก็จับมือกับน้องไว้ คือเราก็ไม่อยากจะฟังต่อค่ะ ตกใจมากเลยค่ะ ไม่คิดว่าจะมีการพูดแบบนี้จากท่านคณะกรรมการค่ะ ไม่เคยเจอค่ะ ก่อนขึ้นเวทีก็ไม่ได้เคยเจอหรือพูดคุยกับท่านมาก่อนค่ะ พอเสร็จทุกอย่างหนูถึงได้ไปขอคุยกับครูค่ะ หนูก็ถามครูว่าหนูอ้วนตรงไหน หนูอยากให้ครูชี้แจง คือหนูก็อายด้วยที่ครูพูดแบบนี้ออกไป แล้วอีกอย่างก็มีคนดูทั้งที่หน้าเวทีและคนที่ดูไลฟ์สดด้วย หนูก็เลยอยากให้ครูชี้แจงว่าหนูอ้วนอะไรตรงไหน”
บอกแค่เข้ามากอดแล้วขอโทษ แต่ไม่มีการขอโทษออกไมค์เหมือนตอนบูลลี่
“ครูเขาก็บอกว่ามาดูอย่างนี้ก็ไม่ได้อ้วนนะ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีกค่ะ แต่ครูก็เข้ามากอด แต่เราก็เสียใจไปแล้ว ไม่อยากจะให้ครูพูดแบบนี้ออกไป ครูไม่มีการพูดขอโทษออกไมค์เลยค่ะ มีแค่ตอนนั้นที่กอดแล้วก็บอกขอโทษ ที่ครูออกมาบอกว่าแค่แกล้งแซวเฉยๆ คือหนูก็เสียใจนะคะ ครูอาจจะพูดเล่น พูดแซว จะพูดให้สนุก แต่คนที่รับฟังอย่างเราก็เสียใจและไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นค่ะ"
"ถ้าจะพูดว่าตัวนักแสดงไม่บาลานซ์กัน หนูก็เข้าใจได้ แต่หลังจากที่ครูพูดว่านี่นางไหหรือนางโอ่ง ก็เลยไม่เข้าใจตรงนี้ค่ะ แต่พอข่าวออกไปก็ได้กำลังใจเยอะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นคนที่รู้จักหรือไม่รู้จักค่ะ บางคนก็บอกว่าขอบคุณที่เหมือนเป็นกระบอกเสียงให้คนอ้วนมีกำลังใจขึ้นมา ขอบคุณที่กล้าออกมาพูดอะไรแบบนี้ค่ะ”
ด้าน “ปิ๋ม” เห็นข่าวก็ยังตกใจ เพราะตนเองก็เคยโดนบูลลี่มาตั้งแต่เด็ก
“ตอนที่เห็นข่าวก็ตกใจค่ะ เพราะในฐานะที่ตัวเองก็ทำงานเป็นคณะกรรมการ เป็นคอมเมนเตเตอร์นะคะ ก็ค่อนข้างตกใจ จริงๆ แล้วเรื่องอ้วนไม่อ้วน ผอมไม่ผอม หรือเต้นดีไม่ดี รำดีไม่ดี จริงๆ เรารู้และเราก็มีกระดาษที่เราจดอยู่แล้ว แล้วเราจะเลือกว่าเราจะพูดอะไรออกไป คือในฐานะที่เป็นครูและเป็นคณะกรรมการมานะคะ การเลือกที่จะพูดคำไหนที่ให้เขาไปปรับปรุง แก้ไขมากกว่า เช่นวันนี้เขาอาจจะรำได้ไม่ดี ก็น่าจะไปศึกษาหรือไปรำเพิ่มเติมดีกว่ากับการที่จะพูดว่ารำไปมั่วๆ ซึ่งในฐานะคนที่เรียนนาฎศิลป์มาเราก็มองว่าน้องก็ไม่ได้รำมั่วนะคะ วันนั้นน้องก็มีศาสตร์ มีศิลป์ และมีครู ก็รู้สึกตกใจมาก"
"ส่วนตัวก็เคยโดนบูลลี่มาตั้งแต่เด็กเหมือนกัน อีจ่อย อีผอม ทุกวันนี้ก็ยังถูกเรียกอีผอมอยู่เลย คนไม่โดนไม่รู้นะ อีผอม อีอ้วน อีดำ ทุกคนคิดว่ามันเป็นเรื่องตลก แต่คนไม่โดนไม่รู้นะ ไม่เข้าใจหรอกนะ เหมือนมีคนมาทักว่าไปทำอะไรมาอ้วนขึ้นหรือเปล่า ผอมลงหรือเปล่า ดำขึ้นหรือเปล่า คือเสียเซลฟ์นะ คนไม่โดนไม่รู้จริงๆ เพราะฉะนั้นเก็บไว้ในใจดีกว่า อันนี้คือความรู้สึกส่วนตัวนะคะ ไม่เกี่ยวกับเวทีนี้นะ เพราะปิ๋มเคยโดนมาจริงๆ เราก็ไม่อยากให้ใครมาพูดแบบนี้ ก็ไม่อยากให้ใครมาพูดเรื่องสรีระที่เราแก้ไขให้ไม่ได้ในตอนนี้"
"ถ้าพูดเรื่องความสามารถเรายังไปที่จะปรับปรุงและแก้ไข แต่มาพูดเรื่องความอ้วน ความผอมมันทำเดี๋ยวนั้นไม่ได้ไง พอเห็นน้องโดนแบบนี้เราเข้าใจที่สุดเลย และยิ่งเป็นลูกพ่อแก่เหมือนกัน คือน้องรำมาขนาดนี้มีครูนะ ก็ครูคนเดียวกัน ก็ยิ่งเข้าใจว่าน้องเขาก็ไม่ได้รำมั่วๆ นะ คือทุกคนก่อนที่จะมาประกวดไม่รู้ซ้อมไปกี่พันรอบ ก็ใช้ประสบการณ์ชีวิตที่เรียนมา มาใช้บนเวทีนี้ แต่ในสายตาท่านก็อาจจะคิดไป ถึงได้บอกว่าคนเรามุมมองมันต่างกัน ก็อยากจะเป็นกำลังใจให้น้องค่ะ”
บอกเคยโดน “ครูเทียม” แซวอยู่เหมือนกัน บอกไม่จำเป็นอย่าแซวดีกว่า
“ปิ๋มเองก็รู้จักกับครูท่านนี้ค่ะ เจอกันตามงาน ก็ยกมือสวัสดีในฐานะที่ท่านเป็นผู้ใหญ่กว่า อายุเยอะกว่า ถามว่าปกติท่านชอบแซวอะไรแบบนี้ไหม ก็มีค่ะ ปิ๋มก็โดนแซวอยู่ (หัวเราะ) อาจจะด้วยบุคลิกที่เป็นคนสนุกสนาน ไม่ได้คิดอะไรด้วยหรือเปล่า เพราะเราก็เคยโดน ก็แซวๆ อะไรแบบนี้แหละค่ะ แต่อย่างที่บอกว่าเรื่องพวกนี้ไม่แซวกันดีกว่า อยากให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนให้หลายๆ คน สำหรับตัวปิ๋มเองด้วยนะคะ ในฐานะที่ปิ๋มก็เป็นคณะกรรมการ เป็นครูก็จะจำไว้เป็นบทเรียนว่าในเวทีต่อๆ ไปที่ตัวเองไปทำงาน ก็จะพยายามดูว่ามันเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้ว ก็ต้องระมัดระวังในส่วนที่ตัวเองพูดออกไปในทุกอย่าง"
"แต่ในส่วนตัวที่ผ่านมาทุกเวที ทุกคนจะเห็นว่าเวลาครูปิ๋มคอมเมนต์ทุกอย่างไป อย่างกรณีเคสของน้อง ปิ๋มก็จะบอกว่าถ้าสมมติลองไปหาน้องผู้ชายที่จะมารำคู่กันแล้วตัวใกล้เคียงกัน ครูปิ๋มว่ามันจะสุดยอดมากเลย แต่หนูรำโอเคแล้วนะ แต่ถ้าไปเพิ่มตรงนี้ครูปิ๋มว่ามันจะเริดนะ ถ้าเราจะพูดในวันนั้นหรือเวทีอื่นๆ ก็คงจะพูดแบบนี้ แต่เราก็ไม่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังของวงนะ บางวงก็อาจจะอยากประกวดความสามารถ ก็เลยลืมนึกส่วนนี้ไป คือบุคลากรในวงอาจจะมีแค่นี้ ก็เข้าใจได้ ก็อยากจะบอกน้องว่าให้นำคำนั้นไปเป็นแรงบันดาลใจ ฉันจะไม่อ้วน ฉันจะผอม ฉันจะเริด แล้วต่อไปฉันจะไปรำให้ดูแบบผอมๆ เลย”