เปิดหมดใจ “ปิ๊ง จิดาภา” ดารานางสิบสอง ชีวิตพังเพราะคลิปเดียว เสียงาน เสียเพื่อน นอนจมกองน้ำตาครึ่งปี ลั่นถึงตกต่ำแค่ไหนก็ไม่คิดฆ่าตัวตาย ยืดอกกล้าเผชิญกับความผิดพลาด จะขอโอกาสจนกว่าทุกคนจะให้โอกาส พร้อมขอบคุณเวทีนางสาวไทย ฉุดจากความเศร้าจะเริ่มต้นใหม่ให้ได้
กลับมาเป็นดรามาร้อนอีกครั้ง กับกรณี “ปิ๊ง จิดาภา วัชรสินาพร”ดาราละครจักรวงศ์ “นางสิบสอง” ผ่านเข้ารอบ 50 คน ประกวดนางสาวไทยปี 2565 โดยโลกโซเชียลขุดกันยับไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์คลิปหนุ่มเอาถุงพลาสติกครอบหัวน้องหมาคอร์กี้เพื่อลงโทษ ตีสุนัขเสียงดัง ขณะที่เจ้าตัวหัวเราะคิกคัก จนคนรักสัตว์มองว่าเป็นการกระทำที่เกินไป รวมทั้งเคสที่เจ้าตัวเคยโพสต์เมาแล้วขับหนีด่าน คอนเทนต์เหยียดเชื้อชาติ คอนเทนต์อ้วนผอม จนมีการตั้งคำถามไปถึงผู้จัดประกวดทำนองว่าไม่เช็กประวัติผู้เข้าประกวดมาก่อนเลยหรือ
ล่าสุด ปิ๊ง จิดาภา ก็ได้เปิดใจถึงเรื่องนี้กับผู้สื่อข่าว MGR Online หลังจากนอนจมความทุกข์มา 6 เดือน วันนี้อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว จึงตัดสินใจเข้าประกวดเวทีนางสาวไทย โดยตนไม่ได้ปิดปังอดีต ทั้งยังนำชีวิตที่ผิดพลาดของตัวเองทำเป็นคลิปแนะนำจนทำให้ผ่านเข้ารอบ 50 คนด้วย
“มันคือความผิดพลาด ปิ๊งก็ยอมรับความผิดพลาดว่าปิ๊งผิดจริงๆ เป็นบทเรียนมากๆ จะให้ปิ๊งขอโทษอีกกี่ครั้งปิ๊งก็ยินดี ที่ผ่านมาปิ๊งได้รับผลจากสิ่งที่ปิ๊งทำลงไปแล้วก็ค่อนข้างหนักมากๆ
ช่องยูทิวบ์ที่ปิ๊งทำให้ความรู้เกี่ยวกับการเงินก็ต้องปิดไป ต้องลบทุกอีพี เพราะมีคนเข้าไปคอมเมนต์ในคลิปลิงก์เก่าๆเหมือนไม่อยากให้สนับสนุนปิ๊งเยอะมากๆ รวมไปถึงมีคนอีเมลไปถึงทีมโปรดักชั่นของปิ๊งเลยว่าไม่อยากให้ร่วมงานกับคนแบบนี้ ปิ๊งก็เข้าใจทีมโปรดักชั่นนะคะเลยดาเมจคอนโทรลไว้ก่อน เพราะไม่อย่างนั้นมันก็จะมีผลกระทบต่อส่วนอื่นๆ ของเขาด้วย ก็ค่อนข้างหนัก งานต่างๆ ในวงการที่เคยรับก็หายไปหมดเลย”
จมกับความทุกข์และน้ำตามาครึ่งปี
“ที่พีกสุดน่าจะเรื่องที่เพื่อนตีหมาแล้วเอาถุงไปคลุมน้อง มันเลยกลายเป็นเรื่องจุดประเด็นไปในเรื่องอื่นๆ ทำให้ชีวิตเราพังมากๆ เรียกว่าที่ผ่านมาก็จมอยู่กับความทุกข์ อยู่แต่กับตัวเองไม่ได้ทำอะไรเลยมาครึ่งปี โทษตัวเอง คิดวนไปวนมาว่าเราไม่น่าทำลงไปเลยแล้วก็คิดว่าในตอนนั้นอะไรทำให้เราทำแบบนั้นลงไป ทำไมถึงไม่คิดอะไรเลย ทำไมเราถึงทำเป็นเล่นไปได้ มันเป็นความผิดของปิ๊งที่เราเป็นคนสนุก มันเป็นเรื่องตลก เรามองแค่ว่าเราเล่นกับเพื่อน แล้วปั่นในสตอรี่ เราใช้ชีวิตเป็นคนทั่วไป แต่เราลืมไปว่าเราก็เป็นคนของสาธารณะ ลืมตัวว่ามีคนตามเราที่เป็นทั้งเยาวชนด้วย เรามองแค่ว่าเราเล่นกับเพื่อน ให้เพื่อนฮาเท่านั้น จากเรื่องนี้มันทำให้เราคิดว่าเราต้องมองหลายๆ มุมบ้าง”
หนักสุดในชีวิตคนที่รักที่สุดจากไปยังไม่หนักเท่านี้ รู้สึกโลกพังทลายเสียทั้งงานที่รัก และคนที่ไว้ใจ
“ตั้งแต่เกิดมาเรื่องนี้หนักที่สุด คนที่ปิ๊งรักที่สุดคืออากงเสียชีวิตไปยังไม่หนักเท่าเรื่องนี้เลย ครึ่งปีที่ปิ๊งนอนจมอยู่กับกองน้ำตา มันไม่ใช่แค่เรื่องงาน แต่เพื่อนด้วย เพื่อนสนิทเลิกคบกันไปเยอะเหมือนกัน ชาวเน็ตไปด่าเพื่อน เพื่อนรู้สึกไม่ดีกับเรา ปิ๊งเข้าใจเขานะคะ แต่ตอนนั้นเราก็แย่อยู่ มีบางคนไลน์มาบอกว่าปิ๊งช่วยลบรูปเก่าๆ ที่มีเขาอยู่ในไอจีปิ๊งออกให้หมดเลยได้ไหม ไม่อยากให้ใครมารู้ว่าใครเป็นเพื่อนกับปิ๊งอ่านจบปุ๊บปิ๊งโฮเลย เราคิดว่าเพื่อนน่าจะเข้าใจเรา แต่พอเป็นแบบนี้เรารู้สึกว่าโลกเราพังไปหมดเลย เสียทั้งงานที่เรารัก เสียทั้งคนที่เราไว้ใจ คอมฟอร์ดโซนที่เราไว้ใจ เราไม่กล้าไว้ใจใครอีกเลย
เรามองว่าโลกนี้ไม่มีใครเข้าใจเราเลย นอกจากตัวเราเอง นอนจมกับน้ำตาไม่ทำอะไรเลย ไม่ออกบ้าน ไม่ทำงาน นอกจากงานในวงการบันเทิงแล้วปิ๊งยังเป็นที่ปรึกษาด้านการเงิน ช่วงนั้นก็ลาออกหมด ชีวิตไม่อยากทำอะไรเลย มันหนักขนาดที่เราอยากหนีไปไกลๆ อยากหายไปจากโลกนี้”
โชคดีที่ยังรักชีวิตตัวเอง เลยไม่จมดิ่งจนคิดฆ่าตัวตาย
“เราเสียทั้งงานที่เรารัก ทั้งเพื่อนและคนที่เรารัก จนมันถึงจุดที่เจ็บปวดที่สุด เศร้าที่สุด ปิ๊งถามกับตัวเองว่ายังอยากจะมีชีวิตอยากมีความสุขต่อไปอีกไหม อยากที่จะหลุดออกจากเรื่องแบบนี้ได้ไหมเราคิดวนเวียนซ้ำๆ มานาน ปิ๊งถามตัวเอง แล้วปิ๊งก็ตั้งปณิธานว่าปีใหม่นี้เราจะเลิกคิดเลิกเศร้า จะลุกขึ้นมาทำอะไรซักอย่างเพื่อเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตัวเอง เลยมาสมัครเวทีนางสาวไทย
มันเหมือนก้าวใหญ่ๆ อีกหนึ่งก้าวที่ฉุดปิ๊งออกมาจากกองน้ำตา ด้วยคอนเซ็ปต์ของเวทีตรงกับชีวิตปิ๊งด้วย ปีนี้เวทีโอเพ่นมาก ยอมรับความแตกต่าง ความหลากหลาย ไม่จำกัดน้ำหนัก ส่วนสูง ไม่ว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหน ก็จะกำเนิดใหม่ไปด้วยกัน ปิ๊งก็อยากจะกำเนิดใหม่ไปด้วยกันกับเวทีนี้
ปิ๊งไม่เคยคิดจะฆ่าตัวตาย ปิ๊งมองว่าชีวิตคนเรามีค่า ถึงปิ๊งจะพิการ อวัยวะบางส่วนหายไป แต่ปิ๊งก็ยังอยากจะมีชีวิตอยู่ ชีวิตมันคือคุณค่า คือของขวัญที่พระเจ้าให้มา ต่อให้มันจะทุกข์ จะเจ็บขนาดไหน ปิ๊งก็ยังอยากจะใช้ชีวิตต่อไป มันคือรสชาติของชีวิต โชคดีมากๆ ที่ปิ๊งยังรักชีวิตตัวเอง เราจะล้มจนเละขนาดไหนเราก็ต้องกล้าที่จะลุกขึ้นมาเผชิญกับความผิดพลาดในอดีตของตัวเองให้ได้ กล้าที่จะเดินต่อ พิสูจน์ให้ได้ว่าเราก็เป็นคนๆ นึงที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ เป็นคนดีของสังคมได้เหมือนกัน”
ตอนมาสมัครนางสาวไทย ได้เตรียมใจที่จะต้องเจอเรื่องนี้อีกครั้งอยู่แล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรตนก็ยังจะขอโทษกับเรื่องที่ผิดพลาด และรอโอกาสที่จะได้เริ่มต้นใหม่
“คิดอยู่ว่าคงจะมีเรื่องเดิมๆ วนกลับมาอีก ชีวิตปิ๊งมันเดินทางไปถึงจุดที่ต่ำที่สุดแล้ว เรารู้เลยว่าคนที่เขาตกต่ำที่สุดในชีวิตเขาเป็นกันยังไง มันหนักจนถ้ามันกลับมาอีกเราก็ชินแล้ว เราก็ต้องยอมรับผลของมัน ปิ๊งยอมรับทุกอย่างได้แล้ว เพราะความจริงก็คือเราผิดจริงๆ ต่อให้คนจะด่าจะว่าปิ๊งขนาดไหนปิ๊งก็ยังจะขอโอกาสการที่คุณให้โอกาสคนๆ นึงไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ขนาดนั้น มันมีค่าสำหรับคนๆ นั้นมากๆ มันทำให้ชีวิตที่ไร้ค่า ไร้ความหมายกลับมามีกำลังใจที่จะเดินต่อไปได้ ปิ๊งก็ยังจะรอวันที่ทุกคนให้โอกาสปิ๊ง”