“แอนนี่ บรู๊ค” สวย โสด ลูกห้ามมีแฟน เชื่อคนไม่กล้าจีบเพราะมองภูมิหลัง ไม่หวง “น้องฑีฆายุ” เป็นหนุ่มเนื้อหอม มีสาวแอบส่งจม.รัก ส่งเสริมในสิ่งที่ลูกชอบ ไม่ห่วงถ้าอยากเข้าวงการ เริ่มสร้างภูมิให้ตั้งแต่วันนี้ สนิทกันมากเปิดอกคุยได้ทุกเรื่อง เพราะเลี้ยงแบบฝรั่ง+ไทย คุณภาพชีวิตดีขึ้น ย้ายลูกจากอินเตอร์ มาเรียนไทยสามัญ
เผลอแป๊บเดียว “น้องฑีฆายุ” ลูกชายสุดที่รัก ของคุณแม่ “แอนนี่ บรู๊ค” ก็โตเป็นเด็กหนุ่มอายุ 12 ขวบแล้ว งานนี้คุณแม่แอบเมาท์ เนื้อหอมมาก มีสาวๆ ส่งจดหมายรักให้ ตามวัย Puppy love แต่ด้วยความเป็นเด็กติดแม่ เลยขอคีฟคาแรกเตอร์เป็นนักหักอกสาว พร้อมกับห้ามไม่ให้แม่มีแฟนด้วย
“ปีนี้ 12 ขวบแล้วนะคะ เป็นหนุ่มแล้ว จะสูงเท่าแม่แล้วค่ะ เกือบจะถึงแล้ว อีกนิดหนึ่ง ตอนนี้น้องเขาก็เรียนหนังสือค่ะ ไม่ได้ทำงานเยอะมาก หรือทำงานในวง หรืออะไร แต่ก็พอมีบ้าง ล่าสุดได้พรีเซ็นเตอร์ไป 1 ตัว เป็นพวกแคลเซียมค่ะ”
ส่งเสริมให้ลูกทำในสิ่งชอบ แต่ถ้ามีงานในวงการก็รับ
“เขาชอบในเรื่องของกราฟฟิกดีไซน์ อนิเมชั่น จริงๆ แล้วแอนให้น้องลงเรียนเป็นพวก ICT พวกกราฟฟิกดีไซน์ พวกอนิเมชั่น แอนมองถึงอนาคต ถ้าเกิดว่าน้องต่อในด้านนี้ น้องน่าจะทำในสิ่งที่ตัวเองชอบด้วย แล้วก็น่าจะเหมาะกับน้องมากกว่าค่ะ แต่ถ้าเกิดมีงานในวงการเข้ามาก็รับค่ะ”
เป็นหนุ่มแล้วเนื้อหอม มีสาวๆ มาส่งจดหมายรักให้
“มีสาวๆ ในห้องมาชอบเยอะ (หัวเราะ) คือน่ารักมากเลย เหมือนแฟนฉันเลยค่ะ เขาก็จะมีเขียนจดหมายน้อยใส่กระเป๋ามาให้ เราก็แอบอ่าน ทำไมเธอไม่รักฉันเลย เธอไม่มองฉันเลย แต่น้องฑีเขายังมีความเป็นเด็กค่อนข้างสูง เพราะว่าอยู่กับแม่สองคน เขาก็ติดแม่ เราก็ถามว่าฑีไม่รับเหรอ จดหมายยู มีสาวมาชอบยู ยูไม่ชอบเขาเหรอ เขาก็พูดเป็นภาษาอังกฤษประมาณว่า ผมเป็นนักหักอกคนนะ อะไรแบบนี้ (หัวเราะ)”
ไม่หวงหรือซีเรียส เป็น Puppy love ตามวัย
“คิดว่าน่าจะเป็นที่วัยมากกว่าค่ะ แต่เขาก็บอกว่าเขายังไม่มีแฟนหรอก เขาจะอยู่กับแม่สองคน เราก็บอกอย่ามีแฟนให้เห็นนะ แต่ไม่ซีเรียสค่ะ เพราะว่าอยู่กับแอนสองคน แอนก็คอยดูแลควบคุมเขาได้ ในพฤติกรรม แล้วก็การใช้ชีวิต ไลฟสไตล์ต่างๆ”
เป็นหนุ่มแล้ว แต่ยังเปิดอกคุยกันทุกเรื่อง เลี้ยงแบบฝรั่ง+ไทย
“คุยทุกเรื่องเลยค่ะ แอนเลี้ยงเขาเหมือนฝรั่งบวกไทย ความเป็นไทยก็คือเคารพผู้ใหญ่ ความเป็นฝรั่งก็คือกล้าคิดกล้าพูด เวลาที่มีปัญหา กล้าที่จะปรึกษาเราทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย มาตรงไหนที่มันเปลี่ยนไป ในเรื่องของลึกๆ พูดได้หมด เรื่องของความสัมพันธ์กับเพื่อนผู้หญิง คือสอนตั้งแต่ตอนนี้แล้ว เพราะว่าป.6 แล้ว แล้วก็เราคุยกันหมดทุกเรื่องเลย แอนเชื่อว่าค่อนข้างสนิทกับลูกมากๆ ค่ะ”
ความเป็นเด็กผู้ชาย ไม่ได้ทำให้มีระยะห่างกับลูก
“ไม่ค่ะ พอเราเลี้ยงเขามาด้วยความละมุน ไม่ได้เลี้ยงด้วยความบังคับขู่เข็ญ ตี ดุด่า หรือว่ากล่าวแบบแรงๆ เราใช้เหตุผลในการเลี้ยงลูก เพราะฉะนั้นน้องก็ค่อนข้างที่จะเข้าใจ เวลาเราพูดอะไรก็ต้องใช้เหตุผล แบบนี้ค่ะ”
ไม่ห่วงถ้าลูกอยากทำงานในวงการ
“เอาจริงๆ เราอยู่ตรงนี้มา เรารู้หมดแล้ว แต่ว่าถ้าเกิดในวันข้างหน้า น้องโตเป็นหนุ่มแล้วน้องอยากทำ แต่จริงๆ แล้วที่น้องทีฆายุเขาทำเพราะเขาอยากช่วยแม่ทำงาน เขาก็ทำได้ แต่อย่างสมัยเรา เราวอนนาบี เขาไม่ได้ขนาดนั้น”
เริ่มสร้างภูมิให้ลูกตั้งแต่วันนี้ เพราะในวงการนี้ไม่ธรรมดา
“ต้องสร้างมากๆ เลยค่ะ ถ้าจะให้ลูกมาเดินตรงนี้ ต้องเริ่มสร้างตั้งแต่วันนี้ไปเลย เพราะตอนนี้น้องจะ 12 ขวบแล้ว อย่างที่แอนบอกเราอยู่ตรงนี้มานาน เรารู้แล้วว่ามันมีอะไรบ้าง อะไรที่ดี อะไรที่ไม่ดี เราเห็นประสบพบเจอมาหมดแล้ว ก็ค่อนข้างที่จะมีคำสั่งสอนกับลูกได้ประมาณหนึ่งแล้ว แต่ถ้าเกิดว่าลูกไม่ต้องการที่จะเดินตรงนี้ แอนก็โอเค ไม่ได้คิดว่าจะต้องปั้นลูกมาให้เป็นดารา ให้เป็นในสิ่งที่เขาอยากเป็น ให้ทำในสิ่งที่เขาอยากทำ แล้วเขาอยากมีอาชีพอะไร เขาอยากรักใคร เขาอยากอยู่ในเวย์ไหน แอนโอเคหมดค่ะ”
ไม่มีปัญหาย้ายโรงเรียนลูก จากเด็กอินเตอร์ สู่โรงเรียนไทยสามัญ บอกคุณภาพชีวิตดีขึ้น
“เราใช้ชีวิตแบบว่า คือมันดีอย่างหนึ่งนะคะ เมื่อก่อนเราคิดว่าต้องเรียนอินเตอร์นะ ต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอเรากลับมาให้เรียนเป็นแบบธรรมดา กลับมีชีวิตคุณภาพที่ดีขึ้น เขาได้รู้จักเห็นอกเห็นใจแม่ รู้จักการใช้ชีวิตที่ว่า ไม่ต้องใส่เสื้อเหมือนเพื่อน ไม่ต้องใส่แบรนด์ ไม่ต้องใส่รองเท้ายี่ห้อนี้นะ เขานี่แบบชิลมาก ทนกับการใส่เสื้อผ้าแบบไหนก็ได้ ถือกระเป๋าแบบไหนก็ได้ ติดดินเลยค่ะ แอนต้องการให้ลูกเป็นแบบนี้ค่ะ”
ส่วนแม่ตอนนี้โสด ไม่อยากมีแฟน
“แม่ไม่มีแฟน ก็ยังไม่มี แล้วก็ไม่อยากมีด้วยค่ะ (ปิดตายหัวใจเลยไหม?) ไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอก (หัวเราะ)”
ลูกไม่อนุญาต หวงแม่มากไม่ให้ใครจีบ
“ไม่อนุญาตค่ะ เขาบอกแอนแล้วว่า อย่าให้ผมรู้นะว่ามี อาจจะด้วยวัยด้วย เขา 12 อ่ะเนาะ ป.6 เขาก็จะหวงแม่ เหมือนสมัยเราอายุขนาดนี้เราก็จะหวงพ่อหวงแม่ แต่แอนคิดว่าคงไม่ค่อยมีใครกล้าจีบแอนหรอก”
เชื่อไม่มีใครกล้าจีบเพราะมองภูมิหลัง ไม่ก็คิดว่าคงสตรองไปแล้ว
“บางคนเขาก็อาจจะมองที่ภูมิหลังเราหรือเปล่า เขาไม่ได้มองที่ปัจจุบัน อนาคตเราหรือเปล่า บางคนก็อาจจะติด หรือบางคนอาจจะเห็นว่าแอนขยันทำมาหากินได้ด้วยตัวเอง อาจจะคิดว่าเราสตรองไปแล้ว ก็ไม่กล้าเข้ามาแบบนั้นค่ะ”
อยู่กับลูกไม่มีเหงา พูดเก่งเป็นต่อยหอย
“โห อยู่กับฑีพูดทั้งวัน พูดเก่งมากเป็นต่อยหอยเลย ตอนแรกจะชวนเขามางานด้วย เขาก็มีโลกส่วนตัวแล้ว ก็เลยไม่เป็นไร แม่มางานแล้วรีบกลับ”