“ปั้นจั่น” เผยเจอรักครั้งใหม่ในโซเชียล บอกโตแล้ว ความรักไม่มีกฎตายตัว ถูกใจใครไม่ต้องศึกษาดูใจกันนานก็คบกันได้ หยุดเจ้าชู้แล้ว ไม่กังวลรักทางไกลเดี๋ยวแฟนสาวต้องไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น
แม้จะอายุห่างกันถึง 13 ปีแต่ “ปั้นจั่น ปรมะ อิ่มโนทัย” เผยว่ารักครั้งใหม่นี้กับสาวลูกครึ่งญี่ปุ่น “มิชิมะ ริสะ” ก็ไม่เป็นอุปสรรค พร้อมเล่าให้ฟังถึงการไปพบเจอกันแฟนสาวว่า รักครั้งนี้เจอกันในโลกโซเชียล ตามกดไลก์ และไปขอเป็นเพื่อนกับอีกฝ่ายจนสุดท้ายก็ได้คบกัน
"มันไม่ได้คลั่งรัก สำหรับผมเฉยๆ มันค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไม่รู้ว่ามันจะไปในทิศทางไหนเหมือนกันแต่ว่าคือตัวปั้นจั่นเองปีนี้ก็อายุเยอะแล้วมันก็มองความรักไปอีกมุมนึงแล้วแหละ ตอนนี้ทำงาน ซ้อมกีฬา มีคนข้างๆ เข้าใจก็จบแล้ว ไม่ได้มีอะไรหวือหวา
เราเจอกันในช่วงโควิด-19 เจอกันในโซเชียลนี่แหละ ก็ไปกดไลก์รูปสาวๆ ก็ฟอลโลว์เขาไป เขาก็ฟอลโลว์กลับมา ก็เลยทำความรู้จักกัน เขาเป็นผู้หญิงเก่ง เป็นผู้หญิงสตรอง ทัศนคติดี เข้าใจเรา คือผมต้องบอกว่าพอเราอธิบายความเป็นตัวตนของเรา แล้วก็บอกว่าเรากำลังทำอะไรอยู่นะ วันนี้เวลาของเราทำงาน ซ้อมกีฬา เพราะเป็นอีกอย่างหนึ่งที่ปั้นจั่นตั้งใจมุ่งมั่นมากช่วงนี้ พอเขาเข้าใจตรงนี้ทุกอย่างมันก็ไปเรื่อยๆ แต่เดี๋ยวน้องเขาก็ต้องไปเรียนต่อแล้วครับ มันก็จะเป็นอีกแชปเตอร์หนึ่งที่พิสูจน์กันว่าเราจะประคองความสัมพันธ์นี้มันไปได้นานได้ไหม"
ไม่กังวลรักทางไกลเดี๋ยวแฟนสาวต้องไปเรีบนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น
"ไม่ได้กังวลนะ ปั้นจั่นบอกเขาเสมอด้วยความที่เขายังอายุน้อย เขาต้องไปเจอโลกอีกเยอะ ต้องไปเรียนหนังสือ ต้องไปเจอคนโน้นคนนี้อีกเยอะ ไม่ใช่เราไม่ห่วงเขา ไม่รักเขานะ แต่ผมค่อนข้างเข้าใจชีวิตเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในเรื่องของความรักพอสมควร คือถ้าเขาไปเจอใครหรือคนที่ดีกว่า เหมาะสมกว่าเราก็คงเสียใจแหละ แต่ว่ามันจะจากกันด้วยความเข้าใจมากกว่า คือปั้นจั่นโตพอที่จะมูฟออนได้
ณ วันนี้ดำเนินชีวิตด้วยความไม่โกรธความไม่เครียด เพราะที่ผ่านมาเราเจอมาเยอะแล้ว ณ วันนี้เราต้องมีความสุขกับทุกวันแล้ว ตื่นนอนมาเราคิดแบบนี้ตลอด ต้องเตือนสติตัวเอง เพราะว่าเป็นคนที่คิดเยอะแล้วมันก็ทุกข์ ไม่มีความสุข ไม่อยากเจอใคร แต่ตอนนี้ทำงาน เล่นกีฬา มันก็ช่วยได้เยอะ แล้วพอเจอคนที่เข้าใจด้วยก็โอเค"
เผยรักครั้งนี้แม้จะอายุห่างกันถึง 13 ปี แต่ก็ไม่มีอุปสรรคอะไร อยู่ด้วยกันเพราะความเข้าใจล้วนๆ
"ที่จริงไม่มีเลย เพราะว่ามันคือความเข้าใจล้วนๆ เลยในเรื่องของอายุ คือ ณ วันนี้โลกมันไปไหนต่อไหนแล้ว มันค่อนข้างหลากหลายมากๆ เพราะฉะนั้นเรื่องอายุมันก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญ อยู่ที่ความเข้าใจและเวลาเหมาะหรือเปล่า พอดีกันหรือเปล่ายอมรับซึ่งกันได้หรือเปล่า ก็เลยไม่มีปัญหา มันก็มีบางอย่างที่รับไม่ได้ แต่เราผ่านมาเยอะ ก็รู้สึกว่าถ้าเรารับไม่ได้ เราก็เลือกที่จะข้ามไปสิ ไปมองในส่วนที่ดี ส่วนที่เราชอบของเขา หรือปรับกันได้ไหมถ้าปรับไม่ได้ถ้าเราอยากจะอยู่กับเขาเราก็ต้องรับเขา เขาอยากจะอยู่กับเราเขาก็ต้องรับเราให้ได้"
ผ่านอะไรมามากขึ้น เริ่มเข้าใจจะคบใครซักคนไม่ต้องใช้เวลาศึกษาดูใจกันนานก็ได้
"ไม่นาน คือแต่ก่อนเข้าใจว่าต้องดูกันนาน ณ วันนี้ไม่มีกฎอะไรตายตัวแล้ว แค่รู้สึกว่าเวลามันเหมาะสม จังหวะเวลาคุยกันคลิกกัน แต่ต้องบอกคนรอบนอกก่อนถึงความคาดหวังความรักของดารา มันจะต้องประสบความสำเร็จ มันจะสวยงาม มันไม่ใช่ มันก็เหมือนทุกคนแหละ มีลุ่มๆ ดอนๆ เดี๋ยวทะเลาะกัน เดี๋ยวอะไรกันบ้าง แต่ว่าผมก็แก้ไขกันไป ถามว่าอยากให้จบลงที่สมบูรณ์ไหมแน่นอนว่าทุกคนอยาก
แต่เราเดาอนาคตไม่ได้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ณ วันนี้ค่อนข้างนิ่งพอสมควร อาจจะด้วยอายุด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาก็เลยไม่ได้มีความหวือหวาอะไร ไม่มีอะไรน่ากังวลในเรื่องที่ไม่ควรกังวล เช่น ไปเจอคนโน้นคนนี้แล้วไปเจ้าชู้ใส่ มันไม่มี"
พาไปเจอครอบครัวแล้ว คุณแม่มีติดเรื่องความเฟียสบ้าง แต่ก็พร้อมปรับตัวเข้าใจยุคสมัย
"ก็พาเจอคุณแม่ เพราะว่าเวลาผมมีสาว ผมก็จะพาเจอคุณแม่ก่อน ไม่ใช่ว่าผ่านด่านแม่หรืออะไร ก็เป็นมารยาท แล้วน้องเขาก็ยังเด็กด้วย เราก็พาเจอคุณแม่ ให้เขาเห็นแม่เขาก็จะได้รู้สึกว่าอยู่กับเราปลอดภัยนะ เราไม่ได้พาไปทำระยำตำบอน (หัวเราะ) แล้วเราก็เป็นผู้ใหญ่ด้วย ที่จริงเราก็เหมือนเป็นพี่ชายเพราะเราโตกว่าเขาเยอะเป็น 10 ปี
(คุณแม่โอเคไหมเพราะคนไทยอาจจะติดด้วยเรื่องของภาพลักษณ์ความเฟียส?) คือที่จริงมันก็มีบ้าง แต่ว่าด้วยความที่คุณแม่เป็นคนที่ค่อนข้างตามโลกทัน ทันสมัย เขาก็จะบอกว่ารอยสักอะไรอย่างนี้มันไม่สามารถตัดสินคนเราได้ว่าจะเป็นคนยังไง ลูกชายเขาก็มีรอยสัก คุณแม่เขาก็ปรับตัวค่อนข้างดี เพราะเขาก็ผ่านวัยผมมาเยอะ ผมก็ดีใจที่เรามีคุณแม่ที่ปรับตัวได้ทันสมัยมีความคิด คือบางทีเขาก็ยังยึดติดสมัยก่อนแหละแต่เขาก็พร้อมที่จะรับฟังและปรับตัว"