บรรยากาศรดน้ำศพสุดเศร้า “อั๋น โอลิเวอร์” ร่ำไห้ เผย “ไมเคิล” สั่งเสียไว้หมดแล้ว เชื่อจากไปอย่างหมดห่วงแล้ว เคยขอจัดงานศพแค่วันเดียว แต่ตนขอจัดงานให้ 3 วัน อย่างน้อยได้มีโอกาสร่ำลาครั้งสุดท้าย ไม่ปฏิเสธเรื่องครอบครัวทำให้ตัดสินใจทำแบบนี้ แต่ขอแค่แฟนพี่ชายมาลาครั้งสุดท้ายก็ไม่ติดใจอะไรแล้ว
หลังจากเมื่อวานนี้ (16 ม.ค.) อดีตดาราดัง “ไมเคิล พูพาร์ต” อายุ 52 ปี ได้ตัดสินใจปิดชีวิตตัวเอง ด้วยอาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .22 มม. ในบ้านพักกลางกรุง วันนี้ (17 ม.ค.) เวลา 10.30 น. น้องชายคนรอง นายศุภกร โดมีนิค วาสนารุ่งกิจก็ได้เดินทางไปรับร่างไร้วิญญาณของพี่ชาย ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อนำมาบำเพ็ญกุศลต่อ ณ วัดสาครสุนประชาสรรค์ ศาลา 9
โดยทางครอบครัว ได้จัดพิธีรดน้ำศพในเวลา 17.00 น. และสวดอภิธรรมเวลา 18.00 น. ตามลำดับ บรรยากาศดำเนินไปด้วยความโศกเศร้าของครอบครัวและญาติสนิท มีนักแสดงหนุ่ม “นิว ชัยพล พูพาร์ต”ในฐานะหลานชายแท้ๆ ทำหน้าที่รับ-ส่งภาชนะรดน้ำศพให้กับแขกผู้ร่วมงาน
ซึ่งก่อนพิธีรดน้ำศพจะเกิดขึ้น “อั๋น โอลิเวอร์ พูพาร์ต”ดาราดังผู้เป็นน้องชาย ได้เผยความรู้สึกถึงการสูญเสียครั้งนี้ว่า “ก็เตรียมคำพูดมา แต่พอมาถึงนี่ก็นึกไม่ออก มันเป็นช่วงเวลาที่เสียใจของทางครอบครัว ก็เป็นไปตามข่าว ว่าพี่ชายของผม ได้จบชีวิตของตัวเองเมื่อวานนี้ แกเป็นโรคซึมเศร้าเป็นมาได้สักพักแล้ว ตอนช่วงเป็นหนักๆ เราก็พยายามให้แกกลับมาอยู่กรุงเทพฯ คุณแม่ก็เป็นคนดูแลอยู่ได้ 3-4 เดือน ก่อนที่แกจะตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง
มาอยู่นี่ก็พาไปโรงพยาบาล พาไปหาหมอ ทานยา พูดคุยทุกวัน สุดท้ายแล้วก็เป็นอย่างที่เห็น ในส่วนของผมคงไม่มีอะไรแจ้งมากไปกว่านี้ พี่ชายผมก็เป็นคนสงบ เงียบๆ เป็นคนรักสันโดษ ตั้งแต่เขาออกจากวงการไป ก็คือไปดูแลพ่อที่ป่วยติดเตียงอยู่ 8-9 ปี ก่อนที่พ่อจะเสียไป หลังจากนั้นมาเขาก็ไม่อยากกลับเข้าวงการ ก็ไปใช้ชีวิตสบายๆ สันโดษที่เชียงใหม่
ถึงแม้วันนี้เอง เราก็ได้พูดคุยกันตลอดแล้วก็ได้เกริ่นเอาไว้ว่า ถ้าจัดงานศพก็จัดแค่วันเดียวเผาเลยนะ เราคุยกันสนุกๆ หรือว่าไม่ต้องมีพิธีการอะไรมาก นั่นคือสไตล์ของเขา แต่ก็มาถึงวันนี้…ผมก็อยากจะเชิญชวนเพื่อนๆ พี่น้องๆ ทุกคน คนที่ผมทักเข้ามาเยอะ ก็ดีใจที่ยังมีคนรักและคิดถึงพี่ชายผมอยู่ ผมก็ถือโอกาสนี้ฝากพี่ๆ สื่อมวลชน ประกาศให้ทั่วถึง เพื่อนพี่น้องที่อยากจะมาร่ำลาครั้งสุดท้าย”
เผยไมเคิลสั่งเสียเอาไว้ทุกอย่าง ล่ำลากันไว้หมดแล้ว คนในครอบครัวก็ปลอบว่าอย่าทำ
“คำพูดมีเยอะ คำพูดที่คุยกันไว้ก่อนเสีย คือจะต้องบอกว่า อาการซึมเศร้าที่เขาเป็น มันไม่ใช่อาการชั่ววูบ เป็นอาการที่เขาไม่สบายมาสักพักหนึ่งแล้ว ผมพยายามพูดคุยให้กำลังใจกับเขา แน่นอนก่อนที่จะมาถึงวันนี้ ได้มีการพูดคุย ห่วงใย ไม่อยากจะให้แม่ได้เห็นสภาพ อยากให้คนดูแล เพราะคนที่ดูแลอยู่ที่บ้าน ก็คือพี่ชายดูแลแม่ แล้วคือตอนที่เขาป่วย เขาก็กลับมาที่กรุงเทพฯ เพื่อมาดูแล
เขาก็สั่งเสียไว้ทุกอย่าง เราก็ได้คุยโดยตลอด ว่าอย่าทำนะ ผมก็ให้กำลังใจ คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ เอ่อ…การสั่งเสียเนี่ย จะบอกว่าสั่งเสียร่ำลา ได้คุยเอาไว้แล้ว เพราะในใจลึกๆ ก็รู้สึกว่าครั้งนี้เป็นหนักมากๆ ในส่วนตัวของผมเอง ผมก็รู้สึกว่า…พูดร่ำลากันไว้ก่อนก็ดี ก่อนที่จะมาถึงเหตุการณ์แบบนี้ ก็ร่ำลากันเรียบร้อยแล้ว (เสียงสั่น)”
ห่วงแม่กับลูกแต่ไปอย่างหมดห่วง
“เขาห่วงแม่ กับห่วงลูกเขาครับ คือเขารู้ว่าแม่เนี่ย ได้รับการดูแลดีอยู่แล้ว มีพี่ชายดูแลอยู่ ผมก็อยู่บ้านข้างๆ กัน ก็ไม่ได้มีอะไร ในตอนสุดท้าย…(น้ำตาไหล) เขาไม่ได้ห่วงอะไรแล้วครับ ในตอนสุดท้ายเขาสั่งเสียไว้หมดเรียบร้อยแล้ว เขาไปแบบหมดห่วงจริงๆ ลูกเขาก็เป็นลูกบุญธรรมครับ ลูกเลี้ยง ทางแม่เขาก็ดูแลต่อไป”
เผยเรื่องแฟนทิ้งเซนซิทีป แต่ฝ่ายหญิงเคยสัญญาว่าจะดูแล แต่ไม่ติดใจสาเหตุการตาย ไม่โทษใคร
“ผมว่าในจุดนี้ มันก็เป็นเรื่องเซนซิทีฟ คนเสียไปแล้วก็เสียไป คนที่ยังอยู่ก็ยังอยู่ คนที่เป็นแม่ของลูกก็ยังอยู่ ผมคงจะพูดแค่ได้ว่า…เวลารักกัน สัญญาว่าจะดูแลกัน ตอนสัญญาพูดกันให้ดี พูดกันให้เป็นมั่นเป็นเหมาะ ตอนป่วย ตอนเจ็บ ตอนสบาย รักษาดูแลกัน ดูแลกันจนตาย ถ้าพูดไปแล้ว ก็ขอให้คำไหนก็เป็นคำนั้นนะครับ คนเราก็เป็นแบบนั้น แต่ผมกับทางบ้านก็ไม่ได้ติดใจ ในการเสียชีวิตของพี่ชาย เสียใจแน่นอน แต่ไม่ได้ติดใจใดๆ ทั้งสิ้น ผมเข้าใจว่าการมีชีวิตคู่มันไม่ง่าย เราไม่ได้โทษใครใดๆ ทั้งสิ้นเลย ไม่ได้คิดจะเอาผิด ไม่โทษต่อว่าอะไร อาจจะมีน้อยใจบาง น่าจะเป็นอารมณ์นั้น เพราะพี่ชายเพิ่งเสียไปเมื่อวาน แต่อย่างที่บอก คือเราไม่ได้ติดใจอะไรทั้งสิ้นครับ”
ยันเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ปฏิเสธเรื่องแฟนก็เป็นหนึ่งในนั้น
“มันมาจากหลายสาเหตุครับ แต่ผมจะปฏิเสธแบบนั้นเลย มันก็คงจะไม่ใช่ความจริง มันจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปได้และเกิดขึ้น การเป็นโรคซึมเศร้าเนี่ย มันมีหลายสาเหตุแหละครับ หนึ่งในนั้นก็น่าจะเป็นเรื่องของครอบครัว ที่ทำให้ตัดสินใจแบบนั้นไป แต่สุดท้ายแล้ว มันอยู่ที่เขาแหละครับ ไอ้โรคบ้าๆ แบบนี้”
ร่ำไห้ แค่อีกฝ่ายมาลาพี่ชายครั้งสุดท้ายก็ไม่ติดใจอะไรแล้ว
“ผมไม่ได้ทราบดีเทลตรงนี้นะครับ แต่ถึงเวลานี้มันไม่ใช่สิ่งสำคัญนะครับ เผื่อเขาฟังอยู่ ผมก็ขอเรียนเชิญที่นี่ (เสียงสั่น) มาลาพี่ผมครั้งสุดท้ายก็โอเคครับ เราไม่ได้ติดใจอะไร (น้ำตาไหล)”
ยันพี่ชายเป็นคนดี มีเมตตา
“พี่ชายผมเป็นคนดีนะครับ เขาเป็นคนที่ให้ เขาทุ่มเท ผมรู้สึกว่าในทางครอบครัวเรา เขาอาจจะให้มากเกินไปซะด้วยซ้ำ ให้เขาไปเกินร้อย แต่นั้นคือนิสัยของเขา เขาชอบช่วยเหลือคนครับ เขาเป็นคนมีเมตตาครับ”
สามวันเผาเลย เป็นไปตามที่พี่ชายขอและต้องการ
“อย่างที่บอก พี่ชายผมเขาขอไว้ว่าวันเดียว แต่ว่าผมก็แกล้งบอกเขาว่า วันเดียวคนอาจจะมาไม่ทันนะ เป็น 3 วันเผาได้ไหม ตอนคุยกันก็…(น้ำตาไหล) ใจจริงคนเราปลงได้มันก็จบนะ ชีวิตคนเรา แต่ตอนนี้ก็ขอว่างั้น 3 วันเผาแล้วกัน ก็จะเป็นไปตามที่เขาขอและต้องการ ก็คือวันนี้ (17 ม.ค.) เป็นวันรดน้ำกับสวดวันแรก วันพฤหัสบดีก็จะเป็นวันเผา กระดูก็จะทำพิธีลอยอังคารครับ อาจจะเก็บไว้ก่อน แล้วก็หาฤกษ์ที่ดีไปลอยอังคาร แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะไปลอยที่ไหน ยังไม่ได้ตัดสินใจครับ”
ร่ำไห้ ดีใจที่ได้ล่ำลากันครั้งสุดท้าย
“ผมพูดไปหมดแล้วละครับ…(น้ำตาไหล เสียงสั่น) ผมก็ดีใจที่ได้คุยกันนะครับ ได้พูดได้ร่ำลากัน ได้พูดกันไปหมดแล้ว ผมคงจะไม่ได้มาร่ำลาพี่ชายผมต่อหน้าสื่อมวลชนในตรงนี้ ผมได้พูดไปหมดแล้ว แต่ว่าผมอยากจะฝากถึงคนอื่น ที่มีญาติที่เป็นโรคซึมเศร้า พาไปหาหมอ พูดให้กำลังใจ พูดให้ความจริงในสิ่งที่เป็นไปได้ ไปหมอเร็วๆ อย่าปล่อยไว้นาน ผมดีใจที่ผมได้มีโอกาสได้คุยแบบเปิดอกกับพี่ชายผมเป็นครั้งสุดท้าย (น้ำตาไหล เสียงสั่น)”
