xs
xsm
sm
md
lg

เปิดใจ "หนุ่ม กรรชัย" จากนักแสดงสายเพลย์บอยสู่คนข่าวผู้ทรงอิทธิพล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อาจจะไม่ใช่นักแสดงระดับพระเอกที่มีชื่อเสียงชั้นแนวหน้า แต่คงไม่มีใครปฏิเสธว่าในอดีต "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" คือนักแสดงคนหนึ่งที่ตกเป็นข่าวอยู่บ่อยครั้งไม่แพ้ใครๆ

โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับผู้หญิงและความเจ้าชู้ด้วยแล้ว ชื่อของเจ้าตัวนั้นต้องเรียกว่าอยู่ในระดับต้นๆ ของวงการเลยก็ว่าได้

จากนักแสดงสายเพลย์บอยในวันนั้น คงเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการได้ว่าในวันนี้เขาจะกลายมาเป็นคนข่าวคนหนึ่งที่บทบาทหน้าที่การงานสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการเป็นอย่างมาก ซึ่งแม้แต่เจ้าตัวเองก็คิดภาพที่ตนเองเป็นอยู่ในตอนนี้ไม่ออกเช่นกัน...

"เกี่ยวกับข่าวที่ทำตอนแรกทำรายการที่ชื่อว่าเมืองไทยวาไรตี้ ตอนนั้นเป็นรายการวาไรตี้กึ่งข่าว แรกๆ เป็นวาไรตี้เลย ตอนหลังจึงมีการเปลี่ยนให้มีเชิงข่าวเข้ามาด้วย พอไปทำตรงนั้นรู้สึกติดใจ หลังจากรายการนั้นเลิกไปก็ได้มาทำรายการบอกเก้าเล่าสิบ แล้วหลังจากนั้นจึงมาทำปากโป้ง"

"ปากโป้งตอนยุคหลังก่อนที่จะเลิกรายการไป ก็เริ่มมาเป็น Heart Talk แบบเต็มรูปแบบ พอเลิกไปผมก็มาที่ช่อง 3 แล้วเสนอรายการโหนกระแส หลังจากนั้นก็ทำรายการฮาร์ดทอล์ก เชิงข่าวมาตลอด...คือชอบสัมภาษณ์เป็นคนอยากรู้นั่นอยากรู้นี่ คือเป็นคนที่แบบขอโทษนะเสือกน่ะ อยากฟังคนอื่นเขาพูด"

บอกเสียงตอบรับเกินความคาดหมาย ..."เกินความคาดหมายแต่ว่าก็ยังมีคนที่ ไม่ชอบเราก็มี ก็ต้องขอบคุณเขาด้วยที่ เวลาเขาไม่ชอบเขาก็จะบอก ว่ามันไม่ดีตรงนี้ มันไม่ควรจะอย่างนี้ เราก็จะเอาตรงนั้นมาปรับปรุง"

"ส่วนเรื่องเคสที่เข้ามา เยอะมากครับเยอะมาก วันหนึ่ง 200-300 เรื่อง ก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าปัญหาที่เข้ามาวันๆ 200-300 เคสเป็นปัญหาที่เราอาจจะมองว่าเล็ก คนอื่นอาจจะมองว่าเล็กแต่มันใหญ่สำหรับเขา แต่เราไม่สามารถช่วยเหลือทุกคนได้ เราก็ต้องเลือกเคสที่มันจำเป็น อย่างเช่นเคสของฟ้า ที่โดนเจ๊กั้งทำร้ายทารุณกรรม เขาก็ส่งมาร้องกับพี่พอพี่ดูก็ต้องวางแผน ว่าจะทำเรื่องนี้อย่างไร จะทำเรื่องนี้แบบไหน"

"คือจริงๆ ก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า รายการโทรทัศน์รายการทีวีก็ยังเป็นธุรกิจอยู่ดี ทุกคนต้องทำเพื่อเรตติ้งของช่อง ถามว่าเพื่ออะไรเรตติ้งคือตัวสำคัญ ในการที่จะขายโฆษณาได้ การแย่งแขกก็เป็นการแย่งเพื่อทำเรตติ้ง ผมได้คนนี้มาผมนำเสนอไป ผมก็ได้เรตติ้งก่อน เพราะว่าเขาออกผมแล้วเขาอาจจะไม่ได้ไปดูคุณ เขาได้ไปผมก็ถือว่าไม่เป็นไร ผมก็ต้องหาเรื่องอื่นมาแก้ลำไป"



"มันเป็นประเด็นของการต่อสู้ในเชิงธุรกิจด้วย ไม่ได้ต่อสู้กันในเชิงข่าวอย่างเดียว ต้องยอมรับว่ามันคือเรื่องจริง แต่แน่นอนว่าสิ่งหนึ่งที่เราต้องมีคือ ต้องมีจริยธรรม ในการต่อสู้คือจะไม่มีการชกใต้เข็มขัด จะไม่มีการวางยาเขา เช่นไปบอกว่าคุณมาออกผมนะ คุณไม่ต้องไปออกรายการเขารายการเขามันไม่ดี รายการเขาไปแล้วตายนะ รายการผมดีกว่า พี่จะไม่เคยพูด พี่จะให้เขารู้สึกว่า มาออกผมนะผมจะทำอย่างนี้ให้ ผมจะช่วยแบบนี้ ผมจะทำแบบนี้"
เผยทุกวันนี้ก็ยังเชิญแขกยกเหมือนเดิม เพราะใช่ว่าทุกคนจะอยากมาออก ส่วนเรื่องที่หลายคนบอกเจ้าตัวอำมหิตพาตำรวจมาจับแขกในรายการ เรื่องนี้เจ้าตัวเผยว่า
"กรณีที่มีตำรวจมาจับแขกรับเชิญในรายการ พี่ก็ไม่ได้แฮปปี้กับมันนัก ถามว่าเพราะอะไรเพราะว่าเราเองก็ต้องดูแลแหล่งข่าวเราด้วยเหมือนกัน แต่ว่าในบริบทนี้ มันมีรายละเอียดซับซ้อน คือต้องบอกก่อนเลยว่าเราไม่รู้มาก่อนเลยว่า คุณดาวแกมีหมายจับ แต่ระหว่างการสัมภาษณ์ในรายการ ปรากฏว่าทนายความของผู้เสียหาย เขายื่นใบมาให้ดู ว่าเนี่ยหมายจับ เราก็มาดูอ้าวตายห่า"

"สักพักหนึ่งหูฟังที่ใส่ก็มีคนพูดขึ้นมา พี่ตำรวจมาอยู่ข้างล่าง ก็เลยแบบสุดท้ายก็ต้องยอม โอเคให้เขาขึ้นมาแล้วกัน แต่ขอให้อยู่ข้างหน้า ขออนุญาตรอให้ดำเนินรายการเสร็จก่อน"

"อำมหิต" คำนี้มีที่มามั้ย?

"ก็ไอ้มดดำไง คือมดดำเขาชอบพูด กรรชัยอำมหิต มีเรื่องกับคนอื่นได้แต่อย่ามีกับกรรชัย คนก็เลยเอาไปพูดประกอบกับมันมีเคสนี้เกิดขึ้น เขาก็เลยเอามารวมกันว่าเราอำมหิต ซึ่งจริงๆ ทุกสิ่งทุกอย่างมันอยู่ที่คำตอบของคนนั้นมากกว่า พี่ถามคำถามเหมือนชาวบ้านถาม เพียงแต่คนที่เขารู้สึกว่า เขาจะตอบออกมา"

"แล้วถ้าเกิดเขาตอบแบบปกปิด ตอบแบบไม่ชัดเจน มันจะกลายเป็นว่าคำถามบ้านๆ ของพี่ มันจะใหญ่กว่าคำตอบของเขา เขาก็จะถูกด่า โหกรรชัยมันถามดีโว้ย จริงๆเปล่าเลย ก็ถามปกตินั่นแหละ แต่ถ้าเขาตอบมาดี คำถามพี่ก็ไม่มีอะไร แค่นั้นเองมันอยู่ที่เขาเองมากกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่คำตอบ"

เหมือนเราจะทำเกินหน้าที่สื่อไปหรือเปล่า?

"มีนักข่าวที่เขาออกแนวอาจารย์หรือนักวิชาการคนหนึ่ง เขาใช้คำพูดของเขาว่าการเป็นสื่อกลางได้ แต่เป็นคนกลางไม่ได้ แต่พี่ไม่เชื่อ พี่ไม่เชื่อในสิ่งที่เขากำลังพูด แล้วเขาก็ด่าพี่อยู่เสมอ เขาจะค่อนแคะพี่อยู่เสมอ แต่พี่ไม่เชื่อเพราะพี่รู้สึกว่า ปัจจุบันนี้สื่อไม่ได้มีแค่จรรยาบรรณอย่างเดียว คุณต้องมีจริยธรรมความเป็นมนุษย์ด้วย ในการที่จะช่วยเหลือคุณในเมื่อคุณมีโอกาส"

"คุณจะแค่นำเสนอหรือเป็นสื่อกลางแล้วจบ แล้วหน่วยงานอื่นเขาจะไปแก้ ไม่ใช่ ถ้าเกิดให้เปรียบเทียบเหมือนพี่เป็นสถาปนิก แล้วเดินไปเห็นคนถูกรถชนกลางถนน แล้วพี่เดินผ่านไปคนก็ถามว่าทำไมไม่ช่วย แล้วพี่ตอบว่าอ๋อ กูเป็นสถาปนิกกูไม่ใช่หมอ พี่ทำได้หรือ นั่นแสดงว่าคุณไม่มีจริยธรรมในหัวใจเลย ความเป็นมนุษย์คุณไม่มีเลย เพราะฉะนั้นพี่รู้สึกว่าไม่เป็นไร คุณก็ยึดถือแนวทางของคุณไป ผมก็ยึดถือแนวทางของผม"

"ไอ้ความเป็นกลางพี่บอกหรือว่ามันไม่มีหรอก แต่ความเป็นธรรมมันต้องมี พี่มองว่าทุกวันนี้สังคมมันต้องขับเคลื่อนด้วยการเอื้อเฟื้อแล้วก็ช่วยเหลือกัน อันไหนที่มันช่วยกันได้เป็นหูเป็นตาให้กันได้ก็ทำกันไป ปัจจุบันก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า หน่วยงานราชการในบางหน่วยงานก็ช้าเกินไป บางทีก็มองไม่เห็นจนเกินไป คือไม่ได้ว่าหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ"

"แล้วพอมันเกิดขึ้นมันทำให้ประชาชน จะนึกถึงสื่อเป็นอันดับแรก สังเกตไหมว่าทุกวันนี้มีอะไรเขาจะบอกเลย เดี๋ยวจะร้องสื่อเดี๋ยวจะถ่ายคลิปไปลง เดี๋ยวจะอะไรแบบนี้ แทนที่จะบอกเดี๋ยวจะแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้แทบจะไม่มี"


ในฐานะสื่อ ทุกวันนี้อยากรณรงค์การนำเสนอเรื่องอะไรมากที่สุด?"ณ วันนี้พี่กำลังรณรงค์เรื่องการเสนอข่าวเกี่ยวกับเด็ก ทุกครั้งที่พี่นำเสนอข่าวเกี่ยวกับเด็กพี่จะลบคลิปทั้งหมดทิ้ง อย่างวันนี้พี่ทำเรื่องเด็ก 11 ขวบถูกข่มขืนแล้วหายตัวไป ซึ่งหลังจากออกรายการไปแล้ว แล้วเจอตัวเด็กเมื่อไหร่ พี่จะสั่งให้ทีมงานพี่ลบเทปนี้ออกจากทุกเพจปลอมในโซเชียล ถามว่าเพราะอะไรวันนี้เราประกาศตามเขาจะเห็นหน้าญาติเขาอยู่ เห็นหน้าพ่อเลี้ยงเขาหรือบางสื่ออาจจะเห็นหน้าแม่ ตรงนี้อันตราย"

"ถ้าเกิดยังปล่อยทิ้งไว้ในโซเชียลมันยังวนเวียนอยู่ เด็กคนนี้โตขึ้นมามีสังคมแล้วต้องไปเรียนหนังสือ แล้วปรากฏว่าเขาถามว่า เฮ้ย ย่ามึงไปออกรายการ มึงถูกข่มขืน เฮ้ยนั่นพ่อเลี้ยงมึงข่มขืนมึงหรือ เอานี่ลูกแม่มึงไม่ใช่หรือ ที่แม่มึงข่มขืน เด็กคนนี้โตลำบากนะ มันจะมีปมในใจเขาทันที วันนี้ขอแค่ให้ได้เจอแล้วพยายามลบทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเกี่ยวข้องกับตัวเขาทิ้งให้หมดเพื่อเขาจะได้มีชีวิตของเขาต่อไปในสังคมได้"

หลายคนยกให้เป็นเบอร์ 1

"อย่ามองว่าพี่เป็นเบอร์หนึ่งเลยเพราะว่าไม่มีใครเป็นเบอร์ 1 ไม่มีใครเป็นเบอร์ 2 ทุกคนตั้งใจทำงานเหมือนกันหมด พี่เชื่อแบบนั้น ไม่มีใครไม่ตั้งใจทำงาน คือการที่จะบอกว่าคนนั้นเบอร์ 1 คนนี้เบอร์ 2 มันทำให้คนอื่นรู้สึกท้อ เพราะเขาจะรู้สึกว่าเขาก็ตั้งใจทำงาน แต่ทำไมต้องมีเบอร์ 1 เบอร์ 2"

"คือพี่รู้สึกว่าปัจจุบันนี้มันแยกไม่ได้หรอกใครเป็นเบอร์ 1 เบอร์ 2 เบอร์ 3 เบอร์ 4 พี่คิดว่าทุกคนเท่ากันหมด คือเป็นคนตั้งใจทำงาน ทำเพื่อสังคมเท่ากันหมด"

ทำงานหนักมีปัญหากับสุขภาพมั้ย?

"ตอนนี้ถ้าโรคซึมเศร้ามันมี 9 ข้อ แล้วเข้า 5 ข้อเป็นโรคซึมเศร้านะ ของผมไปแล้ว 4 คือก่อนจะเข้าโรคซึมเศร้าต้องเป็นวิตกจริตก่อน หมอก็เลยบอกวิธีมาต้องทำยังไง ทำแบบไหน แต่ผมยังไม่เป็นนะ"

เคยนึกภาพว่าตัวเองจะมานั้งทำหน้าที่แบบนี้?

"ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าอนาคตเราจะเป็นอย่างไร 20 ปีก่อนผมก็ก๊อกๆ แก๊กๆ ของผมไป มีความสุขในชีวิตไปวันๆ ก็ไม่ได้คิดว่าอนาคตจะต้องมานั่งอ่านข่าว ช่วงชีวิตของคนมันไม่เหมือนกันนะ เราอาจจะมีโอกาสได้รับโอกาส แล้วเราคว้าไว้ โอกาสคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต อาจจะไม่ใช่เรื่องดวง อาจจะไม่ใช่เรื่องของโชค"

"แต่เป็นเรื่องของโอกาส เมื่อไรที่เรามีโอกาสแล้วเราคว้าเอาไว้ เราใช้โอกาสอย่างถูกต้อง ให้สมเป็นโอกาส ให้ดกิดประโยชน์ที่สุด ผมเชื่อว่าโอกาสนั้นมันจะทำให้คุณมีความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าไปได้ แต่ถ้าคุณใช้โอกาสที่ผิดๆ มันไม่มีทางเจริญได้ โอกาสสำคัญที่สุด"

"พี่อาจจะเป็นแค่ก้อนกรวดก้อนหนึ่ง แต่ว่าเมื่อไหร่ที่มันตกน้ำแล้วมันกระทบแรงหน่อย ปึ้ง! มันแตกเป็นวง พี่เชื่อว่าในวงนั้นน่ะ คนจะเห็นคนจะได้ทำตาม จะได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในสังคมให้มีการแก้ไขปัญหา"




กำลังโหลดความคิดเห็น