เคยโดนมรสุมชีวิต ถูกจับคดีพัวพันยาเสพติด เมื่อปี 53 แต่ในที่สุดศาลก็สั่งยกฟ้อง ล่าสุด “แอนด์ดรูว์ โคนินทร์” ได้เปิดใจผ่านรายการคุยแซ่บshow เป็นครั้งแรกถึงเรื่องนี้ ยันตนถูกปรักปรำ ประกาศผมเป็นผู้บริสุทธิ์
“มันมีเหตุการณ์นึงที่ทำให้ผมจะต้องโดนจับในเรื่องของยาเสพติด วันนั้นเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นไป มีการ โทร. กัน คุยกันหลายเรื่องราว ผมไม่ลงรายละเอียดแล้วกัน คือจะเอาให้ได้แหละ เรื่องนี้เกิดตอนผมอายุ 25 ครับ เบญจเพสพอดี ตอนนี้ 37 ปีครับ ก็เกิดขึ้นประมาณ 12 ปีแล้วครับ
ถูกกลั่นแกล้ง ต้องตกเป็นตราบาปในสังคม
“จริง ๆ ด้วยหน้าผม คนเชื่อไปแล้วครึ่งทาง ด้วยบุคลิกที่เป็น ด้วยเป็นเด็กพัทยา ลุคผมอาจจะดูมาเฟียหน่อย ๆ ดูไม่ใช่เด็กดี แล้ว 1. ผมไม่ชอบอธิบายด้วย เพราะฉะนั้นมันเป็นตราบาปในโซเชียล มันเป็นตราบาปในสังคม แต่ในชีวิตผม รวมไปถึงคนรอบๆ ตัว เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ได้รู้จักผม ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ตราบาปเลย ก็ใช้คำว่ากลั่นแกล้งก็แล้วกันครับ ผมบอกเลยว่าผมไม่ใช่คนดี แต่วันที่คุณทำผมมันไม่ใช่ ผมใช้คำนี้ ตอนตร.บุกจับตอนนั้นช็อก เขาทำเหมือนผมเป็นหมู เป็นหมา ตอนนั้นอยู่ที่ห้องเพื่อน โดนเรียกไป คือเพื่อนชวนไปหา เราก็ไปไม่ทันถึง 5 นาที มันก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเลย
ยอมรับว่าตกใจ เฟล อะไรกัน ผมยังถามเขาอยู่ว่ามันคืออะไรเหรอพี่ เขาก็บอกว่ามียาเสพติดไว้ในครอบครอง โดนล็อกตัวไป ตอนนั้นยังไม่มีการฝากขัง แต่มีการพูดคุยกัน คือผมเฉย ๆ แล้ว ผมรู้ตัวเองว่ามันคืออะไร คือถ้าเรารู้สึกว่าเราไม่ได้ผิดเราจะแพนิคทำไม ที่ผมพูดถึงไม่ได้มีเรื่องเงิน เรื่องอะไรนะครับ ไม่ได้มาบอกว่าพี่อย่าปล่อยข่าวผมเลยนะครับ ผมจะเอาเงินยัด ผมไม่ได้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
ยอมรับว่าเครียด ผมติดต่อใครไม่ได้ แล้วตัวคนเดียวด้วยก็กลัว ตอนนั้นไม่มีการฝากขัง ผมเป็นแค่ผู้ต้องสงสัย เพราะว่าทั้งหมดที่มันเกิดขึ้นผมไม่ได้ยอมรับ มันก็เป็นแค่การจับกุมทั่วไป”
ขอบคุณช่อง 7 ไม่แบน แต่ตนงอแงเอง ขอถอยกลับมาอยู่กับครอบครัว
“ตอนนั้นต้องขอบคุณผู้ใหญ่ทางช่อง 7 เขาค่อนข้างกรุณา จริง ๆ ก็มีผู้ใหญ่ท่านนึง แต่สำหรับท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ค่อนข้างจะโหดมากกับเรื่องราวพวกนี้ ผมรู้สึกขอบคุณท่าน แล้วก็ดีใจขึ้นมาตรงที่ท่านบอกว่า เอาอย่างนี้นะไม่ได้ถอนสัญญา ไปเคลียร์ตัวเองมาประมาณนั้น ที่มีข่าวว่าช่องแบนเรา จริงๆ ช่องไม่ได้แบนครับ ทางช่องบอกว่าให้ไปเคลียร์ตัวเองมาให้จบนะ ถ้าจบแล้วคุณก็กลับมาถ่ายต่อ แต่ผมยอมรับว่างอแง ถอดผมไปเถอะครับ แล้วปัญหาคือเขาต้องถ่ายใหม่ แล้วต้องหาตัวแสดงใหม่ด้วย ผมเข้าใจเขา แต่ผมเป็นคนที่เล่นละครแล้วแบบอินเนอร์แรง ผมจะต้องมีฟีล แค่ทะเลาะกับแฟนวันนั้นแล้วต้องไปถ่ายละคร มันก็แย่เลย มันจะเตลิดไปเลย
ตอนนั้นข้างในมันเฟลแล้วครับ เรารู้สึกว่าขออยู่กับตัวเอง ถอยกลับมาอยู่กับครอบครัว อยู่กับเพื่อนที่เขารู้จักเราจริง ๆ ดีกว่า ส่วนเรื่องผลกระทบกับครอบครัว อันนี้มันแล้วแต่วิจารณญาณนะครับ อันนี้ผมงงเขามาก ปกติคุณแม่ผมเป็นคนที่ไม่เคยให้ท้ายลูกเลย ปกติถ้าไปโรงเรียน มีปัญหาอะไรที่โรงเรียน ผมจะโดนตีโชว์เพื่อนก่อน แล้วค่อยมาโดนตีต่อที่บ้าน แต่ครั้งนี้ไม่เป็นไรนะลูก แม่เชื่อมั่นในตัวหนู สู้แล้วกัน
ผมก็เลยแบบ ทำไมรอบนี้แม่มาแปลก คือมันเป็นช่วงเบญจเพสพอดีด้วย แล้วแม่ผมก็มูพอสมควร เขาก็เลยไปดูว่าถ้าไม่โดนเรื่องนี้ก็อาจจะมีเรื่องถึงชีวิต เขามองเป็นว่าติดคุกเถอะลูกเอ้ย กับชีวิตลูกที่ต้องเสียไป ผมเลยบอกว่าแม่มันไม่สนุก ก็ยังบอกเขาอยู่ แต่ก็ยังยิ้มได้ ซึ่งตอนแรกตร.จับผมไปตรวจปัสสาวะ ไม่ถึงกี่นาที เดินมาบอกสื่อว่าฉี่ม่วง ผมบอกเดี๋ยวๆ ยังสะบัดไม่เสร็จเลยม่วงแล้วเหรอตอนนั้นพูดด้วยอารมณ์ แล้วพอเสร็จจากตรงนั้น ผมก็ไปที่โรงพยาบาล ผมเลยไปตรวจเลือด เพราะผลเลือดมันไม่ใช่แค่ปัสสาวะ มันย้อนหลังไป 3 เดือนเลย แล้วผลเลือดออกมาไม่มีสาร
ซึ่งผมไม่ได้ยื่นให้สื่อครับว่าเราไม่ผิด จริง ๆ ผมเป็นคนไม่ชนะต่อหน้าสื่อ ไม่รู้จะเอามาโชว์ทำไม ใจผมกลับไปคิดถึงวันสุดท้ายมากกว่า ไม่ได้รู้สึกแบบว่า พี่ครับ พี่ช่วยผมหน่อย อันนี้ผมไม่ได้ทำนะครับ ผมรออย่างที่ผมบอก ทำไมผมถึงจำได้ 1 ปี 7 เดือน 11 วัน ผมรอวันนี้แหละ
ก็มีโดนสื่อด่าต่อหน้า ถามว่าเข้าใจไหม เข้าใจ แต่โกรธไหม โกรธ เหมือนอารมณ์เขาจะไปทำข่าว แต่ไม่ได้ข่าว ก็มีอารมณ์เสียนิดหน่อย ผมไม่ได้หันไปตอบเขา ไม่ได้สนใจ ไม่ได้ให้เขาสัมภาษณ์ เขาก็หันมาเรียกไอ้เตี้ย แต่เปลี่ยนตัวอักษร คือวันนั้นทุกอย่างมันถาโถมเข้ามา มันคือน้อยใจมาก คนด่าเราก็จำหน้าได้ ผมเข้าใจเขาจุดนึงนะ ก็อยากจะบอกพี่ๆ พูดดี ๆ กับผมก็ได้ จริง ๆ ไม่ใช่แค่กับผมคนเดียวนะ แต่อย่าไปทำอย่างนี้กับคนอื่นเขา เพียงแค่เพราะงาน เพราะสิ่งที่ตัวเองต้องการ มันไม่ได้”
หลังจาก 1 ปี 7 เดือน 11 วัน ศาลก็ยกฟ้องทั้งหมด
“ทั้งหมดครับ ถามว่าเคยมีจุดไหนที่ท้อไหม คงเป็นจุดที่ต้องไปศาลนี่แหละครับ ผมไม่ชอบไปศาล ซึ่งเราไปแค่ครั้งเดียว แต่มันจะมีให้รายงานตัวที่ศาล ทีนี้สื่อก็โมโหผมอีกว่าแอนดรูว์หนีศาล VIP เหรอ มีลงข่าวนิดนึง ซึ่งก็งงที่เราโดนคนเดียว แต่เพื่อนไม่โดน มันแปลกมาก ทุกวันนี้ไม่คบเพื่อนคนนี้แล้ว
ถามว่าเราเคืองไหมที่พอศาลยกฟ้อง สื่อไม่มาทำข่าว ผมเป็นคนที่ชอบปลงครับ เป็นคนเข้าใจโลก เข้าใจวงการ เราเข้าใจสื่อ แล้วเรายิ่งเป็นตัวร้ายด้วย เราเข้าใจไม่ได้ว่าพี่ ๆ สื่อนะ แต่เราเข้าใจโลก ผมเป็นคนไม่ชอบเอาหน้าอยู่แล้ว ผมใช้คำว่าผมเป็นนักแสดง ผมไม่ใช่ดารา อาชีพของผมคือนักแสดง อีเวนต์ผมไปน้อยมาก ต้องสำคัญจริง ๆ
จริง ๆ ไม่ได้อยากบอกว่าน้อยใจหรืออะไรนะครับ เพียงแต่อยากจะบอกว่า ต่อจากนี้เป็นต้นไป ผมไม่พูดถึงอดีต แนะนำว่าคนล้มอย่าข้าม ในเรื่องของสื่อบางอย่าง คำพูดของสื่อที่สื่อเขียน เอาตรง ๆ คุณสามารถทำให้คนคนนึงเขาไม่มีที่เดินในสังคม หรือว่าคุณสามารถฆ่าคนคนนั้นได้ บางทีถ้าคนเขาจิตไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ บางทีอยากให้สื่อมองอะไรที่มันกว้าง ๆ กว่านี้
ยุคนี้มันเป็นยุคแห่งโซเชียล เดี๋ยวนี้มันฆ่ากันง่ายเหลือเกิน ผมใช้คำว่าทัวร์ลง ทุกวันนี้ไม่กล้าลงไอจีด้วย ผมเป็นคนที่ฮา ๆ ชอบพูด ชอบแซวอะไรที่มันแรง ๆ อย่างนี้ แต่หลังจากที่มีทัวร์ลงไปล่าสุดก็ค่อนข้างเฟดตัวเองมาพอสมควรว่าเริ่มไม่สนุกแล้ว ก็เลยมาเริ่มระวังตัวมากขึ้นในการลงโซเชียล”
